คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 393 หน้าด้าน
ตอนที่ 393 หน้าด้าน
ลู่เฉินโจวด้อมๆ มองๆ อย่างลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าประตูตระกูลเซิ่น
หญิงวัยกลางคนที่กำลังจะเดินผ่านระวังเขาเป็นพิเศษ
หากไม่ได้เห็นว่าเขาสวมชุดของค่ายองครักษ์ คงมีคนตะโกนเรียกจับเขาไปนานแล้ว
ลู่เฉินโจวถลึงตาไล่หญิงวัยกลางคนที่มีกำลังการต่อสู้แข็งแกร่งจากไป
นางเดินออกไปไกลกว่าจะด่าทอเสียงดังยังไม่พอใจ
ปกติแล้วมีแต่นางถลึงตาใส่สตรีน้อยใหญ่ที่หน้าบาง หรือแม้กระทั่งเด็กหนุ่ม
วันนี้ลมเปลี่ยนทิศ นางถูกชายหนวดเฟิ้มถลึงตาใส่ อีกทั้งนางยังเกิดความกลัวขึ้นมา
ช่างเหยียดหยามยิ่งนัก!
ชีวิตเหี้ยมหาญของหญิงวัยกลางคนจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร
ดังนั้น นางจึงวนกลับมา หลบอยู่ด้านหลังกำแพงเพื่อแอบมอง
นางจะดูว่าหญิงสาวไร้ยางอายนางใดชอบพอกับชายหนวดเฟิ้ม
ลู่เฉินโจวไม่ทันได้สังเกต เพียงแค่ถลึงตาก็เกิดเรื่องนินทา
เขาเกาหัวด้วยความลำบากใจ
ในมือถือหีบห่อหนึ่ง ด้านในมีของขวัญที่เขาเตรียมด้วยใจ
ลังเลอยู่กว่าครึ่งวัน ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้า เดินเข้าไปเคาะประตู
“ผู้ใด”
“ข้าเอง ลู่เฉินโจว!”
แอ๊ด!
ประตูถูกเปิดออก
หวังซานเหนียงอุ้มหลานชายยืนอยู่หน้าประตู เผยให้เห็นใบหน้างดงาม
“อ่อ เจ้าเองหรือ! ก่อนหน้านี้ข้ายังกำลังคิด ผู้ใดคือลู่เฉินโจว เคยเรียกเจ้าแต่หนวดเฟิ้มๆ ลืมถามชื่อของเจ้าไปเลย ขอโทษด้วย!”
หวังซานเหนียงตรงไปตรงมาอย่างมาก
นับแต่เข้าทำงานที่ร้านขายของชำหนานเป่ย หลังจากมีรายได้แล้ว คนก็เริ่มสดใสขึ้นมา แตกต่างจากนิสัยเงียบขรึมแต่ก่อน
เนื่องจากทำงานในร้านขายของชำ คนผ่านไปผ่านมา ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนหลากหลายประเภททุกวัน ความกล้าก็ถูกฝึกฝนออกมา
เมื่อพบกับคนแปลกหน้า นางก็กล้าทักทายอย่างผ่าเผย ไม่มีความเขินอายแม้แต่น้อย
นางชะเง้อหน้าออกมามองซ้ายขวา
“องครักษ์ลู่มาถามทางหรือ”
“ไม่ๆๆ ข้ามาหาเจ้าโดยเฉพาะ”
“มาหาข้า?” หวังซานเหนียงประหลาดใจเล็กน้อย
“เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ หรือว่าท่านต้องการซื้อสิ่งใด หากต้องการซื้อของ ท่านไปร้านขายของชำเถิด วันนี้ข้าพัก ไม่ทำงาน”
“ข้าไม่ซื้อของ ข้าแค่…”
ลู่เฉินโจวที่ปกติใจกล้าก็มีเวลาที่ใจเสาะ
สวรรค์มีตา!
หวังซานเหนียงรอประโยคถัดไปจากเขา
ลู่เฉินโจวเกาหัว ยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าได้ยินว่าเจ้าลงสอบของร้านขายของชำ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ ของข้า เจ้ารับเอาไว้ ขอตัว!”
ทันทีที่เขายัดหีบห่อใส่มือของหวังซานเหนียง เขาก็หันหลังเดินจากไป
ไม่ว่าหวังซานเหนียงจะเรียกอย่างไรก็ไม่หันกลับมา ไล่ตามก็ตามไม่ทัน
รับของขวัญจากชายแปลกหน้าที่เพียงแค่รู้จักอย่างกะทันหัน ทำให้นางกระอักกะอ่วนจนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
เมื่อหญิงวัยกลางคนที่หลบอยู่หลังกำแพงเห็นชายหนวดเฟิ้มที่หน้าตาโหดเหี้ยมจากไป นางจึงรีบวิ่งออกมา
“ซานเหนียง ชายหนวดเฟิ้มที่เพิ่งจากไปเป็นผู้ใดกัน หรือว่าจะเป็นคนรักของเจ้า”
หวังซานเหนียงต่อว่าทันที “อย่าพูดเหลวไหล! หากให้ข้ารู้ว่าท่านพูดเหลวไหล ข้าจะฉีกปากของท่าน!”
“โอย เจ้าเป็นคุณหนูแต่ดุร้ายเช่นนี้ ระวังแต่งไม่ออก ฮึ ลักลอบนัดพบผู้ชายมาถึงบ้านพี่เขยตัวเอง”
“ท่านพูดอันใด”
หวังซานเหนียงหยิบไม้กวาดขึ้นมาฟาดไปทางหญิงวัยกลางคน
ชีวิตเหี้ยมหาญจึงเริ่มต้นนับแต่นี้
…
ชุดพู่กัน หมึกและที่ฝนหมึกวางอยู่บนโต๊ะ
หลานชายจะเล่น แต่ถูกนางห้ามเอาไว้
นางกลุ้มใจเล็กน้อย มองพี่ใหญ่หวังหยวนเหนียงด้วยความกลัว
“ข้าเพียงแค่เคยพบกับเขาไม่กี่ครั้งที่ร้านขายของชำ เคยพูดคุยไม่กี่ประโยค ก่อนวันนี้แม้แต่ชื่อของเขายังไม่รู้ ข้าไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะมอบของขวัญให้ข้า อีกทั้งยังเป็นของขวัญที่มีมูลค่าเช่นนี้”
หวังหยวนเหนียงก็กลุ้มใจเล็กน้อย “รู้ว่าเขาพักที่ใดหรือไม่ ส่งคืนกลับไปให้เขา”
“ข้ารู้แค่เขาเป็นคนของค่ายองครักษ์ ส่วนเรื่องที่พัก ข้าก็ไม่รู้ ท่านพี่ ท่านว่าเขาหมายความว่าอย่างไร”
“หมายความว่าอย่างไร มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ! เขาชอบเจ้า มิฉะนั้นเหตุใดจึงยอมเสียเงินมากมายเช่นนี้ซื้อชุดสมบัติทั้งสี่ในห้องตำราให้เจ้า สมบัติทั้งสี่ในห้องตำราชุดนี้อย่างน้อยราคาหนึ่งถึงสองก้วน ไม่ได้ ของขวัญที่มูลค่ามากเช่นนี้ จะรับไม่ได้เด็ดขาด ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะมีเจตนาอย่างไร”
ท่าทีของหวังหยวนเหนียงแน่วแน่อย่างมาก
พี่เซิ่นรั้งนางเอาไว้ “หยวนเหนียง เจ้าอย่าใจร้อน ลองถามความคิดเห็นของซานเหนียงก่อน หากนางไม่คัดค้าน…”
“ถึงแม้จะไม่คัดค้าน แต่ของขวัญมูลค่ามากเช่นนี้ก็รับเอาไว้ไม่ได้ หากแพร่กระจายออกไป ผู้อื่นจะคิดว่าซานเหนียงโลภมาก เห็นแก่เงินของชายหนวดเฟิ้ม จงใจหลอกลวงชายหนวดเฟิ้ม ต่อจากนี้ ซานเหนียงยังคิดจะเอาชื่อเสียงอยู่หรือไม่”
พี่เซิ่นพูด “ไม่ร้ายแรงเหมือนที่เจ้าพูด”
หวังหยวนเหนียงสองมือเท้าเอว “ท่านทำงานอยู่ในโรงงานทุกวัน ย่อมไม่รู้ว่าแถบนี้มีสตรีลิ้นยาวมากน้อยเพียงใด เรื่องที่พูดไม่รู้เสียดหูเพียงใด ตอนที่ข้ากลับมา ยังเห็นซานเหนียงกำลังตีกับสตรีลิ้นยาวที่อยู่ตรอกด้านหลัง ไม้กวาดถูกนางตีจนหัก”
เหี้ยมหาญเพียงนี้เชียว?
พี่เซิ่นไม่อยากเชื่อ
หวังซานเหนียงก้มหน้าด้วยความเขินอาย
“คนผู้นั้นพูดจาย่ำแย่ ตอนนั้นข้าโกรธเกินไป จึงสนใจแต่ตีคน ไม่ทันระวังไม้กวาดก็หักเสียแล้ว”
อ่อ!
หวังหยวนเหนียงนวดขมับด้วยความปวดหัว
“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจรับของขวัญชิ้นนี้เอาไว้ได้ ซานเหนียงจะเข้าร่วมการทดสอบวัฒนธรรม ในเรือนมีพู่กันและหมึก ไม่จำเป็นต้องใช้ของผู้อื่น อีกทั้งใช้น้ำเปล่าเขียนหนังสือก็ไม่เลว สามารถฝึกฝนการเขียนให้ดีได้ อย่างน้อยก็ได้รู้จักตัวหนังสือ”
พี่เซิ่นพยักหน้า “ถูกต้อง! ตอนนั้นข้าก็ใช้น้ำเปล่าฝึกฝนการเขียน เวลานี้ก็พอจะเข้าตาของหานซินแสได้บ้าง วันนี้หานซินแสยังบอกให้ข้าฝึกฝนให้ดี พยายามเข้าร่วมการทดสอบระดับสอง”
“ท่านสามารถเข้าร่วมการทดสอบระดับสองได้หรือ” หวังหยวนเหนียงดีใจอย่างมาก
หากสอบผ่านได้ ผลตอบแทนของพี่เซิ่นก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีกระดับ
เมื่อถึงเวลานั้น นางจะมีน้องชายหรือน้องสาวให้บุตรอีกคน
สิ้นปี หลังจากให้เงินทั้งสองบ้านแล้ว ในมือก็มีเงินเหลือใช้มากขึ้น
พี่เซิ่นพูด “การสอบระดับที่สองยังไม่ได้กำหนดเวลา อาจเป็นปีหน้า หานซินแสได้เตือนข้าเอาไว้แล้ว ต่อมา ข้าก็ต้องฝึกฝนทุกวัน อ่านตำราทุกวัน ประหยัดหน่อย เก็บเงินหน่อย พวกเราไปซื้อกระดาษปึกหนึ่ง ไปคัดบทกวีสองบทจากหานซินแส เมื่อถึงเวลานั้น เจ้ากับซานเหนียงก็สามารถฝึกไปด้วยกัน”
ดีเสียจริง!
หวังหยวนเหนียงทำหน้าดีใจ
แต่เรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้ ยังคงเป็นการตามหาชายหนวดเฟิ้ม ส่งของขวัญคืนให้เขา
“พี่ใหญ่ ข้าไปกับท่านดีกว่า!”
“เจ้าเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้หมั้นหมาย เจ้าไปทำอันใด เมื่อถึงเวลานั้นไม่รู้จะมีเสียงนินทามากน้อยเพียงใดส่งออกไป ข้าเตือนเจ้า ไม่ว่าสุดท้ายเจ้ากับชายหนวดเฟิ้มจะตกลงปลงใจกันหรือไม่ แต่ก่อนที่จะหมั้นหมาย เจ้าไม่อาจรับของขวัญที่มีมูลค่ามากเช่นนี้จากเขา”
หวังซานเหนียงร้อนใจจนกระทืบเท้า นางรีบแก้ตัว “ข้ากับชายหนวดเฟิ้มไม่ได้มีอันใดกัน! ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่รู้ชื่อของเขาด้วยซ้ำ”
หวังหยวนเหนียงทำหน้าบึ้ง “ไม่มีอันใดย่อมดีที่สุด! เดี๋ยวข้ากลับมา”
“ท่านพี่รู้ว่าเขาพักที่ใดหรือ”
“ด้านล่างจมูกเป็นปาก ไม่รู้ว่าเขาพักที่ใด ถามผู้อื่นเอาไม่ได้หรือ ชายหนวดเฟิ้มมีลักษณะโดดเด่นเช่นนั้น ย่อมมีคนมากมายรู้จักเขา”
พี่เซิ่นก็เกลี้ยกล่อมหวังซานเหนียง “เจ้าอย่ากังวลพี่เจ้า! พี่เจ้ามีความสามารถ ข้าจะออกไปพอดี พวกเราไปด้วยกัน! รบกวนซานเหนียงดูเรือนด้วย!”
…
หวังหยวนเหนียงถือหีบห่อมาถึงค่ายองครักษ์ บอกว่าจะพบชายหนวดเฟิ้ม
ในค่ายองครักษ์มีชายหนวดเฟิ้มเพียงคนเดียว ลู่เฉินโจว
ดังนั้น ไม่มีทางผิดพลาด
รออยู่สักพัก ลู่เฉินโจวก็เดินทางมา บนตัวยังมีกลิ่นสุรา
เห็นได้ชัดว่าถูกคนดึงออกมาจากโต๊ะสุรา
หวังหยวนเหนียงก็รู้สึกรังเกียจในทันที
นางยื่นหีบห่อนั้นไปตรงหน้าเขา “ข้าเป็นพี่ใหญ่ของหวังซานเหนียง ขอบใจน้ำใจที่เจ้ามีต่อซานเหนียง! เพียงแต่ของขวัญนี้มีมูลค่ามากเกินไป ซานเหนียงไม่ได้เป็นอันใดกับเจ้า ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม ดังนั้นซานเหนียงไม่อาจรับของขวัญชิ้นนี้เอาไว้ได้
หากเจ้ามีใจจริง ก็เชิญแม่สื่อไปสู่ขอที่เรือนข้า สำเร็จหรือไม่ค่อยหารือกัน เจ้าแอบส่งของขวัญให้ซานเหนียงลับหลัง มันไม่เหมาะสม หากถูกคนพบเข้าแล้วถูกแพร่กระจายออกไป ไม่รู้จะเกิดเสียงนินทามากน้อยเพียงใด!”
ลู่เฉินโจวอับอายอย่างมาก
โชคดีที่เขาผิวดำ หน้าแดงก็มองไม่ออก
เขาทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
“ข้าๆๆ ข้าก็แค่เห็นนางใกล้สอบแล้ว คราวก่อนข้าได้ยินคนพูดในร้านขายของชำ พอดีข้ามีชุดพู่กันและหมึกที่ยังไม่ได้ใช้ จึงส่งไปให้นาง หวังว่านางจะสอบผ่านอย่างราบรื่น ต่อจากนี้ก็จะเป็นผู้ดูแลของร้านขายของชำ เป็นหัวหน้าคน”
“น้ำใจของเจ้า ซานเหนียงรับเอาไว้ด้วยใจแล้ว! เพียงแต่ตระกูลของพวกเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า จะรับของขวัญของเจ้าได้อย่างไร”
“พี่ใหญ่พูดถูก ข้าคำนึงไม่รอบคอบเอง ข้าจะเชิญแม่สื่อเดินทางไปสู่ขอวันอื่น”
หวังหยวนเหนียงแทบจะกลอกตาขึ้นฟ้า
ชายหนวดเฟิ้มคนนี้ดูท่าทางเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง
บังอาจเรียกนางว่าพี่ใหญ่
หวังหยวนเหนียงอยากจะต่อว่าเขาสักคำ นางไม่เคยพบกับคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน
นางทำหน้าบึ้ง พลันพูด “ระยะนี้ซานเหนียงยุ่งมาก เจ้าอย่ารบกวนนาง เรื่องสู่ขอ ค่อยหารือกันวันหลังเถิด!”
พูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่รีรอ
ลู่เฉินโจวยังคงหัวเราะอย่างโง่เขลา เขาตะโกน “พี่ใหญ่วางใจ รอสอบเสร็จ ข้าจะให้แม่สื่อไปสู่ขอ!”
หวังหยวนเหนียงสะดุดจนเกือบล้ม