คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 395 ความจริงใจ
จี้ซินแสหัวเราะร่า เขาอารมณ์ดีอย่างมาก
โดยเฉพาะเมื่อเห็นเซียวอี้พูดไม่ออก ท่าทางถูกเยียนอวิ๋นเกอจัดการจนอยู่หมัดนั้น ช่างน่าดีใจเสียจริง!
เขาดื่มชาเพื่อตั้งสติ “ขอบพระคุณคุณหนูที่เชื้อเชิญ ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก!”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ซินแสคิดจะปฏิเสธคำเชิญของข้าหรือ”
เซียวอี้ประกายความหวังขึ้นมา แม้จะได้ใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาแม้แต่น้อย
เขากลัวเยียนอวิ๋นเกอจะจี้ใจดำของเขาอย่างโหดร้ายอีก...
ความรู้สึกนั้นช่าง…
เขาย่อมไม่อยากลิ้มลองเป็นครั้งที่สอง
จี้ซินแสหัวเราะ พลันพูด “การสอนหนังสือเป็นวิธีการเกษียณที่ดีมาก แต่ว่าข้าไม่ยอมแก่ รู้สึกยังดิ้นรนได้อีกหลายปี อย่างน้อยก็ช่วยนายน้อยของข้าสร้างรากฐานให้ดี!
รอจนข้าเดินไม่ไหวแล้ว ไม่อาจติดตามนายน้อยไปทุกที่เมื่อใด หากเวลานั้นคุณหนูไม่รังเกียจว่าข้าแก่ชรา ข้าย่อมเต็มใจที่จะมาสอนผู้คนในพื้นที่สุขสงบเช่นนี้”
เซียวอี้ซาบซึ้งอย่างมาก
หัวใจของจี้ซินแสยังคงเข้าข้างเขา
เขาดีใจมาก อีกทั้งยังซาบซึ้งอย่างมาก
“ขอบพระคุณซินแส! ข้าย่อมไม่ทรยศซินแส อีกทั้งยังจะไม่ปล่อยให้ความหวังของซินแสต้องว่างเปล่า!”
จี้ซินแสพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าตนเองมีความสามารถในการดูคนอยู่บ้าง นายน้อยย่อมจะประสบความสำเร็จในไม่ช้า”
เซียวอี้พูดอย่างจริงจัง “ขอบพระคุณซินแสที่เชื่อใจ!”
เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกเสียดายอย่างมาก!
แน่นอน นางย่อมไม่คาดหวังว่าจะแย่งคนสำเร็จได้ในครั้งแรก
ผู้มีความสามารถย่อมมีความเย่อหยิ่ง หรืออาจจะภาคภูมิในตัวเองเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างมีนิสัยของตัวเอง ไม่ถูกคนสั่นคลอนได้อย่างง่ายดาย
หากไม่เชิญสักสามครั้งห้าครั้ง จะแสดงให้เห็นความจริงใจได้อย่างไร
ดังนั้น ถึงแม้เยียนอวิ๋นเกอจะเสียดาย แต่นางก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
วันนี้เชื้อเชิญไม่สำเร็จ คราวหน้าหากหาโอกาสได้ นางย่อมจะส่งคำเชื้อเชิญที่จริงใจเหมือนเดิม
ครั้งแรกไม่ได้ก็ครั้งที่สอง…
ครั้งที่สองไม่ได้ก็ครั้งที่สาม…
คำเชิญของนางยังคงมีผลเสมอ!
“ถึงแม้ซินแสจะปฏิเสธข้า แต่คำเชิญของข้ายังคงมีผลเสมอ เมื่อใดที่ซินแสรู้สึกเหนื่อยแล้ว สู้มาเป็นแขกในเรือนพักร่ำรวย เป็นซินแสสอนหนังสือสักหลายวัน เปลี่ยนแนวคิดบ้างก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เลว”
“ความจริงใจของคุณหนู ข้าได้รับแล้ว หากมีโอกาส…”
“เวลานี้ก็มีโอกาส! วันอื่นไม่สู้วันนี้ หลายวันนี้ซินแสว่างหรือไม่ ท่านพอจะสอนหนังสือให้เด็กกลุ่มหนึ่งได้หรือไม่”
“อ๋อ? เรือนพักมีสำนักศึกษาแรกเริ่มด้วยหรือ ข้าคิดว่ามีเพียงห้องเรียนตัวอักษร และห้องเรียนคำนวณ”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “สำนักศึกษาแรกเริ่มจัดตั้งขึ้นมาไม่นาน คุณภาพของเด็กแตกต่างกันไป ขอซินแสโปรดอภัย ก่อนหน้านี้หลายปี ข้าคิดจะจัดตั้งสำนักศึกษาแรกเริ่มเสมอมา เพียงแต่เวลานั้น ความอิ่มของปากท้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เด็กที่อายุถึงคราวต้องศึกษาตำราล้วนเป็นแรงงานส่วนหนึ่งของครอบครัว
หลายปีนั้นในเรือนพักยังไม่มีการสอบวัฒนธรรม ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต่างคิดว่าการให้เด็กศึกษาตำรานั้นเสียเวลา อีกทั้งยังไร้ประโยชน์ จนกระทั่งต้นปีนี้ มีการทดสอบวัฒนธรรมขึ้นมา อีกทั้งยังจำเป็นต้องผ่านการทดสอบวัฒนธรรมจึงจะเลื่อนขั้นเป็นพ่อบ้านได้ บรรดาผู้ใหญ่จึงมองเห็นข้อดีของการศึกษาตำราอย่างแท้จริง สำนักศึกษาแรกเริ่มจึงจัดตั้งขึ้นมาก่อนหลังรับลูกศิษย์สองชุด ทั้งหมดห้าสิบราย”
เมื่อจี้ซินแสฟังจบ จึงพูดขึ้น “ทุกสิ่งล้วนบรรลุผลเมื่อสุกงอม! หากไม่มีการสอบวัฒนธรรม ทำให้บรรดาผู้ลี้ภัยและผู้เช่าที่เห็นข้อดีที่จับต้องได้ สำนักศึกษาแรกเริ่มก็ไม่อาจจัดตั้งขึ้น การสั่งสมในหลายปี รวมกับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เรือนพักร่ำรวยก่อเกิดวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพขึ้นมา ควรค่าแก่การเป็นแบบอย่างยิ่งนัก
เสียดาย ราชสำนักไม่มีความสามารถ ตระกูลขุนนางยึดครองราชสำนัก แม้ราษฎรมีกำลังที่จะศึกษาตำรา แต่ก็ไร้โอกาสที่จะรับราชการ ศึกษาตำราแต่ไม่อาจรับราชการ อีกทั้งยังต้องสิ้นเปลืองเงินและเสบียงจำนวนมาก มิน่าราษฎรจึงไม่ยอมส่งบุตรหลานเข้าสำนักศึกษาตั้งแต่เด็ก
รูปแบบของเรือนพักร่ำรวยให้แนวคิดใหม่แก่ข้า ศึกษาตำราไม่จำเป็นต้องรับราชการ การเป็นพ่อบ้านก็ไม่เลว เพียงพอที่จะหาเงินสำหรับการศึกษาคืนไป เปลี่ยนแปลงชีวิตในครอบครัวให้ดีขึ้น เพียงแค่ทำให้ราษฎรเห็นถึงข้อดี พวกเขาก็จะเต็มใจส่งบุตรหลานไปสำนักศึกษา แม้ต้องกัดฟันก็จะอดทนต่อไป
ถึงแม้การพูดเช่นนี้จะเห็นแก่ผลประโยชน์อย่างมาก แต่ผลประโยชน์ที่เพียงพอจึงจะทำให้ใจของราษฎรหวั่นไหวได้ มีเพียงผลประโยชน์ที่ทำให้ผู้คนไล่ตาม นายน้อยตระกูลใหญ่ยังหลีกเลี่ยงที่จะไล่ตามผลประโยชน์ไม่ได้ พวกข้าจะเข้มงวดกับหัวใจที่หวังผลประโยชน์ของราษฎรตัวน้อยได้อย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอโน้มตัวเล็กน้อย “ซินแสมีความเห็นกว้างไกล พูดได้ตรงประเด็นในคราวเดียว ข้าแค่เพียงทำการทดลองเล็กๆ ในเรือนพักร่ำรวย แต่จะผลักดันออกไปได้หรือไม่ มีโอกาสผลักดันหรือไม่ ล้วนไม่อาจบอกได้ เหมือนที่ซินแสพูด ราชสำนักล้วนอยู่ในกำมือของตระกูลขุนนาง พวกเขาคงไม่เต็มใจที่จะเห็นสำนักศึกษาแรกเริ่มกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ทุกคนต่างศึกษาตำราได้”
เฮ้อ…
เสียงถอนหายใจหนึ่ง!
จี้ซินแสลูบเครา “มันก็เป็นเรื่องที่จนปัญญา! ตระกูลขุนนางมีจุดยืนของตัวเอง แต่ข้าสงสัยอย่างมาก คุณหนูมีชาติกำเนิดจากตระกูลขุนนางเช่นเดียวกัน เหตุใดจึงยอมให้โอกาสราษฎร ตามที่ข้ารู้ ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น ยังมีจำนวนไม่น้อยเป็นผู้ลี้ภัย”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ความคิดของข้ามักไม่เหมือนกับคนอื่น บางทีมันจึงเป็นสาเหตุที่ผู้อื่นวิจารณ์ว่าข้าไม่ปฏิบัติตามประเพณี”
จี้ซินแสอดพูดกับเซียวอี้ไม่ได้ “นายน้อยตาถึง!”
มุมปากของเซียวอี้ยกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่เปิดเผยนัก “ตาของข้ามักดีเสมอ!”
จี้ซินแสหัวเราะ!
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่เซียวอี้
ได้ใจนัก!
“แต่…”
จี้ซินแสยังมีข้อสงสัย
“ข้าเห็นเรือนพักมีเด็กจำนวนมาก เหตุใดจึงรับสอนเพียงห้าสิบคน”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ถึงแม้การศึกษาแรกเริ่มจะไม่เก็บค่าแรกเข้า อีกทั้งยังมีอาหารให้วันละสองมื้อ แต่พู่กัน หมึกและที่ฝนหมึกนั้นต้องเสียเงินซื้อเอง ซินแสก็รู้ว่าพู่กันและหมึกแพงเพียงใด ถึงแม้จะเป็นของที่คุณภาพแย่สุด แต่ชุดหนึ่งก็ราคาหลายร้อยเหวิน พู่กันและหมึกที่ต้องใช้ในแต่ละปี อย่างไรก็ต้องใช้เงินหนึ่งก้วน
ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่ยอมจ่ายเงินส่วนนี้ให้บุตรเข้าศึกษา พวกเขาหวังให้เด็กฝึกงานฝีมือด้านหนึ่งตั้งแต่อายุยังน้อยมากกว่า เมื่อเติบโตไป เข้าห้องศึกษาตำรา สอบพ่อบ้านโดยตรง”
จี้ซินแสส่ายหน้าระรัว “ผู้ใหญ่เหล่านี้ไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ ดวงตาเห็นเพียงแค่ปัจจุบัน หากข้าเดาไม่ผิด อนาคตอีกห้าสิบปี เด็กที่ได้รับการศึกษาแต่เด็กจึงจะเป็นคนที่เรือนพักให้ความสำคัญ
เวลานี้การทดสอบวัฒนธรรมเพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นจึงมีเงื่อนไขไม่สูง เพียงแค่ต้องรู้จักตัวหนังสือหนึ่งร้อยยี่สิบตัวก็สามารถเข้าร่วมการทดสอบได้ ก็มีโอกาสเป็นพ่อบ้านได้ รอจนเด็กที่เข้าเรียนในสำนักศึกษาแรกเริ่มออกมาทำงาน เมื่อถึงเวลานั้นเงื่อนไขการทดสอบย่อมต้องสูงขึ้น ข้าขอถาม ไม่รู้คุณหนูคิดจะยกระดับเงื่อนไขการทดสอบวัฒนธรรมสูงขึ้นเพียงใด”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม พูดเสียงเบา “การทดสอบวัฒนธรรมระดับหนึ่ง ต้องรู้ตัวหนังสือถึงห้าร้อยตัว อีกทั้งยังต้องเขียนหนังสือได้ ซินแสคิดว่าเงื่อนไขนี้เป็นอย่างไร”
จี้ซินแสหัวเราะ “เงื่อนไขนี้สามารถคัดคนออกถึงร้อยละเก้าสิบห้าในคราวเดียว โอกาสที่เหลือล้วนเป็นเด็กที่ได้รับการศึกษาแต่เด็ก พวกผู้ใหญ่ที่หวังพึ่งห้องศึกษาตำราสอบพ่อบ้านนั้น ย่อมต้องเสียใจในอนาคต!”
“ซินแสมีความเห็นที่ดี! การร่ำเรียนแต่เด็กเป็นรากฐาน พวกเขายอมเสียเงิน ยอมเสียเวลาในการร่ำเรียน ข้าย่อมต้องให้โอกาสพวกเขา”
“มีเหตุผล!”
บทสนทนาวนไปรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับสู่ที่เดิมในตอนแรก
เยียนอวิ๋นเกอถาม “ซินแสเต็มใจที่จะเป็นอาจารย์สอนเด็กสักหลายวันให้เด็กๆ หรือไม่”
จี้ซินแสยิ้ม “มันเป็นความปรารถนาของข้า เพียงแค่ข้าไม่กล้าขอเท่านั้น! คุณหนูไม่รังเกียจที่ข้าไม่ได้สั่งสอนนายน้อยอี้ให้ดี ยังยอมเชิญข้าเป็นอาจารย์ให้เด็กๆ เป็นความโชคดีของข้า! ข้าต้องขอบพระคุณคุณหนู!”
เยียนอวิ๋นเกอรีบพูด “ซินแสเกรงใจเกินไปแล้ว!”
จากนั้น นางก็ชำเลืองมองเซียวอี้อีกครั้ง
เซียวอี้ “…”
สีหน้าของเขาเรียบเฉย!
ราวกับเขาคุ้นชินกับการถูกคนยกมาเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแล้ว!
เขาเป็นนายน้อยที่ไม่ร่ำเรียนวิชา ไม่ยอมทำงาน เหลวไหล...
อย่างไรแล้ว คำที่ใช้กับตัวเขาไม่มีประโยคที่น่าฟัง
บางครั้งได้ยินคำชม ด้านหลังย่อมตามมาด้วย ‘แต่!’
มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
เยียนอวิ๋นเกอก้มหน้าหัวเราะ ไม่มองเขา
เขาขยับเข้าใกล้ ถามนาง “หัวเราะอันใด”
เยียนอวิ๋นเกอมองเขา พูดด้วยรอยยิ้ม “หัวเราะที่เจ้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้ แต่เกือบจะกลายเป็นคนโง่”
เซียวอี้ขมวดคิ้ว ชี้ไปที่ตัวเอง “ข้าโง่หรือ”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “โง่ไม่น้อย มักชอบทำเรื่องที่ทำร้ายผู้อื่นแต่ก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง”
เซียวอี้ “…”
เฮอะๆ…
“ข้าเป็นคนฉลาดที่แสร้งโง่ต่างหาก!”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “เจ้าจะแสดงความฉลาดของเจ้าเมื่อใด ความโง่ไม่ต้องแสดงแล้ว!”
เซียวอี้ถูกทำร้ายอย่างมาก หัวใจของเขาเจ็บปวด
เขาพูดอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่า หลายปีนี้ข้าแสดงถึงความฉลาดอย่างมากต่อหน้าเจ้า!”
เยียนอวิ๋นเกอก้มหน้ายิ้ม ไม่ตอบ
เซียวอี้จุกอกอย่างมาก
เขาเน้นย้ำ “ข้าไม่โง่จริงๆ !”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าระรัว “ข้ารู้! ข้าพูดแค่เจ้าเกือบจะมีชีวิตเหมือนคนโง่ ไม่ได้บอกว่าเจ้าโง่! เจ้าน่ะ มักทำเรื่องอย่างง่ายดายและรุนแรง มันไม่ได้ใช้ได้ทุกเวลา บางครั้งต้องมีการอ้อมค้อมบ้าง อาจมีเรื่องที่น่าประหลาดใจ”
“เจ้ากำลังชี้แนะให้ข้าว่าต้องประจบองค์หญิงอย่างไรหรือ”
“ข้าไม่ได้พูดสิ่งใด!”
เยียนอวิ๋นเกอปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
เซียวอี้เข้าใจถึงเนื้อความสำคัญในคำพูดของนาง
“แค่กๆ…”
จี้ซินแสกระแอมไอสองทีเป็นการเตือนคนหนุ่มสาวทั้งสอง อย่ามัวแต่กระซิบกระซาบกัน อย่างน้อยก็เข้าใจความรู้สึกของคนแก่บ้าง
เยียนอวิ๋นเกอตั้งสติ พูดอย่างจริงจัง “ข้าจะให้คนจัดเตรียมบัดนี้ พรุ่งนี้ซินแสก็สามารถไปสอนได้ หวังว่าซินแสจะอยู่ในเรือนพักได้มากขึ้นอีกหลายวัน”
“ข้าจะพยายาม!”