คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 398 ความจริงหรือโกหก
ตอนที่ 398 ความจริงหรือโกหก
“คนธรรมดาไม่อาจทำนายดวงชะตาบ้านเมืองก็จริง แต่คนธรรมดาสามารถทำนายดวงชะตาของกษัตริย์ได้ ท่านอ๋องผิงชินคงไม่อาจบอกว่าดาวกษัตริย์แต่ละดวงล้วนมีบุญและบารมีเคียงคู่กันเสมอไม่ใช่หรือ!”
มุมปากของเซียวเฉิงเหวินยกขึ้น เขายิ้มเย็น “ฟังจากคำพูดของใต้เท้า พวกท่านหาคนมาทำนายดวงชะตาของฝ่าบาทแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้น! พวกข้าต่างเป็นขุนนางของต้าเว้ย จะทำนายดวงชะตาของกษัตริย์ลับหลังได้อย่างไร ทุกสิ่ง พวกข้าล้วนเป็นการตัดสินตามเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เหลวไหล! ไร้ปัญญา โง่เขลา!”
เซียวเฉิงเหวินตำหนิเสียงดัง
เขาตะโกนต่อว่าเสียงดัง “พวกเจ้าใช้ข้อสรุปที่คาดเดากันเองอย่างไร้หลักฐานนำมาเป็นเหตุผลในการบีบบังคับให้ฝ่าบาททรงสละราชย์บัลลังก์! นอกจากนี้ยังกุเรื่องเท็จบอกว่าฝ่าบาททรงเป็นดาวร้าย สร้างหายนะให้แผ่นดินต้าเว้ย! พวกเจ้าก็สมควรตาย! ทำร้ายฝ่าบาท ดูหมิ่นฝ่าบาท! สร้างเรื่องเท็จทำลายชื่อเสียงของฝ่าบาทยิ่งสมควรถูกเชือดนับพันครั้ง! พวกเจ้ารอรับความตายเถิด!”
“ท่านอ๋องผิงชินรู้ได้อย่างไรว่าพวกข้าคาดเดาอย่างไร้หลักฐาน รู้ได้อย่างไรว่าเรื่องที่พวกข้าพูดผิดอย่างแน่นอน สู้เชิญใต้เท้าทั้งหลายในสำนักโหราศาสตร์มาทำนายดวงชะตาให้ฝ่าบาทต่อหน้าทุกคนดีกว่า ดูว่าสถานการณ์ปีหน้าจะดีขึ้นหรือว่าแย่ลง”
เซียวเฉิงเหวินโกรธขึ้นมาจริง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ผู้ใดก็ได้ ลากพวกกบฏเหล่านี้ลงไป ประหารเสีย!”
“ช้าก่อน!”
เซียวเฉิงเหวินสงสัยอย่างมาก
เขามองไปตามเสียง อีกฝ่ายคือฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ น้องชายของเขาออกเสียงห้ามเขาเอาไว้
เขาไม่เข้าใจ เหตุใดจึงไม่ประหารพวกขุนนางที่ไร้กฎหมายในสายตา เกรงว่าโลกจะไม่วุ่นวายเหล่านี้เสีย
พระพันปีเถาก็ไม่เข้าใจ
นางสงสัยอย่างมาก “ฮ่องเต้จะทรงทำอันใด”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้น้ำเสียงแหบพร่า เปล่งเสียงที่แสบหูออกมา ทำให้คนปวดหู
เขากระแอมไอเสียงเบา ก่อนจะดื่มน้ำหนึ่งคำ จากนั้นจึงพูดขึ้น “เรียกคนของสำนักโหราศาสตร์เข้าเฝ้า! ข้าก็อยากรู้ว่าดวงชะตาปีหน้าจะเป็นอย่างไร”
“ฮ่องเต้เหลวไหล!”
พระพันปีเถากดเสียงต่ำเกลี้ยกล่อม “เจ้าหลงกลพวกเขาแล้ว! เจ้าเป็นถึงกษัตริย์ จะเชื่อคำทำนายได้อย่างไร เจ้า…”
“เสด็จแม่ไม่ต้องทรงเกลี้ยกล่อมอีก ข้าตัดสินใจแล้ว ถึงแม้จะต้องประหารพวกเขา ก็ต้องทำให้พวกเขาตายอย่างเต็มใจ!”
บรรดาขุนนางต่างรีบแสดงท่าที “หากฝ่าบาทยอมเรียกขุนนางของสำนักโหราศาสตร์เข้าเฝ้าเพื่อพิสูจน์สิ่งที่กระหม่อมพูด ถึงแม้จะต้องตาย กระหม่อมก็ย่อมจะตายด้วยความเต็มใจ!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้หัวเราะเสียงเย็น “ดี! ข้าจะให้พวกเจ้าตายด้วยความเต็มใจ! เรียกขุนนางสำนักโหราศาสตร์เข้าเฝ้า!”
“ฝ่าบาทไม่ได้เด็ดขาด!” เซียวเฉิงเหวินออกเสียงห้ามปราม
แต่ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว “ข้าตัดสินใจแล้ว ท่านไม่ต้องเกลี้ยกล่อมอีก”
เซียวเฉิงเหวินขมวดคิ้วมุ่น ไฟโกรธคุกรุ่นอยู่ภายในใจ
เขาแลกเปลี่ยนสายตากับพระพันปีเถา มันเป็นการตัดสินใจที่เหลวไหลอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยเพราะคำพูดของบรรดาขุนนาง
เหลวไหลจนถึงกับให้ขุนนางสำนักโหราศาสตร์มาทำนายดวงชะตาของกษัตริย์!
เหลวไหล!
พระพันปีเถาก้มหน้าถอนหายใจ ก่อนจะส่ายหัวให้ เซียวเฉิงเหวิน
เวลานี้ ฮ่องเต้ไม่ฟังผู้ใด คิดแต่เพียงพิสูจน์ตัวเอง
คนหนุ่มมักทนการยั่วยุไม่ได้ มักทำเรื่องบุ่มบ่ามได้ง่าย
นางนวดขมับ พลันพูด “ข้าได้ยินว่าใต้เท้าอู๋แห่งสำนักโหราศาสตร์เคยเป็นนักพรตมาก่อน มีคนไปทำนายดวงชะตากับเขาไม่น้อย เช่นนั้นก็ให้ใต้เท้าอู๋เข้าวัง ทำนายให้ฝ่าบาทเสียเถิด!”
“พระพันปีทรงพระปรีชา!”
บรรดาขุนนางฉวยโอกาสประจบ!
…
ใต้เท้าอู๋ที่เตรียมหยุดปีใหม่ตากระตุกต่อเนื่องมาหลายวัน
เขากังวลใจเล็กน้อย!
ในฐานะนักพรต อีกทั้งยังเป็นขุนนางของสำนักโหราศาสตร์ มักจะต้องทำนายดวงชะตาให้ผู้อื่นเป็นประจำ เขากังวลต่อสัมผัสที่หกของตัวเองอย่างมาก ไม่เคยกล้าละเลย!
ผู้ทำนายดวงชะตาไม่อาจทำนายตัวเองได้ เขาลองทำนายให้ตัวเองหลายครั้ง ทำนายจนแทบกระอักเลือกก็ทำนายไม่สำเร็จ
ต่อมาเขาจึงให้บุตรชานยทำนายให้เขา
แต่วิชาของบุตรชายมีจำกัด ทำนายไม่ได้แม้แต่น้อย
จนกระทั่งขันทีภายในวังมาถึงจวน เชิญเขาเข้าวังทันที เขาจึงตระหนักได้ว่าความกังวลในนั้นเป็นจริงแล้ว
เป็นจริงในวันนี้
หากรับมือไม่ดี เกรงว่ายากที่จะรอดชีวิต
เขาใช้การทำนายดวงชะตาเป็นข้อแลกเปลี่ยน แอบทำนายดวงชะตาให้แก่ขันทีที่มาถ่ายทอดพระราชโองการ ในที่สุดก็รู้เรื่องอย่างจำกัดก่อนเข้าวัง ทันใดนั้นเขาก็ตกใจจนเหงื่อตก
ราชองครักษ์ห้อมล้อมตำหนักฉางเล่อเอาไว้ แมลงบินไม่เข้าแม้แต่ตัวเดียว
พระพันปี ฝ่าบาท ท่านอ๋องผิงชิน เชื้อพระวงศ์ ขุนนางราชสำนักต่างอยู่ในตำหนักฉางเล่อเวลานี้!
ปัญหาร้ายแรงแล้ว!
ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่จากสัญชาตญาณของเขา ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องหายนะอันใหญ่หลวงขึ้นแล้ว!
เขากำชับเสียงเบากับบุตรชายคนโตที่ส่งเขาเข้าวัง: “กลับไปเก็บสัมภาระ พาพี่น้องของเจ้าออกจากเมืองหลวงทันที ภายในสามวัน หากข้าไม่มีข่าว รีบหนีไปให้ไกล ไปไกลได้เท่าใดก็ไปไกลเท่านั้น หากไม่มีที่ไปจริงๆ ก็ไปหลบซ่อนตัวยังอารามที่ข้าบำเพ็ญตนตอนนั้น”
อู๋ต้าหลางสีหน้าซีดเผือด “ท่านพ่อไปคราวนี้ อันตรายเพียงใด”
“อันตรายถึงชีวิต เจ้าว่าอันตรายเพียงใด รีบไป! สายเลือดของตระกูลอู๋จะขาดในมือของเจ้าไม่ได้”
อู๋ต้าหลางทำท่าจะพูด แต่ก็ถูกใต้เท้าอู๋ตำหนิ “หุบปาก! ไม่ต้องพูด รีบไป! อย่าลืมนำเข็มทิศที่ข้าเก็บไว้ในช่องลับไปด้วย มันเป็นของที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ คนอยู่เข็มทิศอยู่ เข้าใจหรือไม่”
ทันใดนั้นอู๋ต้าหลางดวงตาแดงก่ำ เขากัดฟัน พยักหน้า “ท่านพ่อรักษาตัว!”
เขาหันหลังไป ร่างของเขาโซเซจนเกือบล้ม
หลังจากยืนมั่นแล้ว จึงรีบวิ่งหนีไป
เมื่อมั่นใจว่าบุตรชายคนโตจากไปแล้ว ใต้เท้าอู๋จึงจัดระเบียบเสื้อผ้า ติดตามขันทีเข้าวัง
…
การมาของใต้เท้าอู่ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดในตำหนักฉางเล่อผ่อนคลายลงเล็กน้อย
พระพันปีเถาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้าได้ยินว่าใต้เท้าอู๋เคยเป็นนักพรตมาก่อน มีความชำนาญในการทำนายดวงชะตา ขอให้ใต้เท้าอู๋ช่วยทำนายดวงชะตาปีหน้าให้ฝ่าบาท อย่าได้ปิดบังแม้แต่น้อย”
เมื่อใต้เท้าอู๋ได้ยินก็ราวกับถูกฟ้าผ่า หวาดกลัวยิ่งนัก!
ดูจากภายนอก เขายังถือว่าสงบ บนหน้าผากไม่มีหยาดเหงื่อแม้แต่น้อย
หารู้ไม่ว่าภายในใจของเขานั้นตื่นตระหนกเพียงใด!
ทำนายดวงชะตาแทนกษัตริย์ เรื่องแบบนี้จะมาหาเขาได้อย่างไร
เหตุใดจึงมาหาเขา
อีกทั้งดวงชะตาของกษัตริย์จะทำนายตามใจได้อย่างไร
เขาทูลตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างระมัดระวัง “ทูลพระพันปี ทูลฝ่าบาท ดวงชะตาของดาวกษัตริย์มีความเกี่ยวข้องอย่างตัดไม่ขาดกับแผ่นดินและราชวงศ์ หากทำนายดวงชะตาของดาวกษัตริย์โดยพลการ อาจเกิดผลที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ตามมา นอกจากนี้ ความสามารถของกระหม่อมมีจำกัด ไม่เคยทำนายดาวกษัตริย์มาก่อน อีกทั้งไม่กล้าที่จะทำนายดาวกษัตริย์!”
พระพันปีเถามองฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ “ฝ่าบาท ใต้เท้าอู๋ก็บอกแล้ว ทำนายดวงชะตาของกษัตริย์เกรงว่าจะมีผลร้ายแรงไม่อาจคาดการณ์ได้ ฝ่าบาทจะทรงเรียกคืนรับสั่ง ประหารพวกขุนนางกบฏเหล่านี้ก่อนหรือไม่!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ลังเล ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดิ้นรนอยู่ภายในใจ…
“ใต้เท้าอู๋ ข้าต้องการให้เจ้าทำนายดวงชะตากษัตริย์ เจ้าจะทำอย่างไร”
“ฝ่าบาทอย่าทรงดื้อรั้น!” พระพันปีเถาชิงตำหนิขึ้นมาก่อน
ใต้เท้าอู๋อกสั่นขวัญแขวน
จะตายแล้ว! จะตายแล้ว!
ใต้เท้าอู๋ตระหนักได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือน ไม่ว่าเขาทำนายหรือไม่ เกรงว่าวันนี้คงยากที่จะรอดชีวิตออกจากวังหลวง
มันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเพียงใดกัน!
บรรดาขุนนางบีบบังคับฮ่องเต้จนถึงกับต้องทำนายดวงชะตา
มันแตกต่างจากการบีบบังคับให้สละราชย์บัลลังก์อย่างไร
ส่วนเขากลับเห็นการบีบบังคับให้กษัตริย์สละราชย์บัลลังก์กับตาตัวเอง
นอกจากนี้ยังถูกบังคับให้มีส่วนร่วม
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้กัดฟัน ก่อนจะตัดสินใจ “เสด็จแม่ไม่ต้องทรงเกลี้ยกล่อมอีก ในเมื่อใต้เท้าอู๋อยู่ตรงนี้ ข้าจะให้เขาทำนาย ให้พวกขุนนางกบฏเหล่านี้ตายอย่างเต็มใจ!”
บรรดาขุนนางต่างโน้มตัวพูดอย่างพร้อมเพรียง “ฝ่าบาททรงปรีชา! ขอใต้เท้าอู๋โปรดทำนายดวงชะตาให้ฝ่าบาทโดยเร็ว อย่าได้พูดเหลวไหล ปิดบังความจริง”
ใต้เท้าอู๋ “…”
โธ่เอ่ย!
พวกคนเสียสติ พวกคนบ้าระห่ำ!
เขาเกือบจะคุกเข่ายอมรับความผิดอย่างควบคุมไม่อยู่
แต่เมื่อเขาลองไตร่ตรองดู ถึงแม้จะต้องตาย อย่างน้อยก็ต้องตายอย่างมีเกียรติ ไม่อาจแปดเปื้อนชื่อเสียงของตระกูลเต๋า ทำให้คนเข้าใจผิดว่าตระกูลเต๋าล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ขี้ขลาด!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ทูลพระพันปี ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเชี่ยวชาญแต่การทำนายตัวอักษร ฝ่าบาททรงต้องการทำนายดวงชะตา ขอพระองค์ทรงพระอักษรสักหนึ่งตัว วันนี้กระหม่อมขอบังอาจทำนาย!”
“ดีมาก!”
ใบหน้าของฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้แห้งมาก หนังริมฝีปากลอก ราวกับเพียงแค่ยื่นมือออกไปก็ฉีกลงมาได้ชั้นหนึ่ง
เขาไม่ได้ให้ข้าหลวงนำพู่กันและกระดาษมา
หากแต่ใช้มือจุ่มน้ำชา เขียนตัวอักษรหนึ่งลงบนโต๊ะ
“ใต้เท้าอู๋เชิญดู มันเป็นข้อสงสัยในใจของข้า”
คำว่า ‘อำนาจ’ เขียนอยู่บนโต๊ะ
ลายเส้นหนักมาก!
เห็นได้ชัดว่าตอนที่ฮ่องเต้เขียนตัวอักษรนี้ใช้แรงอย่างมาก
ใต้เท้าอู๋สูดลมหายใจเข้า “อำนาจ กระหม่อมขอบังอาจทูล”
“ใต้เท้าอู๋เชิญพูด!”
ใต้เท้าอู๋มีความกังวลอยู่ในใจ
เขาไตร่ตรองอยู่สักพัก ก่อนจะพูดอย่างกลั่นกรอง “ในพระทัยของฝ่าบาททรงมีความยึดติด จึงได้ทรงเขียนคำว่า ‘อำนาจ’ ออกมา! อำนาจพ้องเสียงกับคำว่าความจริง อีกทั้งยังพ้องเสียงกับคำว่าสังคม นอกจากนี้ยังพ้องเสียงกับคำว่าจากลา เป็นการยืดขยาย เป็นความหวังต่ออนาคต ต้องยืนหยัดตามหลักการ อย่าได้มักใหญ่ใฝ่สูง อย่าได้ฝืนกระแส”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้วมุ่น “เป็นลางดีหรือลางร้าย ดวงชะตาของข้าในปีหน้าเป็นอย่างไร”
ใต้เท้าอู๋ควบคุมอารมณ์ “ฝ่าบาททรงเป็นโอรสสวรรค์ โอรสสวรรค์มีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อสถานการณ์ของแผ่นดิน อำนาจนี้คืออำนาจแห่งแผ่นดิน! ดูจากลายเส้นของฝ่าบาท ภายในพระทัยของพระองค์แน่วแน่ไร้ความเกรงกลัว เพียงแค่ปล่อยไปตามกระแส อย่าได้สูญเสียสิ่งใหญ่เพราะสิ่งเล็ก
หากต้องบอกว่าเป็นลางร้ายหรือลางดี กระหม่อมพูดได้เพียง ดวงชาตะของฝ่าบาทเพียงผู้เดียวก็คือดวงชะตาของบ้านเมือง กระหม่อมความรู้น้อยนิด ไม่อาจทำนายดวงชะตาบ้านเมืองได้ เห็นแต่เพียงสถานการณ์ในเวลานี้ ไม่เห็นสถานการณ์ระยะยาว เหมือนมี่ม่านหมอกมาบดบัง เมฆหมอกพัวพัน ไม่อาจแยกแยะทิศทาง ขอฝ่าบาทโปรดทรงอภัยโทษ!”
พูดจบ เขาก็คุกเข่าขอรับโทษบนพื้น!
เขาพยายามพูดในสิ่งที่เขาพูดได้หมดแล้ว
เนื้อหาที่เหลือ พูดไม่ได้ พูดไม่ได้!
ดวงตาแดงก่ำ ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
แต่ก็มีร่องรอยหนึ่งพัวพันเข่นฆ่าอยู่ภายใน อีกทั้งยังมีแววในการก่อตัว
สถานการณ์นี้เขาเคยเห็นเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว เขาไม่รู้ว่า ‘อำนาจ’ นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
มีเพียงพูดจาคลุมเครือ ปะปนจริงเท็จ จึงจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้
อีกทั้งเขาเหมือนว่าเห็นพลังชีวิตท่ามกลางร่อยรอยแห่งการพัวพันเข่นฆ่านั้น
บางทีวันนี้เขาอาจยังมีโอกาสรอดออกจากวังหลวง
หนีไปให้ไกลนับจากนี้ หนีห่างจากสังคมที่วุ่นวาย เป็นนักพรตที่มีอิสระ!