คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 402 ทั้งจนทั้งสงบสุข
ตอนที่ 402 ทั้งจนทั้งสงบสุข
กองทัพใต้เคลื่อนไหว เผชิญหน้ากับซือหม่าโต่ว
พระราชบุตรเขยจ้งผู้เป็นหัวหน้าสำนักเส้าฝู่เสนอให้เปิดยุ้งฉางหลวงเพื่อกดราคาเสบียง
บรรดาขุนนางคัดค้าน!
กำลังอยู่ในช่วงเวลาวิกฤต ไม่ว่าที่ใดก็ขาดแคลนเสบียง!
กองทัพใต้ต้องการเสบียงจำนวนมาก ด่านหน้าทางเหนือก็ต้องการเสบียง ตระกูลขุนนางมากมายในเมืองหลวง ภายในพพระราชวัง เชื้อพระวงศ์นับแสนต่างก็ไม่อาจห่างจากเสบียงในยุ้งฉางหลวงได้
ราคาเสบียงเพิ่มเริ่มต้นปรับสูงขึ้น ประชาชนยังอดทนได้อีกระยะหนึ่ง เวลานี้เปิดยุ้งฉาง ภายหน้าจะทำอย่างไร
ต่อไปหากสถานการณ์เลวร้ายลง โจรกบฏห้อมล้อมเมืองหลวงจะทำอย่างไร
โดยรวมแล้ว บรรดาขุนนางสามารถหาเหตุผลแตกต่างกันนับร้อยมาคัดค้านการเปิดยุ้งฉางหลวงของพระราชบุตรเขยจ้ง
“ตระกูลจ้งเป็นพ่อค้าเสบียงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง พระราชบุตรเขยจ้งมีเมตตา เหตุใดจึงไม่ให้ร้านค้าเสบียงภายใต้ตระกูลจ้งลดราคาเสบียงลง เช่นนี้ก็สามารถกดราคาเสบียงในเมืองหลวงได้!”
“ช่างไม่รู้ดีชั่ว! แผ่นดินนี้ไม่ใช่แผ่นดินของตระกูลจ้ง ตระกูลจ้งออกหน้ากดราคาเสบียง คนที่ไม่มีเจตนาร้ายย่อมคิดว่าตระกูลจ้งเมตตา คนที่มีจิตใจชั่วร้ายอาทิใต้เท้าทุกท่านในที่นี้ เกรงว่าคงต้องสงสัยว่าตระกูลจ้งมีใจเป็นปรปักษ์ บังอาจบรรเทาความทุกข์แทนราชสำนัก”
“ใต้เท้าจ้งกังวลเกินไปแล้ว!”
“ข้ากังวลไปหรือไม่ ทุกท่านรู้ดีแก่ใจ ตระกูลจ้งคือตระกูลจ้ง ตระกูลจ้งไม่ใช่ราชสำนัก ไม่ใช่แผ่นดิน ยิ่งไม่ใช่ราชวงศ์ เป็นเพียงญาติฝ่ายนอกเท่านั้น ตระกูลจ้งจะมีวาสนาใดออกหน้าแทนฝ่าบาท ออกหน้าแทนราชสำนักกดราคาเสบียง ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ตระกูลจ้งก็ไม่อยากล่มสลาย! ใต้เท้าทุกท่านอย่าคิดจะลอบทำร้ายข้า!”
“เช่นนั้นใต้เท้าจ้งก็อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องการเปิดยุ้งฉางหลวงเพื่อกดราคาเสบียงอีก!”
“ตามใจ! หากวันหนึ่งเมืองหลวงเกิดความโกลาหล อย่าหาว่าข้าไม่ได้เตือนพวกเจ้า!”
“กองทัพใต้เริ่มเผชิญหน้ากับโจรกบฏแล้ว คนอย่างซือหม่าโต่ว สุดท้ายก็ต้องล่มจม!”
“หวังว่าใต้เท้าทุกคนจะสมปรารถนา ซือหม่าโต่วจะล่มจมจริง เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลจ้งจะจัดเลี้ยงเชิญแขก ขอขมาใต้เท้าทุกท่าน!”
“พระราชบุตรเขยจ้งเกรงใจ!”
“ขอตัว!”
สุดท้ายบรรดาขุนนางได้เปรียบ ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ปฏิเสธคำขอของพระราชบุตรเขยจ้ง ยกเลิกการเปิดยุ้งฉางหลวงเพื่อกดราคาเสบียง
ในเวลาเดียวกันก็รับสั่ง ให้จิงจ้าวอิ่นตำหนิการปรับราคาสินค้า
องครักษ์ซิ่นอีเคลื่อนไหว ลาดตระเวนบริเวณใกล้เคียงของร้านเสบียงต่างๆ เพื่อป้องกันการปะทะขนาดใหญ่
สถานการณ์ในเมืองหลวงยังเอาอยู่
กองทัพใต้ได้รับชัยชนะต่อเนื่อง หัวใจที่แขวนไว้อยู่บนที่สูงของทุกคนก็กลับสู่ที่เดิม
“ไม่นาน โจรกบฏจะถูกปราบปราม!”
ประชาชนที่เก็บสัมภาระเตรียมออกจากเมืองหลวงต่างวางสัมภาระลง ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงต่อ
สถานการณ์ย่อมจะดีขึ้น
ซือหม่าโต่วเป็นแค่คนชนบท ไม่ช้าก็ต้องถูกกำจัด!
โจรกบฏย่อมจะล่มสลาย!
ทุกคนต่างเชื่อมั่นอย่างมาก
มีเพียงชาวนาแถวนครบาลที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับสงคราม!
เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
แม้จะเป็นช่วงเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ แต่บรรดาชาวนาต่างต้องหลีกหนีสงคราม
หนีออกจากนครบาล หรือหนีไปยังเมืองหลวง
เรือนพักร่ำรวยก็เป็นสถานที่อีกแห่งที่ทุกคนเลือก แต่ว่าจำนวนคนค่อนข้างน้อย
สถานการณ์สงครามมักน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้
โจรกบฏซือหม่าโต่วที่พ่ายแพ้ เชื่อฟังคำเสนอแนะของกุนซือ นำกองกำลังหลักฝ่าวงล้อมตอนกลางคืน อ้อมไปอีกทางเพื่อเดินหน้ามายังทางใต้ของนครบาล โจมตีแค้วนชี
แคว้นชีไม่ใช่พื้นที่ที่จำเป็นต้องแย่งชิงทางสงคราม อีกทั้งไม่ใช่พื้นที่สำคัญเชิงกลยุทธ์
มันเป็นแค่แคว้นเล็กๆ ที่ยากจน หลบซ่อนอยู่ในหุบเขา
พื้นที่แบบนี้มักถูกคนละเลย
ช่วงเวลาที่สงบสุข ยากจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ช่วงเวลาสงคราม ทั้งยากจนทั้งสงบสุข
โดยรวมแล้วก็คือสถานที่ที่ไม่มีควันสงคราม
ดังนั้น แคว้นชีและแคว้นหยวนด้านข้าง มีนักการเพียงแค่ร้อยนาย
แม้แต่การเฝ้าระวังที่เป็นรูปเป็นร่างยังไม่มี
มีขุนนางที่เฝ้าระวัง แต่เบื้องล่างกลับไม่มีพลทหาร
กองพลที่ก่อตั้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน แม้แต่อาวุธยังจับไม่เป็น ทุกคนต่างหวาดกลัว
นอกจากนี้สำนักราชการก็ไม่มีอาวุธที่เพียงพอ
อาวุธภายในโกดังไม่เคยแตะต้องมาหลายสิบปี หรือนับร้อยปี ล้วนเต็มไปด้วยสนิม ไม่สามารถใช้งานได้!
แคว้นชีอันตราย!
ย่อมไม่อาจต้านทานการโจมตีของโจรกบฏได้แม้แต่ครั้งเดียวก็ต้องถูกยึดเมือง
หรือว่าสวรรค์จะดับแคว้นชีหรือ
“ใต้เท้าอย่าร้อนใจ เวลานี้ส่งคนไปขอความช่วยเหลือที่เรือนพักร่ำรวย อาจยังมีทางรอด!”
“อีกนานเพียงใดกว่าโจรกบฏจะมาถึง”
“อย่างมากอีกวันก็จะมาถึงเมือง”
“กองทัพใต้ถูกโจรกบฏถ่วงเอาไว้ หวังพึ่งไม่ได้แล้ว”
“โจรกบฏจะมาถึงแคว้นชีอยู่แล้ว จะถ่วงกองทัพใต้ไว้ได้อย่างไร”
“เห็นบอกว่ากระจายกำลัง ต่างฝ่ายต่างฝ่าวงล้ม”
“แย่แล้ว! แย่แล้ว! รีบส่งคนมุ่งหน้าเรือนพักร่ำรวย ต้องโน้มน้าวให้เรือนพักร่ำรวยช่วยเหลือให้ได้!”
“ใต้เท้าวางใจ! หานซินแสแห่งเรือนพักร่ำรวยเป็นคนแคว้นชี คนตระกูลหานล้วนอยู่ในแคว้นชี หานซินแสไม่มีทางมองดูแคว้นชีแตก”
“ใช่ๆ นำคนตระกูลหานไปด้วย ต้องให้หานซินแสโน้มน้าวเถ้าแก่ของเรือนพักร่ำรวยส่งกองกำลังมาช่วยเหลือให้ได้!”
…
คนแคว้นชีต่างตื่นตระหนก พวกเขาต่างออกแรงช่วยกันเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกำแพงเมือง แจกจ่ายภารกิจ
ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว!
มือที่ถือมีดหั่นผักยังกำลังสั่นเทา
“เรือนพักร่ำรายมีกองกำลังจริงหรือ”
“ย่อมมีกองกำลัง!”
“จะมาช่วยพวกเราหรือไม่”
“ไม่รู้”
“โจรกบฏจะบุกมาถึงแคว้นชีหรือ แคว้นชีของพวกเราไม่มีสิ่งใด โจรกบฏตาบอดหรือ”
“บุตรชายคนโตของญาติของอาของพี่ข้าเป็นนักการ ได้ยินว่าสาเหตุที่โจรกบฏมุ่งมาทางแคว้นชีก็เพราะพวกเราตั้งอยู่ในหุบเขา ง่ายต่อการหนี เพียงแค่หลบเข้าหุบเขา กองทัพใต้ก็หมดหนทาง โจรกบฏนั้นเชี่ยวชาญในการเดินเขา!”
“เช่นนั้น หากโจรกบฏบุกแคว้นชีแล้ว พวกเรายังจะรอดหรือไม่”
“ได้ยินว่าโจรกบฏไม่พกพาเสบียงแห้งในการเดินทัพ หากหิวก็จะฆ่าคนมากิน!”
“กะ…กินเนื้อคน?”
โฮ…
ในที่สุดก็มีคนแบกรับความกลัวไม่ไหว ร้องไห้เสียงดัง
เมื่อเขาร้องไห้ ก็ทำให้คนอื่นร้องไห้ตาม
แม้แคว้นชีจะยากจน แต่ก็สงบสุขตลอดมา
คนแคว้นชีแต่ละรุ่นไม่เคยพบเจอควันสงคราม ไม่เคยประสบกับความโหดร้ายของสงคราม
แม้แต่กำแพงเมืองก็ถูกสร้างขึ้นตอนไท่จู่ยังมีชีวิตอยู่
แดดออกลมตก กำแพงเมืองผุพัง แต่ไม่ต้องกังวลอันตราย
เพียงแค่ป้องกันโจรได้ก็พอ
ไม่มีผู้ใดคิดว่าวันหนึ่ง แคว้นชีที่อยู่ในหุบเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับไฟสงคราม
กำแพงเมืองที่ผุพังไม่อาจต้านทานได้
อารมณ์ด้านลบแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว
แต่ละคนล้วนเคร่งเครียด ราวกับหญ้าน้ำที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยว
มีคนอยากออกจากเมืองไปหลบภัยในเรือนพักร่ำรวย
แต่ใต้เท้ากลับออกคำสั่ง ไม่ให้ผู้ใดออกจากเมืองแม้แต่ก้าวเดียว
เมืองอยู่คนอยู่ เมืองล่มคนตาย!
สาบานว่าจะอยู่และตายไปพร้อมแคว้นชี!
…
เรือนพักร่ำรวย!
เมื่อหานฉีจงรู้ว่าโจรกบฏมุ่งไปทางแคว้นชี เขาก็ตื่นตกใจจนเหงื่อตก
ครอบครัวของเขา สหายของเขา อาจารย์ของเขาแทบจะอยู่ในแคว้นชีหมด
แคว้นชีตกอยู่ในอันตราย ครอบครัวของเขาจะรอดหรือไม่
แต่เรื่องนี้ เขาตัดสินใจไม่ได้
“เถ้าแก่ไม่อยู่! แต่เถ้าแก่มีแผนสำรอง หากประสบสถานการณ์เร่งด่วน ข้า พ่อบ้านจี้ หัวหน้าเบียน พวกเราสามคนตัดสินใจร่วมกัน! ส่วนน้อยคล้อยตามส่วนมาก ข้าหวังว่าหัวหน้าเยียนจะออกกองกำลังช่วยเหลือแคว้นชี รักษาชีวิตของคนในแค้วนชี!”
หานฉีจงมองไปทางเยียนหนาน ก่อนจะมองไปทางจี้ผิง
“พ่อบ้านจี้คิดเห็นอย่างไร”
จี้ผิงเคาะโต๊ะเบาๆ “หานซินแสมั่นใจว่าเป้าหมายของโจรกบฏเป็นแคว้นชี ไม่ใช่แผนลวงตา มุ่งมายังเรือนพักร่ำรวยของพวกเรา? แคว้นชียากจน สำนักราชการไม่มีเงิน ไม่มีเสบียง พวกเศรษฐีที่มีอยู่ก็ไม่อาจเทียบเรือนพักร่ำรวยได้แม้แต่นิ้วเดียว
โจรกบฏบุกโจมตีแคว้นชี นอกจากได้คนจำนวนหนึ่งและพื้นที่พักฟื้นชั่วคราวแล้ว ไม่ได้สิ่งอื่นแม้แต่น้อย โจรกบฏปะทะกับกองทัพใต้มากว่าครึ่งเดือนแล้ว ต้องการพักฟื้น พักฟื้นย่อมต้องการเสบียง ต้องการเงินทองในการสร้างขวัญกำลังใจให้พลทหาร สิ่งเหล่านี้ แคว้นชีไม่มี แต่เรือนพักร่ำรวยของพวกเรามี หัวหน้าเยียน หากท่านเป็นหัวหน้าโจรกบฏ ท่านจะตีแคว้นชี หรือว่าตีเรือนพักร่ำรวย!”
เยียนหนานสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าของเขาทั้งเย็นชาทั้งแข็งกระด้าง ราวกับก้อนหิน
เขาพูดเสียงดุ “เรือนพักร่ำรวยนั้นแข็งแกร่ง ไม่มีทหารที่ฝึกฝนอย่างมีคุณภาพอย่าคิดจะโจมตีเรือนพักร่ำรวย สถานการณ์นี้ ข้าคิดว่าหัวหน้าโจรกบฏคงจะรู้ดีอย่างมาก ในเมื่อต้องการเวลาและพื้นที่พักฟื้น ย่อมต้องจีเมืองที่ตีง่าย ประหยัดแรง อีกทั้งยังสามารถให้กำลังใจพลทหารได้
หากข้าเป็นโจรกบฏ ข้าจะเลือกแคว้นชี ส่วนเสบียงและเงิน เพียงแค่ฆ่าคนในเมืองให้หมดย่อมหาได้ โจรกบฏเคยทำการฆ่าล้างเมืองมาไม่น้อย เวลานี้ พวกเขาคงไม่ใส่ใจที่จะฆ่าล้างเมืองอีกครั้ง รื้อค้นเมืองให้ทั่ว อย่างไรก็พอจะหาเสบียงและสิ่งของจำเป็นที่เพียงพอต่อการดำรงอยู่ไปได้อีกระยะหนึ่ง!”
“หากพูดเช่นนี้แคว้นชีตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก” จี้ผิงขมวดคิ้ว
หานฉีจงร้อนใจอย่างมาก “หัวหน้าเยียน ท่านยอมออกกองกำลังช่วยเหลือแคว้นชีหรือไม่ หากท่านยอม ข้าจะเตรียมเสบียงทันที”
เยียนหนานไม่ได้ตอบเขาทันที หากแต่พูดขึ้น “ออกกองกำลังช่วยเหลือแคว้นชีในเวลานี้จะทำให้เรือนพักอ่อนแอ เกรงว่าโจรกบฏจะแยกกำลังพล ด้านหนึ่งโจมตีแคว้นชี ด้านหนึ่งโจมตีเรือนพัก”
“แล้วจะทำอย่างไร จะมองดูแคว้นชีถูกฆ่าล้างเมืองหรือ”
หานฉีจงร้อนใจจนตาแดงก่ำ
เยียนหนานมองไปทางจี้ผิง “หากข้านำทัพออกไปทำสงคราม ย่องต้องมีคนบัญชากองกำลังที่เหลือของค่ายองครักษ์แทนข้า เตรียมพร้อมที่จะเผชิญศัตรู พ่อบ้านจี้จะรับหน้าที่นี้ได้หรือไม่”
จี้ผิงชี้ตัวเอง “ข้า? หัวหน้าเยียนล้อเล่นหรือ ข้าไม่เคยทำสงคราม”
เยียนหนานพูดอย่างจริงจัง “ถึงแม้พ่อบ้านจี้จะไม่เคยทำสงคราม แต่เจ้ามีความคิดเกี่ยวกับการทำสงคราม อีกทั้งยังไม่ขาดความฉลาดในการวางแผน! นอกจากนี้ เจ้าโหดเหี้ยมเพียงพอ เข้มงวดอย่างมาก! เวลาที่พิเศษย่อมต้องใช้วิธีการที่พิเศษ
เวลานี้ มีเพียงพ่อบ้านจี้ทดแทนได้ เพื่อปกป้องเรือนพักร่ำรวย เจ้าสามารถไม่สนใจวิธีการ! เวลานี้ ข้าต้องการคนที่โหดเหี้ยมเพียงพอ อีกทั้งไม่สนใจวิธีการมานำกองกำลังแทนข้า เวลาที่ควรฆ่าย่อมไม่มืออ่อน!”
จี้ผิงเลิกคิ้วยิ้ม “เหตุใดข้าฟังแล้วเหมือนท่านกำลังด่าข้า”
เยียนหนานหัวเราะ
เขาหัวเราะออกมาอย่างหาได้ยาก “วันปกติ วิธีการจัดการของเจ้าทำให้คนนินทาได้อย่างง่ายดาย แต่เวลาที่สำคัญ มีเพียงคนอย่างเจ้าทดแทนขึ้นไปได้ หรือว่าพ่อบ้านจี้กลัว ไม่กล้า?”
จี้ผิงหัวเราะ “ยุยงได้ดี ข้ารับปากเจ้า ตอนที่เจ้าไม่อยู่ข้าจะดูแลค่ายองครักษ์เอง ข้ามีกฎของข้า ผู้ใดกล้าไม่ฟังคำสั่งข้า ข้าจะลงโทษอย่างหนัก!”
“พ่อบ้านจี้วางใจ ฝีมือของเจ้า คนเบื้องล่างต่างรู้ดี พวกเขาไม่มีทางขัดคำสั่งเจ้า!”