คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 411 สามีภรรยา
ตอนที่ 411 สามีภรรยา
เติ้งเส้าเจี้ยนไม่อยากกำจัดหลิงฉางจื้้อ ไม่อยากสร้างความบาดหมางกับตระกูลหลิง
ภารกิจของเขามีเพียงหนึ่งเดียว
หลอกลวงซือหม่าโต่วให้บุกเมืองหลวง ถ่วงกำลังหลักของราชสำนักเอาไว้
เพียงแค่ซือหม่าโต่วบุกเข้าเมืองหลวงได้ แผนการในครั้งนี้จึงจะถึงช่วงเวลาสำคัญที่แท้จริง
ส่วนอูเหิง เชื่อว่ามีกองทัพเหลียงโจวอยู่ อูเหิงก็เป็นเพียงเหตุการณ์ตื่นตระหนก
“ท่านแม่ทัพคิดจะกำจัดหลิงฉางจื้้อ ยากมาก! แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี”
“วิธีใด วางยา หรือว่าลอบสังหาร”
ซือหม่าโต่วเรียนรู้จากประสบการณ์
เติ้งเส้าเจี้ยนส่ายหน้าระรัว “หากคิดจะสังหารหลิงฉางจื้้อ ทำได้เพียงหาโอกาสจู่โจมเขาในสนามรบเท่านั้น คิดจะสังหารเขาในเมืองหลวงยากกว่าการเหาะขึ้นฟ้า ตัวเขามีวิชา ข้างกายยังมีองครักษ์ที่จงรักภักดี แต่ละคนล้วนมากฝีมือ ไม่ปิดบังท่านแม่ทัพ ถึงแม้ข้าจะมีคนในเมืองหลวง แต่พวกเขามีหน้าที่เพียงสืบข่าวเท่านั้น ไม่อาจลอบสังหารได้”
ซือหม่าโต่วเสียดายอย่างมาก “ตามที่ซินแสบอก มีเพียงหาทางฆ่าหลิงฉางจื้้อให้ตายในสนามรบเท่านั้น?”
“ถูกต้อง! ท่านแม่ทัพมีคนมีเสบียง อีกทั้งสภาพพื้นที่เอื้ออำนวย ถึงแม้กองทัพอวี้โจวจะมาถึงเมืองหลวง ก็อย่าคิดจะทำอันใดท่านได้ในชั่วขณะ เรื่องสำคัญในเวลานี้คือ ท่านแม่ทัพกล้าที่จะลองเสี่ยงหรือไม่ เสี่ยงเพื่อแลกกับฮ่องเต้ไท่จู่ของราชวงศ์ซือหม่า!”
ลมหายใจของซือหม่าโต่วหอบหนักยิ่งขึ้นในทันที
สีหน้าของเขาแดงก่ำ หน้าผากมีเหงื่อผุด ล้วนเป็นเพราะความตื่นเต้น
เขากัดฟัน “เพียงแค่บุกเข้าเมืองหลวงได้ ข้าก็จะได้เป็นฮ่องเต้?”
เติ้งเส้าเจี้ยนหลอกล่อ “แน่นอน! เมืองหลวงเป็นเมืองที่งดงามที่สุดในแผ่นดิน! เหตุใดแต่ละราชวงศ์ต้องใช้เงินและกำลังพลมากมายในการซ่อมแซมกำแพงเมืองหลวง ล้วนเป็นเพราะเมืองหลวงเป็นศูนย์กลางของราชวงศ์ เมื่อเมืองหลวงแตก ย่อมหมายความว่าถึงการล่มสลายของราชวงศ์!
ถึงแม้เชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางยังคิดจะฟื้นฟูราชวงศ์ แต่ก็เป็นเพียงการดิ้นรน ไม่ช้าก็ต้องถูกกำจัด! เพียงแค่ท่านแม่ทัพบุกเข้าเมืองหลวง ก็จะมีขุนนาง แม่ทัพจำนวนมากยอมจำนน เมื่อถึงเวลานั้น ท่านแม่ทัพมีทั้งกำลังพล มีทั้งเสบียง เหตุใดจึงต้องกลุ้มว่าแผ่นดินจะไม่สงบ!”
คำพูดของเติ้งเส้าเจี้ยนนั้นมีพลังในการปลุกระดมมากเกินไป
ราวกับเขาเกิดมาเพื่อปลุกระดม ยกธงก่อกบฏโดยเฉพาะ!
ซือหม่าโต่วเทียบกับเขาก็แตกต่างราวกับเด็กสามขวบกับผู้ใหญ่
เขาเป็นบุคคลอันตราย!
แต่ซือหม่าโต่วชอบ!
เขาชอบความรู้สึกที่ถูกปลุกระดมขึ้นมา เลือดร้อนเดือดดาล ปลุกปั่นใจคน ทั้งตัวของเขากำลังสั่นเทา
เขาตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
เขาเปิดคอเสื้อออก จ้องมองไปทางเติ้งเส้าเจี้ยน “ซินแสโปรดสอนข้า ข้าควรทำอย่างไร”
เติ้งเส้าเจี้ยนหัวเราะออกมา!
หัวเราะอย่างพึงพอใจ
เขามองคนไม่ผิด ซือหม่าโต่วเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ต่อไปต้องทำอย่างไร เขามีแผนการอยู่ก่อนแล้ว!
…
ข่าวซือหม่าโต่วยังไม่ตายถูกส่งเข้าไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
กองทัพอวี้โจวก็กำลังจะถึงพื้นที่นครบาล
มีทั้งข่าวดีข่าวร้าย!
ซือหม่าโต่วยังไม่ตาย ทำให้อารมณ์ดีของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ลดลงไปมาก
เดิมทีเขาคิดจะพระราชทานรางวัลให้หลิงฉางจื้้ออย่างหนัก แต่ก็เปลี่ยนใจเลื่อนขั้นตำแหน่งขุนนางของหลิงฉางจื้้อให้สูงขึ้นระดับหนึ่ง และพระราชทานเงินทองอัญมณีแทน
หลิงฉางจื้้อไม่สนใจรางวัล หรือการเลื่อนขั้นตำแหน่ง
เขาสนใจเพียง เหตุใดเซียวอี้จึงผิดพลาด
เขามั่นใจว่าชายชุดดำที่ลอบสังหารในคืนนั้น ย่อมมีเซียวอี้เป็นผู้นำ
เพียงแต่…
เหตุใดเซียวอี้จึงสังหารผิดคน
หรือว่าฟ้ามืดเกินไป ทำให้เขาตัดสินใจผิดพลาดหรือ
หรือว่าสถานการณ์ในเวลานั้น เขาไม่มีโอกาสที่จะสังหารซือหม่าโต่ว
ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด หลิงฉางจื้้อก็คิดว่าเซียวอี้ไม่ควรพลาด
เวลานี้ ข้างกายของซือหม่าโต่วยิ่งเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด หากคิดจะฆ่าเขา คงจะยากขึ้นไปอีก
เขาถอนหายใจออกมา
เซี่ยฮูหยินลุกขึ้นนวดขมับให้เขา ทำให้เขาผ่อนคลาย
“เหตุใดท่านจึงถอนหายใจ สถานการณ์ในเวลานี้กลับสู่ทางที่ดีแล้ว บรรยากาศตึงเครียดในเมืองหลวงผ่อนคลายลง ทุกคนต่างชื่นชมท่าน แม้แต่ราคาเสบียงก็ลดต่ำลงเล็กน้อย มันเป็นความดีความชอบของท่านทั้งสิ้น ท่านควรดีใจถึงจะถูก!”
หลิงฉางจื้้อเสียดายอย่างมาก “ซือหม่าโต่วยังไม่ตาย!”
เซี่ยฮูหยินพูดอย่างเรียบง่าย “ไม่ตายก็ไม่ตาย เหตุใดจึงต้องถอนหายใจ โจรกบฏที่นำกำลังพลสองสามแสนนาย หากตายอย่างง่ายดาย เหตุใดราชสำนักจึงต้องวุ่นวาย เหตุใดต้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพอวี้โจว
หากสงครามเพียงครั้งเดียวก็สามารถตัดศีรษะของซือหม่าโต่วได้ ข้าคงต้องสงสัยว่าตัดผิดคนหรือไม่ มีคนกำลังหลอกลวงสร้างความดีความชอบ หากต้องการตัดศีรษะของแม่ทัพผู้นำทัพท่ามกลางกองกำลังนับหมื่น คิดดูก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!”
หลิงฉางจื้้อหัวเราะ เขากุมมือของเซี่ยฮูหยิน “เจ้ากำลังบอกว่าข้าใจร้อนที่จะประสบความสำเร็จ?”
เซี่ยฮูหยินจับมือของเขา นั่งลงไปที่เก้าอี้ติดกับเขา
นางพูดอย่างไม่รีบร้อน “ซือหม่าโต่วไม่ตายเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ หากซือหม่าโต่วตายไป ความดีความชอบอันใหญ่หลวงนี้ ฮ่องเต้จะทรงพระราชทานรางวัลให้ท่านอย่างไร
หลายวันนี้ ข้าออกจากจวนไปสองครั้ง นัดคนดื่มชาชมดอกไม้ พอจะได้ยินบางอย่างมา ตามหลักแล้วตอนนั้นท่านยืนกรานที่จะเดินทัพด้วยท่าทีแข็งกร้าว ส่งผลให้ฮ่องเต้ทรงเกลียด แต่เนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ ฮ่องเต้จึงทรงยอมจำนน
เมื่อซือหม่าโต่วตาย เท่ากับท่านได้สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ เกรงว่าต่อไป ฮ่องเต้ไม่ส่งท่านไปสู้รบกับอูเหิงที่ชายแดนทางเหนือก็คงยึดอำนาจทางทหารของท่าน กดขี่ท่านทุกด้าน สถานการณ์ในเวลานี้ ข้ากลับรู้สึกดีกว่า! ฝ่าบาททั้งไม่อาจกดขี่ท่าน อีกทั้งยังต้องมอบหมายภารกิจสำคัญให้ท่าน!”
หลิงฉางจื้้อขมวดคิ้ว “ที่ฮูหยินพูดก็มีเหตุผล ความจริงเรื่องที่เจ้าพูด ข้าก็คิดมาก่อนแล้ว แต่ในใจยังคงไม่เต็มใจยอมรับนักที่ต้องพลาดโอกาสที่ดีไป ส่วนทางฮ่องเต้ เจ้าไม่ต้องกังวลว่าเขาจะกดขี่ข้าหรือส่งข้าไปสู้รบกับอูเหิงทางเหนือ”
“ท่านมีแผนการรับมืออยู่ก่อนแล้วหรือไม่”
หลิงฉางจื้้อยิ้ม “บรรดาขุนนางต่างไม่พอใจกับฝ่าบาทมานานแล้ว นับจากมีขุนนางบางคนบีบบังคับให้พระองค์สละราชบัลลังก์เมื่อปีที่แล้ว ความจริงแล้วลับหลังทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้”
สีหน้าของเซี่ยฮูหยินเปลี่ยนไป นางกระซิบถาม “ฝ่าบาททรงเป็นดาวหายนะจริงหรือ พระองค์จะบ่อนทำลายแผ่นดินต้าเว่ย? มีผู้ใดรู้หรือไม่ว่าคำทำนายของใต้เท้าอู๋แห่งสำนักโหราศาสตร์ในวันนั้นเป็นอย่างไรกันแน่”
“ใต้เท้าอู๋หนีตายไปนานแล้ว เวลานี้ไม่มีผู้ใดตามหาเขาเจอ บางทีอาจตายไปแล้ว หรือไม่ก็หลบอยู่ในหุบเขาสักแห่ง”
เซี่ยฮูหยินถอนหายใจ “ใต้เท้าอู๋ก็น่าสงสาร เป็นขุนนางของสำนักโหราศาสตร์อยู่ดีๆ กลับต้องถูกบีบให้หนีตายทั้งตระกูล ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย! แต่เมื่อลองครุ่นคิดดู บางทีอาจเป็นเพราะผลการทำนายเป็นลางร้าย เขาจึงจำเป็นต้องหนีตาย”
“แม้จะเป็นลางดีก็ตาม ฮ่องเต้และพระพันปีก็ไม่มีทางยอมให้เขาอยู่ในโลกนี้ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดอันใดขึ้นในตำหนักฉางเล่อ ยกเว้นผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่มีแม้แต่เศษข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ใต้เท้าอู๋เป็นหนึ่งในฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้นคำว่าตาย!”
“ท่านพูดมีเหตุผล! เพียงแต่มันเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในเวลานี้ของท่านอย่างไร หรือว่าบรรดาขุนนางกำลังวางแผนบีบบังคับให้ฮ่องเต้ทรงสละราชบัลลังก์อีกแล้วหรือ”
หลิงฉางจื้้อกุมมือของเซี่ยฮูหยินไว้แน่น “เพียงแค่ข้าไม่ก่อกบฏ บรรดาขุนนางย่อมไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้กดขี่ข้า ยิ่งไม่เห็นด้วยกับการส่งข้าไปกินทรายที่ชายแดนทางเหนือ หากฮ่องเต้ทรงแน่วแน่ในพระทัย เมื่อถึงเวลานั้นก็ยึดอำนาจของเขาเสีย”
เซี่ยฮูหยินร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบนำมือปิดปาก
“เช่นนี้…เช่นนี้จะได้หรือ จะ…”
“ท่านลุงกำลังจะถึงเมืองหลวง!” หลิงฉางจื้อเปลี่ยนประเด็นทันที “เมื่อถึงเวลานั้นเมืองหลวงจะคึกคักเป็นพิเศษ นิสัยของท่านลุง เจ้าก็พอจะรู้ เจ้าคิดว่าเขาจะทำอย่างไร”
เซี่ยฮูหยินใจเต้นรัว ไม่กล้าคิดลึก
หลิงฉางจื้้อกลับหัวเราะขึ้นมา “ไม่ต้องกลัว! มีข้าอยู่ตรงนี้ ผู้ใดก็อย่าคิดทำร้ายเจ้า! หากเจ้ากังวลใจ เจ้าก็พาเด็กๆ กลับตระกูลไปก่อนเพื่อความปลอดภัย”
เซี่ยฮูหยินส่ายหน้า “ข้าจะอยู่ข้างท่าน! แต่สามารถส่งเด็กๆ กลับไปก่อนได้”
หลิงฉางจื้้อพูด “เด็กๆ จะถูกส่งไปหรืออยู่ในเมืองหลวงต่อ เจ้าตัดสินใจ ปัญหาในเวลานี้คือ ท่านลุงกำลังจะมาถึง ฮ่องเต้จะทรงให้เขานำกองกำลังเข้าเมืองหรือไม่”
“ท่านอยากให้ท่านลุงนำกองกำลังเข้ามาภายในเมืองหลวงหรือ” เซี่ยฮูหยินถามอย่างระมัดระวัง
เพราะว่านางรู้ดี เพียงแค่หลิงฉางจื้้อให้ความช่วยเหลือ ท่านโหวผิงอู่ สืออุนย่อมมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะนำกองทัพอวี้โจวปักหลักไว้ในเมืองหลวง
แต่สถานการณ์ปกติแล้ว กองทัพท้องถิ่นปักหลักได้เพียงนอกเมือง ไม่อาจเหยียบเข้าเมืองหลวงได้แม้แต่ก้าวเดียว
จะดำเนินการอย่างไร ล้วนขึ้นอยู่กับท่าทีของเขา
หลิงฉางจื้้อเคาะโต๊ะเบาๆ “ข้าต้องคุยกับท่านลุง!”
มีเพียงคุยแล้ว เขาจึงจะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
เซี่ยฮูหยินกดเสียงต่ำ “ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นในอนาคต ข้าหวังว่าท่านจะไม่เกี่ยวข้องกับมัน ไม่ว่าอย่างไร ท่านไม่อาจแบกรับชื่อเสียงที่ไร้เกียรติได้ เรื่องบางเรื่องยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน สามารถเลื่อนออกไปได้ก่อน พวกเรายังเด็ก ยังมีเวลาเพียงพอ”
หลิงฉางจื้้อหัวเราะร่า พลันพูด “เจ้าวางใจ! ข้าไม่มีทางเป็นกบฏ!”
เซี่ยฮูหยินโล่งใจทันที
ตระกูลหลิง รวมทั้งตระกูลเซี่ยล้วนไม่ควรแบกรับชื่อเสียงที่เสื่อมเสีย ไม่อาจถูกผู้คนสาปแช่งก่นด่า
พวกเขาเป็นขุนนางภักดีนับแต่อดีต!
ชื่อเสียงของตระกูลหนึ่งจำเป็นต้องอาศัยคนรุ่นต่อๆ ไปในการรักษา จึงจะแสดงให้เห็นถึงบารมีของมันได้!
เวลานี้เมื่อพูดถึงตระกูลหลิง หรือตระกูลเซี่ย ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องชมว่า “ดี!”
คำพูดของคนตระกูลหลิงมีอิทธิพลในพื้นที่มากกว่าพระราชโองการเสียอีก
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อาศัยกำลัง หากแต่เป็นชื่อเสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วแผ่นดิน!
เหมือนดังที่ว่า ชื่อของคน เงาของต้นไม้!
นางในฐานะสะใภ้ของตระกูลหลิง นางมีหน้าที่รับรองว่าสามีของตนเองจะไม่กระทำผิด ทำลายชื่อเสียงของตระกูล
นางแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย “หากท่านลุงคิดจะนำกองกำลังเข้าเมืองหลวงจริง เกรงว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงอนุญาต ความจริงแล้ว สามารถประนีประนอม ให้ท่านลุงนำกองกำลังส่วนหนึ่งเข้ามาปักหลักในเมืองหลวง เมื่อเป็นเช่นนี้ แรงกดดันบนตัวท่านก็ลดลงได้บ้าง”
หลิงฉางจื้้อตบไหล่ของนางเบาๆ “รอท่านลุงมาถึงแล้ว ค่อยหารือเรื่องนี้อีกครั้ง เจ้าหน่ะ หากมีเวลาว่างก็ออกไปเดินให้มาก นัดบรรดาสตรีในเมืองหลวงดื่มชาชมดอกไม้!”
เซี่ยฮูหยินหัวเราะ “ท่านวางใจเถิด ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร ท่านอยากสืบข่าวใด มอบหมายให้ข้าได้เลย”
หลิงฉางจื้้อหัวเราะ “ไม่จำเป็นในตอนนี้! แต่เจ้าสามารถลองถามความคิดเห็นของเยียนอวิ๋นเกอ เซียวอี้หายไปนานเพียงนี้ ติดต่อไม่ได้แม้แต่น้อย ถามว่านางมีความคิดเห็นอย่างไร นอกจากนี้ เจ้าลองถามนาง ทางเรือนพักร่ำรวยต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่ ข้ายินดีที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างยิ่ง”