คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 417 ตราประทับองค์รัชทายาท
ตอนที่ 417 ตราประทับองค์รัชทายาท
ห้องโถงเงียบสงัดลงทันที
ได้แต่กลิ่นหอมของชา แต่ไม่ได้ยินเสียงคนพูด
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวิน อยากรู้ว่าเขาจะพูดอย่างไร
หลิงฉางจื้้อ “…”
เขาเป็นแค่ผู้ชม เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวกับเขาแม้แต่น้อย
เขาถูกลากมาเพื่อความคึกคักเท่านั้น!
ท่านโหวผิงอู่รอดูเซียวเฉิงเหวินขายหน้า
เขาอายุมากแล้ว คนก็แก่แล้ว แต่จิตใจของเขายังไม่แก่
เขายังหนุ่มยังแน่น!
มิฉะนั้นจะทำให้เยียนอวิ๋นเฟยตั้งครรภ์ได้อย่างไร
เซียวเฉิงเหวิน “…”
เขานวดขมับด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
บางครั้ง คนบางคนก็ทำให้คนเกลียดตั้งแต่แรกพบอย่างไร้เหตุผล
ท่านโหวผิงอู่ย่อมเป็นหนึ่งในนั้น
เขาพูดกับเซียวฮูหยิน “ไม่รู้สิ่งของที่องค์หญิงพูดคือสิ่งใด บางทีข้าอาจเคยเห็นในวัง”
เซียวฮูหยินพูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก “เป็นตราประทับ! ตราประทับที่ท่านพ่อข้าแกะสลักเองกับมือ! ตอนนั้นข้าเคยค้นหาในวัง รื้อทั่วทุกคลังแล้ว แต่ก็หาไม่พบ บางทีอาจทำหล่นไว้ที่ใดแล้วถูกคนเก็บไป! ด้านบนสลักชื่อของท่านพ่อ ไม่มีทางปลอมได้อย่างแน่นอน!
ข้าหวังว่าคนที่เก็บได้จะคืนมันให้ข้า เหลือของต่างหน้าไว้ให้ข้า ไม่ปิดบังพวกท่าน ในมือของข้าไม่มีสิ่งของของท่านพ่อและท่านแม่แม้แต่ชิ้นเดียว ตอนนั้นฮ่องเต้จงจ้งกลัวข้าจะเศร้าโศกเมื่อเห็นสิ่งของเหล่านั้น จึงไม่ยอมให้ข้านำสิ่งของของท่านพ่อและท่านแม่ไปด้วยแม้แต่ชิ้นเดียว
หลังกลับมาถึงเมืองหลวง ข้าเคยไหว้วานให้คนตามหา ได้สิ่งของเก่าแก่เหล่านั้นกลับมาอยู่หลายชิ้น แต่ล้วนเป็นสิ่งของที่ทำขึ้นจากในวัง ไม่มีชิ้นใดเป็นฝีมือของท่านพ่อและท่านแม่ มีเพียงตราประทับที่แกะสลักโดยท่านพ่อ! ข้าแก่แล้ว เพียงแค่ต้องการตราประทับนี้! ไม่รู้ท่านทั้งสามจะยอมช่วยเหลือข้าหรือไม่”
หลิงฉางจื้้อลำบากใจอย่างมาก “ขอองค์หญิงโปรดเห็นใจ เรื่องนี้ข้าคงจะช่วยไม่ได้ แต่ข้าจะให้พ่อบ้านในจวนคอยจับตาดูร้านเครื่องประดับ ร้านจำนำ และโรงแลกเงินต่างๆ หากมีข่าว ข้าย่อมจะซื้อมันมาให้องค์หญิง”
เซียวฮูหยินพูดด้วยความซาบซึ้ง “ฉางจื้อช่างมีเมตตาเสียจริง!”
นางมองไปทางเซียวเฉิงเหวินอีกครั้ง “ไม่รู้ท่านอ๋องผิงชินจะยอมช่วยข้าหรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินถอนหายใจ “ข้าจะให้คนตรวจสอบคลังในวังหลวง หวังว่าจะหาตราประทับนี้พบ แต่องค์หญิงอย่าคาดหวังมากจะดีที่สุด สิ่งของที่สูญหายไปแล้ว บางทีอาจถูกผู้ใดเก็บไป ไม่ยอมเปิดเผยก็เป็นได้”
พูดจบ สายตาของเขาก็มองไปทางท่านโหวผิงอู่
ท่านโหวผิงอู่หัวเราะ “ข้าไม่เคยพบเห็นตราประทับขององค์รัชทายาทจางอี้ อีกทั้งไม่เคยเก็บตราประทับของผู้ใดได้ องค์หญิงเข้าใจผิดหรือไม่ หรือมีคนจงใจสร้างความงุนงงให้องค์หญิง”
เซียวฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านโหวเข้าใจผิดแล้ว! ไม่มีคนชี้แนะข้าผิดทาง ระยะนี้ข้าแพ้แดด มักจะไม่มีเรี่ยวแรง จึงอดคิดถึงอายุของตนเองไม่ได้ ไม่รู้เมื่อใดจะจากโลกนี้ไป เรื่องอื่นข้าปล่อยวางลงได้ ข้ามีความปรารถนาเพียงอย่างเดียวก็คือตามหาตราประทับนั้นกลับมา ตราประทับนั้นเขียนว่าผู้เป็นอิสระ!”
เซียวเฉิงเหวินพูดขึ้นทันที “ข้าจะพยายามตามหาสุดความสามารถ! องค์หญิงเพียงแค่แพ้ฤดูร้อน เมื่อฤดูร้อนผ่านไป ทุกอย่างย่อมจะดีขึ้น ขอให้องค์หญิงอย่าคิดมาก รักษาตัวให้ดี”
“ท่านอ๋องมีน้ำใจแล้ว! ก่อนที่อวิ๋นเกอจะออกเรือน ข้าไม่กล้าล้มลง! พวกท่านต่างวางใจ ข้าจะรักษาตัวให้ดี”
“หากเป็นเช่นนี้ พวกข้าก็สบายใจแล้ว!”
“ห้องโถงด้านหน้าเตรียมอาหารเอาไว้แล้ว เชิญทุกท่าน ข้าขอตัวไปทำความสะอาดก่อน สักพักก็จะตามไป!”
ทุกคนต่างลุกขึ้นย้ายไปยังห้องโถงด้านหน้า
หลังจากท่านโหวผิงอู่เดินออกจากห้องโถงรับแขกแล้ว เขาอ้างว่าลืมสิ่งของ จากนั้นจึงหันหลังกลับไปยังห้องโถง
เซียวฮูหยินนั่งอยู่ในห้องโถงตามคาด
หากไม่ผิดพลาด นางกำลังรอเขาวนกลับมาโดยเฉพาะ
ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน!
ท่านโหวผิงอู่ถอนหายใจยาว “องค์หญิงแก่แล้ว! จำได้ว่าพบกันครั้งก่อน ท่านยังเป็นเด็กเมื่อวานซืนอยู่เลย!”
เซียวฮูหยินหัวเราะเยาะ “ท่านโหวก็แก่แล้ว! วันนี้พบหน้า ข้าเพียงต้องการพูดแค่สองเรื่อง นำตราประทับของท่านพ่อคืนให้ข้า ข้ารู้ว่าท่านเก็บไป อีกทั้งมีเพียงแค่ท่าน นอกจากนี้ อย่าสร้างปัญหา! ราชวงศ์ต้าเว่ยไม่เคยปฏิบัติไม่ดีต่อตระกูลสือ รวมทั้งตัวท่าน หวังว่าท่านจะไม่ถูกความเห็นแก่ตัวครอบงำ!”
ท่านโหวผิงอู่ยิ้มอย่างรู้ทัน “องค์หญิงรู้ได้อย่างไรว่าข้าเก็บตราประทับเอาไว้ บางทีอาจเป็นข้าหลวง หรือองครักษ์ก็ได้!”
“มีเพียงแต่ท่าน! นอกจากท่าน ไม่มีผู้ใดบังอาจซ่อนสิ่งของขององค์รัชทายาทจางอี้!”
สีหน้าของเซียวฮูหยินในเวลานี้เรียกได้ว่าดุร้าย
สายตาที่นางมองท่านโหวผิงอู่ราวกับจะกินคน
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนยิ้มบาง “เวลาผ่านไปนาน ไม่คิดว่าองค์หญิงยังจำตราประทับได้ ท่านจะเอาไปใช้การใด”
“ไม่ต้องสนใจว่าข้าจะเอาไปใช้การใด แต่มันเป็นสิ่งของของท่านพ่อข้า สมควรคืนให้ข้า”
“องค์หญิงมั่นใจว่าตราประทับอยู่ที่ข้าเพียงนี้ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าผู้ใดบอกท่าน หากท่านรู้มานานแล้วว่าตราประทับอยู่ที่ข้า ท่านไม่มีทางเงียบมานานหลายปี อีกทั้งไม่มีการเคลื่อนไหว หรือว่าหลานชายของข้า เซียวอี้เป็นคนบอกท่าน ใช่แล้ว! นอกจากเขา ข้าก็คิดหาคนอื่นไม่ได้ เขาย่อมต้องเห็นตราประทับนั้นอยู่ที่ข้า เพื่อสู่ขอคุณหนูสี่ จึงใช้ข่าวนี้แลกกับการอนุญาตของท่าน”
ท่านโหวผิงอู่พูดจบก็หัวเราะ
จากนั้น เขาก็พึมพำออกมา “หลานชายของข้าช่างเป็นหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง! เสียดายที่ตอนนั้นข้าให้ความสำคัญกับเขาเพียงนั้น”
เซียวฮูหยินหัวเราะ สายตาดูถูก “ท่านคู่ควรที่จะพูดว่าให้ความสำคัญหรือ ตอนนั้นท่านหลอกใช้เซียวอี้อย่างเห็นได้ชัด หลอกใช้เขาฆ่าคน สืบข่าวให้ท่าน อีกทั้งยังไม่ยอมให้ชื่อเสียงที่ดีแก่เขา หากมันคือการให้ความสำคัญ มันช่างน่าตกตะลึง! ท่านเป็นคนอย่างไร ข้ารู้ดีอย่างยิ่ง อย่าแสร้งทำตัวโง่ ส่งตราประทับคืนมาให้ข้า”
ท่านโหวผิงอู่ส่ายหน้าช้าๆ “องค์หญิงต้องการตราประทับเช่นนี้ หรือตราประทับจะมีความสำคัญอื่น”
“มันเป็นตราประทับที่ท่านพ่อข้าแกะสลักเอง ความหมายไม่ธรรมดา มันเป็นสิ่งของที่ข้าตามหามาตลอด ท่านถือเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ เหตุใดจึงไม่คืนให้ข้า”
เซียวฮูหยินอยากก่นด่าเพื่อระบายความโกรธในใจ
แต่นางควบคุมเอาไว้!
เพียงแต่…
น้ำเสียงของนางดุดันขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังเย็นชาลงเรื่อยๆ !
ราวกับหากอีกฝ่ายพูดจาไม่เข้าหูก็จะฆ่าทิ้งเสีย!
ท่านโหวผิงอู่ยิ้ม “ตราประทับ ข้าคืนให้ท่านได้!”
เซียวฮูหยินโล่งใจในทันที “ตราประทับอยู่ในมือท่านจริงด้วย! ท่านเป็นคนเก็บมันไป!”
“แต่…”
ท่านโหวผิงอู่พูดด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงรู้จักนิสัยของข้าดี ข้าเป็นคนที่ไม่ตื่นเช้าหากไร้ผลประโยชน์ คืนตราประทับให้ท่าน ข้าได้ผลประโยชน์อย่างไร”
“ท่านต้องการผลประโยชน์ใด”
“บอกข้าถึงประโยชน์ที่แท้จริงของตราประทับ หลายปีนี้ ข้าครุ่นคิดเรื่องตราประทับนี้มานาน อีกทั้งยังเคยลองใช้ แต่กลับไร้ผลตอบรับ แต่ตราประทับนี้ย่อมต้องมีความหมายพิเศษอื่นอย่างแน่นอน”
เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเย็นด้วยอารมณ์เสียดสี “ย่อมมีความหมายพิเศษ บนนั้นมีความคิดถึงของข้าต่อท่านพ่อ สำคัญกับข้าอย่างยิ่ง ส่วนประโยชน์ของมันก็เป็นเพียงตราประทับ จะมีประโยชน์พิเศษใด ข้าว่าโรคระแวงของท่านกำเริบอีกแล้ว คิดแต่ในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทรมานตัวเอง!”
“ข้าไม่เชื่อ!” ท่านโหวผิงอู่โต้แย้งเสียงดัง “ข้าไม่เชื่อว่ามันเป็นตราประทับที่ไร้ประโยชน์แม้แต่น้อย”
เซียวฮูหยินถอนหายใจ “ถึงแม้จะมีประโยชน์ ข้าก็ไม่รู้ ผ่านไปนานเพียงนี้ ตราประทับเป็นเพียงตราประทับ คนตายจนเกือบหมดแล้ว คนตายไปแล้ว ยังจะมีประโยชน์พิเศษใดอีก”
ท่านโหวผิงอู่ขมวดคิ้วมุ่น หรือว่าเขาคิดมากเกินไปจริงๆ
ตราประทับเป็นเพียงของที่ระลึก ไม่มีประโยชน์อื่นใด
เขามองพินิจเซียวฮูหยินอย่างละเอียด สำรวจสีหน้าของนาง ไม่ปล่อยผ่านแม้แต่น้อย
ราวกับ…
เรื่องที่นางพูดล้วนเป็นความจริง!
หรือว่าเขาคิดมากเกินไป
เป็นเพราะเขาขี้ระแวงเกินไปจริงหรือ
แต่…
ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่คิดจะคืนตราประทับทันที
เขาพูด “ข้าไม่ได้นำตราประทับติดตัว แต่วางไว้ในจวนที่อวี้โจว ข้าจะให้คนนำตราประทับมาส่งคืนให้องค์หญิง ไม่รู้องค์หญิงจะตอบแทนที่ข้าเก็บรักษาตราประทับมานานหลายปีอย่างไร”
เซียวฮูหยินพูด “ท่านต้องการสิ่งใด เพียงแค่ข้ามี ท่านเอ่ยมาได้เลย!”
ท่านโหวผิงอู่ส่ายหน้าระรัว “สิ่งของนอกกาย ข้าไม่ต้องการ! แต่คนเก่าแก่ข้างกายขององค์หญิง ข้ามีความสนใจอย่างมาก ให้ข้ายืมใช้สักหลายวัน อย่างมากสามถึงห้าวัน รับรองจะส่งคนคืนมาให้องค์หญิง”
เซียวฮูหยินไม่ยอมรับปาก ผู้ใดจะรู้ว่าท่านโหวผิงอู่จะยืมคนไปทำการใด
ท่านโหวผิงอู่ยืนกรานที่จะยืมคน เพื่อการนี้เขายังสัญญา ไม่ทำร้ายร่างกายเพื่อเค้นถามความลับ ไม่บังคับให้พวกเขาทำเรื่องที่ทรยศต่อมโนธรรม
เพียงแค่ยืมมาใช้งานไม่กี่วัน จัดการปัญหาของเขา
เซียวฮูหยินครุ่นคิด ก่อนจะขอความเห็นจากคนที่ท่านโหวผิงอู่เจาะจง จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนพอใจอย่างมาก “องค์หญิงเชิญรอก่อน อีกไม่นาน ท่านก็จะได้ตราประทับขององค์รัชทายาทจางอี้คืน!”
…
งานเลี้ยงหนึ่งดำเนินไปอย่างกระอักกระอ่วน!
หลังจากจบสิ้น คนทั้งหลายต่างขอตัวจากไปอย่างเร่งรีบ
บรรยากาศน่าอึดอัด อยู่แล้วไม่สบายใจ!
เดิมทีเยียนอวิ๋นเกออยากใช้โอกาสนี้ สืบข่าวบางอย่างจากหลิงฉางจื้้อ แต่ก็ไม่มีโอกาส
น่าเสียดาย!
ต้องหวาดกลัวเพียงนั้นเชียวหรือ
เซียวเฉิงเหวินยิ่งไม่ให้โอกาสนาง เขานั่งรถม้าจากไปก่อนโดยไม่รอเยียนอวิ๋นฉี
ท่านโหวผิงอู่ สืออุน…
รับประทานอาหารไปครึ่งเดียว ก็มีคนมาเชิญ เขาจากไปเป็นคนแรก
สุดท้าย เหลือเพียงเยียนอวิ๋นเกอและเยียนอวิ๋นฉีนั่งจ้องตากัน!
เยียนอวิ๋นฉีพูด “วันนี้ข้าไม่กลับจวน ข้าจะอยู่กับน้องสี่ พวกเราสองพี่น้องไม่ได้นอนคุยด้วยกันมานาน ข้ามีเรื่องมากมายอยากจะพูดกับน้องสี่”
หัวของเยียนอวิ๋นเกอพิงอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าเกียจคร้าน
นางพูด “วันนี้พี่สองไม่กลับจวนอ๋องไม่เป็นอันใดหรือ”
“จะเป็นอันใด ข้างกายท่านอ๋องย่อมมีขุนนางฝ่ายในดูแล เด็กก็มีบ่าวรับใช้ดูแลอย่างใกล้ชิด ข้าห่างจวนมาวันสองวัน ไม่เป็นอันใด น้องสี่ไม่เต็มใจให้ข้าอยู่หรือ”
“พี่สองพูดเหลวไหลอีกแล้ว! ข้าดีใจยังแทบไม่ทัน จะไม่เต็มใจได้อย่างไร”
พี่น้องสองคนนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์
เยียนอวิ๋นเกอเงียบไปสักพัก จึงพูดขึ้น “ท่านแม่มีเรื่องในใจ! นับแต่รู้ข่าวว่าท่านโหวผิงอู่จะเข้าเมืองหลวง ท่านแม่ก็มีเรื่องในใจ! เพียงแต่ไม่ว่าข้าจะถามอย่างไร ท่านแม่ก็ไม่ยอมเปิดเผยแม้แต่น้อย”