คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 43 ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อลูก
ตอนที่ 43 ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อลูก
ท่านอ๋องตงผิงออกจากพระราชวังกลับไปถึงจวน ยิ่งคิดยิ่งรำคาญใจ
ตระกูลเถาสงสัยเขา บรรดาขุนนางก็สงสัยเขา ไม่แน่ว่าแม้แต่ฝ่าบาทก็ยังสงสัยเขา
เหตุใดเขาจึงยากลำบากเช่นนี้!
เพียงเพราะเขาให้กำเนิดลูกทรพีจึงต้องประสบหายนะเช่นนี้หรือ
เขาถามที่ปรึกษาคนสนิท “ส่งคนไปที่สำนักองครักษ์จินอู่จัดการลูกทรพีคนนั้นได้หรือไม่”
ที่ปรึกษาคนสนิทได้ยิน จึงตกตะลึงอย่างมาก
ท่านอ๋องต้องการฆ่าบุตรเพื่อความถูกต้องหรือ
ต้องทำถึงเพียงนี้หรือ!
เขาถามอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋องจะกำจัดนายน้อยหกหรือ”
ท่านอ๋องตงผิงทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “ไม่ใช่ข้าโหดเหี้ยม แต่เขาสร้างแต่ปัญหา ข้าไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ แต่เรื่องในคราวนี้ การกระทำของเขาทำให้ตระกูลเถาขุ่นเคือง อีกทั้งยังทำให้ฝ่าบาทเกิดความสงสัย เก็บเขาเอาไว้จะเป็นหายนะ”
“ไม่แน่ว่าวันใด หัวของคนทั้งจวนอ๋องจะหล่นลงพื้นเพราะเขา ไม่เหลือแม้แต่กระดูก อีกทั้งตระกูลเถาไม่มีวันยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ พวกเขาย่อมต้องหาทางกำจัดเขาอย่างแน่นอน แทนที่จะให้เขาตกอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลเถา สู้ข้ากำจัดเขาเองเสียดีกว่า”
ที่ปรึกษาคนสนิทก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านอ๋อง จากที่ข้ารู้ ถึงแม้ตระกูลเถาจะมีอำนาจในราชสำนัก แต่พวกเขามิอาจแทรกแซงสำนักองครักษ์จินอู่ได้ เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตระกูลเถาอยากฆ่านายน้อยหก”
ท่านอ๋องตงผิงส่ายหน้า เขาไม่คิดเช่นนั้น “คนอยู่ในราชสำนักมานาน หากอยากกำจัดคนผู้หนึ่งย่อมมีวิธี เจ้ารีบคิดหาหนทาง สามารถติดต่อคนในสำนักองครักษ์จินอู่กำจัดลูกทรพีนั้นได้หรือไม่”
“เรื่องนี้ไม่ง่ายขอรับ!”
“ไม่ง่ายก็ต้องทำ! ลูกทรพีนั้นเหมือนคนบ้า ไม่มีผู้ใดรับรองได้ว่าเขาจะพูดเรื่องไร้สาระออกมาจนทำให้จวนอ๋องเดือดร้อนหรือไม่ ข้ารู้วิธีการเค้นถามขององครักษ์จินอู่ คนที่เข้าไปด้านในแล้ว ไม่ตายก็ต้องหนังถลอกออกมาหนึ่งชั้น ต้องฉวยโอกาสก่อนที่เขาจะพูดจาเหลวไหลไม่เป็นประโยชน์ต่อจวนอ๋องกำจัดเขาทิ้งเสีย”
เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องตงผิงตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
เขาต้องการให้เซียวอี้ตายให้ได้
ในสายตาของท่านอ๋องตงผิง เซียวอี้เป็นบุตรชายที่ลึกลับมาก เซียวอี้มักทำสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว มักรู้ความลับบางอย่างของเขาอยู่เสมอ
อีกทั้งเซียวอี้ยังมีนิสัยประหลาด ฝีมือโหดเหี้ยม
เขาไม่กลัวเรื่องอื่น กลัวแค่เซียวอี้บ้าคลั่งจนพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ทำให้เขาเดือดร้อน
ยุคสมัยนี้ ไม่มีผู้ใดใสสะอาด
ตำแหน่งยิ่งสูง ความลับยิ่งมาก
ไม่ถูกคนเปิดเผยขึ้นมาก็แล้วไป
หากถูกคนเปิดเผยขึ้นมา เกรงว่าหัวต้องตกถึงพื้น
ต่อหน้าเรื่องใหญ่แห่งความเป็นความตาย การเสียสละบุตรชายคนเดียวจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
อย่างไรก็ตาม เขายังมีบุตรชายมากมาย เซียวอี้ตายไปคนเดียว เขาก็ยังมีบุตรชายคนอื่นแทนที่
อีกทั้งแต่ละคนล้วนเชื่อฟังเขา เจริญหูเจริญตากว่าเซียวอี้ที่ควบคุมไม่ได้เป็นอย่างมาก
ที่ปรึกษาคนสนิทคิดว่าท่านอ๋องตงผิงได้ตัดสินใจแล้ว
โน้มน้าวคงไม่ได้
จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่ง
“ข้าจะพยายามคิดหาวิธีกำจัดนายน้อยหกก่อนที่ตระกูลเถาจะลงมือ”
ท่านอ๋องตงผิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะกำชับอีกครั้ง “อย่างน้อยก็เป็นพ่อลูกกัน ให้เขาตายอย่างสบาย! ตายในมือของข้ายังดีกว่าตายในมือของตระกูลเถาและองครักษ์จินอู่”
ที่ปรึกษาคนสนิทครุ่นคิด ตักเตือนอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทอาจช่วยปกป้องนายน้อยหก”
ความหมายคือหากองครักษ์จินอู่มีการเตรียมการป้องกันล่วงหน้า แผนการฆ่าเซียวอี้ย่อมต้องล้มเลิกไป
เรื่องนี้โทษเขาไม่ได้
สถานการณ์บีบบังคับ ทำได้เพียงยอมจำนน
ท่านอ๋องตงผิงขมวดคิ้ว กัดฟันกรามจนปวดฟัน
มีความเป็นไปได้ที่ฮ่องเต้จะปกป้องเซียวอี้
อีกทั้งยังเป็นไปได้อย่างมากด้วย!
เพราะเซียวอี้มีประโยชน์มาก
เขาสามารถใช้เซียวอี้ไปกัดผู้ที่มีอำนาจในราชสำนัก หรือบรรดาท่านอ๋องจากพื้นที่ต่างๆ
แต่เซียวอี้ไม่ใช่คนที่ยอมเชื่อฟังผู้ใด
ท่านอ๋องตงผิงลูบเครา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในความคิดของเจ้า เหตุใดลูกทรพีจึงฆ่านายท่านรองตระกูลเถา หรือเพราะมีปากเสียงกันจริง?”
ที่ปรึกษาคนสนิทกล่าว “ตามที่ข้ารู้จักนายน้อยหก มีความเป็นไปได้ที่เขาจะฆ่าคนเพราะมีปากเสียง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่านายท่านรองตระกูลเถาเพราะมีปากเสียงกัน! นายน้อยหกดูเหมือนมักจะกระทำการบ้าคลั่ง ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ แต่อันที่จริงเขาดำเนินการอย่างระมัดระวัง วางแผนอย่างรอบคอบ เรื่องนี้ไม่ง่ายเหมือนดั่งที่เห็นภายนอก”
ท่านอ๋องตงผิงตากระตุก
เขาไม่คิดว่าที่ปรึกษาคนสนิทจะชื่นชมลูกทรพีอย่างเซียวอี้สูงเพียงนี้
ไม่คาดคิด!
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะชื่นชมเจ้าหกเพียงนี้”
ที่ปรึกษาคนสนิทพูดอย่างระมัดระวัง “การฆ่าคนในตำหนักจินหลวนของนายน้อยหกดูเหมือนจะบ้าคลั่ง แต่การจัดการหลังเกิดเรื่องกลับใจเย็นและมีเหตุผล การมีปากเสียงดูเหมือนจะเป็นเหตุผลที่เหลวไหล แต่เมื่อครุ่นคิดแล้ว ข้ออ้างนี้แสดงให้เห็นถึงความฉลาด หากเป็นผู้อื่น ฆ่านายท่านรองตระกูลเถาในตำหนักจินหลวน คงไม่อาจจัดการได้ดีกว่าเขา”
“ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่านายน้อยหกจะถูกองครักษ์จินอู่คุมตัวลงไปสอบสวนอย่างเข้มงวด แต่ในความเป็นจริงแล้ว นายน้อยหกถูกองครักษ์จินอู่คุ้มกันอย่างแน่นหนา ตระกูลเถาอยากฆ่านายน้อยหกอย่างมาก แต่น่าเสียดาย ตระกูลเถาตอบสนองช้าไปก้าวหนึ่ง พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว นายน้อยหกเข้าคุกหลวงที่สำนักองครักษ์จินอู่ อยากฆ่าเขายากกว่าตอนกลางวันในตำหนักจินหลวนอีกร้อยเท่า”
ท่านอ๋องตงผิงจ้องมองที่ปรึกษาคนสนิท “เจ้าต้องการจะพูดอันใด”
ที่ปรึกษาคนสนิทลังเล เสนอความคิดของตนเองออกมาอย่างระมัดระวัง “แผนการกำจัดนายน้อยหกสามารถชะลอลงได้หรือไม่ บางทีอาจถามสาเหตุที่นายน้อยหกฆ่านายท่านรองตระกูลเถาให้กระจ่างก่อน”
เขาสงสัยเจตนาของเซียวอี้ที่ฆ่านายท่านรองตระกูลเถาอย่างมาก
สงสัยว่าเซียวอี้จะทำอย่างไรต่อไป
เซียวอี้ต้องการทำสิ่งใดกันแน่
ในฐานะที่ปรึกษา เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ซับซ้อนย่อมอยากจะคลี่คลาย
การคลี่คลายปัญหาที่ดีที่สุดคือการถามคำตอบจากปากของเซียวอี้โดยตรง
ท่านอ๋องตงผิงหวั่นไหวเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด เดินวนไปมาอยู่ในห้องตำรา ลังเลอย่างมาก
หลังจากชั่งใจครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านอ๋องตงผิงได้ตัดสินใจแล้ว ดวงตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยม “อย่าสนใจว่าเหตุใดเขาจึงฆ่านายท่านรองตระกูลเถา กำจัดเขาให้เร็วที่สุด อย่าสนใจสิ่งอื่น”
ถึงแม้เขาจะสงสัย แต่เขาก็หวงแหนชีวิตมากกว่า
ลูกทรพีอย่างเซียวอี้นี้จะต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด
เขาต้องไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสพูดอันใดที่ไม่ดีต่อจวนอ๋องออกมา ยิ่งไม่อาจปล่อยให้เซียวอี้ตกอยู่ในมือของตระกูลเถา
ที่ปรึกษาคนสนิทรู้สึกผิดหวังในใจเป็นอย่างมาก
แต่ในฐานะที่ปรึกษา เขามีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตนเอง
ท่านอ๋องตงผิงออกคำสั่ง เขาย่อมต้องทำตาม
น่าเสียดาย นายน้อยหกเซียวอี้ยังไม่ทันได้เปล่งประกายความสามารถก็ต้องตายไปเสียก่อน
…
วันที่สอง เดือนหนึ่ง!
ลมจากทิศเหนือโหมกระหน่ำ!
เยียนอวิ๋นเกอนั่งอยู่บนหลังคา จ้องมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
คนที่คุ้นเคยกับแผนผังของเมืองหลวงคงจะรู้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คือตำแหน่งที่ตั้งของสำนักองครักษ์จินอู่
ทวยเทพและภูตผีมิอาจเข้าใกล้ มักมีความมืดมนเย็นยะเยือกอยู่เสมอ
คนที่ต้องเดินผ่านพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ล้วนจะหลีกเลี่ยงถนนใกล้เคียงกับสำนักองครักษ์จินอู่
เทพแห่งโรคระบาด!
สำนักองครักษ์จินอู่ในสายตาของประชาชนในเมืองหลวงเป็นเช่นนี้
เพียงแค่สัมผัสก็ตายทันที!
ร้ายกาจเสียยิ่งกว่ายมบาล
เมื่อวาน องครักษ์จินอู่ที่ร้ายกาจจับกุมคนที่ร้ายกาจยิ่งกว่า บุตรชายคนที่หกของท่านอ๋องตงผิง เซียวอี้
เซียวอี้ฆ่าคนในตำหนักจินหลวน อีกทั้งคนที่ฆ่ายังเป็นนายท่านรองตระกูลเถา เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว
เยียนอวิ๋นเกอส่งเสียงจิ๊ปาก
เซียวอี้สุดยอดเสียจริง
นางรู้ว่าเขาบ้ามาก บ้าจนวิปริต
แต่นางยังคงคาดเดาความบ้าคลั่งของเขาต่ำไป
เขาบังอาจฆ่าคนในตำหนักจินหลวน ต่อหน้าผู้คนมากมาย ฆ่าคนของตระกูลเถา ความใจกล้านี้หาที่ติไม่ได้แล้ว
หากให้ไม้กระบองแก่เขา เยียนอวิ๋นเกอคาดเดา เขาคงแทงทะลุฟ้าได้
เขาไม่กลัวตายหรือ?
เขากล้าหาเรื่องตระกูลเถา!
ทั้งที่บอกว่าเป็นการลอบฆ่า แต่สุดท้ายเป็นการฆ่าต่อหน้าผู้อื่น!
เขาไม่ได้โง่ เหตุใดจึงกระทำเรื่องเช่นนี้
เยียนอวิ๋นเกอมองไปยังทิศทางของสำนักองครักษ์จินอู่ ถอนหายใจออกมา
เสียดายตอนที่เกิดเรื่อง นางไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่อาจเห็นเซียวอี้แสร้งโง่กับตา…
ลมแรง!
พัดกระทบใบหน้า ราวกับถูกมีดกรีด
แม่นมชิวยืนตะโกนเสียงดังอยู่ในลาน “คุณหนูสี่ เหนียงเหนียงให้เรียกท่านลงมา ด้านบนหนาว ระวังไม่สบายเจ้าค่ะ”
เยียนอวิ๋นเกอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ตอบสนอง
แม่นมชิวกระทืบเท้าด้วยความโกรธ เรียกสาวรับใช้อาเป่ยมา “เจ้าขึ้นไปเชิญคุณหนูสี่ลงมา นั่งอยู่ด้านบนเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ทนได้อย่างไร”
อาเป่ยหาบันไดปีนขึ้นไปบนหลังคาอย่างชำนาญ
นางเดินมาถึงข้างตัวของเยียนอวิ๋นเกอ “คุณหนูดูอันใดจนหลงใหลเพียงนี้”
เยียนอวิ๋นเกอชี้ไปยังทิศทางของสำนักองครักษ์จินอู่ อาเป่ยมองตามทิศทางที่นิ้วของนางชี้ไป มีเพียงเรือนของผู้อื่น มีสิ่งใดน่าดู
“คุณหนูดูเกือบชั่วยามแล้ว หรือไม่ลงไปเถิด ในสวนส่งไก่แดดเดียว เป็ดแดดเดียว ปลาแดดเดียวมาแล้ว ล้วนหมักตามที่คุณหนูสั่ง กลิ่นหอมอย่างมาก คุณหนูไม่อยากกินหรือเจ้าคะ”
เยียนอวิ๋นเกอได้ยินเรื่องของกิน ก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
แต่องครักษ์จินอู่ที่ร้ายกาจกักขังเซียวอี้ที่ร้ายกาจราวกับมีแรงดึงดูดมากกว่า
อาเป่ยเห็นเยียนอวิ๋นเกอไม่ขยับ ดังนั้นจึงพูดขึ้น “คุณหนูอยากดูสิ่งใด นั่งอยู่บนหลังคาก็มองไม่ชัด เหตุใดจึงไม่เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ดูให้ชัดเจน”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า นางมีชื่อเสียง เป็นเป้าหมายใหญ่ หากปรากฏตัวรอบสำนักองครักษ์จินอู่ อาจนำความเดือดร้อนมาได้
นั่งดูอยู่บนหลังคาดีกว่า อิสระ
อาเป่ยไร้หนทาง
เกลี้ยกล่อมไม่ไหว!
นางทำท่าทางต่อแม่นมชิวในลาน ให้เชิญคุณหนูรองดีกว่า
…
เยียนอวิ๋นฉีมาแล้ว
นางยืนอยู่ในลาน มือทั้งสองเท้าเอว ตะโกนเสียงดัง “เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าลงมาบัดนี้ หากไม่ลงมา ข้าจะตีขาเจ้าให้หัก”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา
พี่สองเลียนแบบผู้อื่นไม่ดีกว่าหรือ เหตุใดถึงเลียนแบบวิธีการของท่านพ่อ
เยียนอวิ๋นฉีตะโกนด้วยความโกรธอีกครั้ง “เจ้าจะลงมาหรือไม่ เจ้าไม่ลงมาข้าจะปีนขึ้นไป ตากลมเป็นเพื่อนเจ้า”
อย่า!
อย่าเด็ดขาด!
ร่างกายของพี่สองนั้น อย่าได้ถูกลมพัดจนเป็นหวัด
เยียนอวิ๋นเกอกระโดดลงมาจากหลังคาโดยตรง แม่นมชิวตกใจอย่างมาก
เยียนอวิ๋นฉีจับมือของนางเอาไว้ “เจ้าเก่งกล้าใหญ่แล้ว วิ่งขึ้นไปอยู่บนหลังคาแต่เช้า เจ้าไม่ดูว่าอากาศเป็นอย่างไรเสียบ้าง อาศัยว่าร่างกายแข็งแรงดีทำสิ่งใดก็ได้หรือ ไป ตามข้าไปพบท่านแม่”