คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 46 ตายเปล่าไม่ได้
ตอนที่ 46 ตายเปล่าไม่ได้
เดือนสาม ฤดูใบไม้ผลิอันแสนอบอุ่น ดอกไม้บานสะพรั่ง!
ผู้คนต่างถอดชุดฤดูหนาวอันออกเปลี่ยนเป็นชุดฤดูใบไม้ผลิ
บนถนนในเมืองหลวงมีผู้คนปรากฏตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเดินทางของเยียนอวิ๋นฉวนไม่ราบรื่นนัก เขาประสบกับแม่น้ำที่น้ำแข็งละลาย กระแสน้ำเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันจนเกิดเป็นน้ำหลาก ทำให้เดินทางล่าช้าไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เขาให้ไปคนส่งข่าว คาดการณ์ว่าปลายเดือนสามจึงจะถึงเมืองหลวง
ปลายเดือนสามจึงจะถึงสิดี
เยียนอวิ๋นเกอปรบมือดีใจ
ยิ่งมาถึงช้ายิ่งมีเวลาให้นางเตรียมการมากขึ้น
…
เซียวอี้ยังคงไม่ตาย เขามีชีวิตอยู่อย่างดี
คนที่ลอบสังหารลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าตระกูลเถาหรือท่านอ๋องตงผิงล้วนตระหนักได้ว่า หากเซียวอี้อยู่ภายในสำนักองครักษ์จินอู่หนึ่งวัน พวกเขาก็ไม่อาจสังหารเขาได้หนึ่งวัน
ช่างน่ากลุ้มใจยิ่งนัก
คำโบราณว่าไว้ คนดีอายุไม่ยืน หายนะอยู่ยืนพันปี!
เซียวอี้กลายเป็นหายนะภายในใจของคนจำนวนมากเสียแล้ว หายนะที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย
เมื่อเทียบกับท่าทีของฮ่องเต้หย่งไท่ เซียวอี้ตายหรือไม่ตายไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ตามหลักแล้วเซียวอี้ฆ่าคนภายใต้สายตาของผู้คน หลักฐานแน่นหนาเช่นนี้ ไม่มีสิ่งใดต้องสืบสวน ฆ่าคนย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิต ลงโทษโดยตรงย่อมได้
น่าโมโหหรือไม่
น่าโมโหที่สุด!
โมโหจนแทบตายแล้ว!
ตระกูลเถาในฐานะเจ้าทุกข์ ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาร้องไห้บนราชสำนักมาหลายรอบแล้ว
คนผมขาวส่งคนผมดำ ช่างน่าสงสาร!
ฝ่าบาทต้องทวงความยุติธรรมแทนตระกูลเถา ให้ผู้ร้ายชดใช้ด้วยชีวิต!
ฮ่องเต้หย่งไท่มักใช้วิธีการปลอบประโลมท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาอย่างใจเย็น ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลงโทษเซียวอี้อย่างหนักทุกครั้ง
แต่แล้วก็ไม่มีการกระทำใดต่อ!
วาจาเอ่ยอย่างไพเราะ แต่กลับไม่เห็นการเคลื่อนไหว
เซียวอี้ยังคงมีชีวิตอยู่
ฮ่องเต้หย่งไท่ด้านหนึ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะลงโทษเซียวอี้อย่างหนัก ด้านหนึ่งไม่ให้ผู้ใดแตะต้องเซียวอี้ ตกลงหมายความว่าอย่างไร
ฆ่าคนไม่ชดใช้ด้วยชีวิต จะทำให้ผู้อื่นศรัทธาได้อย่างไร
ภายในใจของท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ
ฮ่องเต้หย่งไท่กำลังกลั่นแกล้งตระกูลเถาหรือ
ขุนนางกว่าครึ่งในราชสำนักล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลเถา ฝ่าบาททรงกลั่นแกล้งตระกูลเถาไม่กลัวเกิดภัยอันไม่สามารถพูดได้หรือ
หลายครั้งที่ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาเผชิญกับใบหน้าอันจริงใจของฮ่องเต้หย่งไท่ ภายในใจของเขาเกิดความคิดที่จะกระชากหน้ากากอันอัปลักษณ์ของเขาลงมา
รังแกคนมากเกินไปแล้ว!
แต่ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาอดทนเอาไว้ได้!
กษัตริย์คือกษัตริย์ ขุนนางคือขุนนาง!
ไม่ถึงเวลาที่คับขันจริง ไม่อาจวู่วามได้!
ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาให้คนไปติดต่อเถาฮองเฮาภายในพระราชวัง ให้เถาฮองเฮาสังเกตท่าทีของฮ่องเต้หย่งไท่
เรื่องนี้ไม่อาจคลุมเครือต่อไปได้ ต้องมีคำอธิบายให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม นายท่านรองตระกูลเถาตายเสียเปล่าไม่ได้
…
ระยะนี้เถาฮองเฮามีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีนัก
ฮ่องเต้หย่งไท่ไม่ได้มาบรรทมในตำหนักเว่ยยางเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
หากไม่บรรทมในตำหนักซิงชิ่งก็เสด็จไปยังตำหนักของพระสนมอื่น
โดยเฉพาะเจี่ยซูเฟยที่ได้รับความโปรดปรานอย่างมาก
ราชสำนักและวังหลังต่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มีผลกระทบซึ่งกันและกัน
ทันใดนั้น สายตาที่ขุนนางมองไปยังองค์ชายหกล้วนเร่าร้อนขึ้นมา
เสด็จแม่ขององค์ชายหกก็คือเจี่ยซูเฟย[1]
เจี่ยซูเฟยได้รับความโปรดปราน องค์ชายหกจึงมีผลพลอยได้ไปด้วย
เสียดายที่เจี่ยซูเฟยได้รับความโปรดปรานในระยะสั้น ท่าทีของฮ่องเต้หย่งไท่ไม่ชัดเจน เหล่าขุนนางยังไม่กล้ามีปฏิสัมพันธ์กับองค์ชายหกอย่างเปิดเผย
แต่ส่วนตัว พวกเขายังคงปลดปล่อยเจตนาอันดีต่อองค์ชายหกออกมาบ้าง
หลังจากผ่านความบ้าคลั่งในช่วงแรก อีกทั้งถูกฮ่องเต้หย่งไท่เพิกเฉยหนึ่งเดือน เถาฮองเฮาที่ต้องการแก้แค้นใจเย็นลงมาในที่สุด
หลังจากใจเย็นแล้ว สิ่งแรกที่นางทำคือตั้งกฎต่อเหล่าสนม
คิดจะแย่งความรักจากฝ่าบาทไปจากนาง ต้องถามว่านางยินยอมหรือไม่
ทุกคนต่างบอกว่านางเถาฮองเฮายโสโอหัง ไม่ใช่แค่คำล่ำลือ
นางเป็นคนยโสโอหังจริง!
เจี๋ยอวี้นางหนึ่งกระทำผิดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก นางจับผิดได้ จึงรับสั่งให้โบยนางเกือบตาย
เมื่อเถาฮองเฮาลงมือ คนในวังหลังต่างระวังตัว
พระสนมเจี่ยซูได้รับความโปรดปรานในระยะนี้ นางจึงฉวยโอกาสฟ้องต่อฮ่องเต้หย่งไท่
แต่การฟ้องก็มีวิธีการ
พระสนมเจี่ยซูไม่พูดตำหนิเถาฮองเฮาแม้แต่น้อย เพียงแค่กล่าวว่าเจี๋ยอวี๋ที่ถูกลงโทษน่าสงสารเพียงใด
“ตามที่หมอหลวงบอก หวังเจี๋ยอวี้เกรงว่าจะต้องพิการ หม่อมฉันส่งคนไปเยี่ยม สถานการณ์นั้นอนาถยิ่งนัก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีส่วนที่สมบูรณ์ สงสารหวังเจี๋ยอวี๋ สิ่งที่หม่อมฉันทำได้มีจำกัด จัดคนคอยดูแลนางให้ดี หวังว่านางจะอดทนรอดมาได้”
ฮ่องเต้หย่งไท่ไม่ส่งเสียง
ภายในใจของเจี่ยซูเฟยกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าคำพูดของนาง ฝ่าบาทได้ฟังเข้าไปบ้างหรือไม่
พูดมากย่อมผิดพลาด
พระสนมเจี่ยซูจึงหยุดบทสนทนาลง ไม่พูดถึงหวังเจี๋ยอวี๋[2]อีก
ฮ่องเต้หย่งไท่เห็นนางเฉลียวเพียงนี้ จึงบรรทมในตำหนักของนางในคืนนั้น
…
หลังจากนั้น ฮ่องเต้หย่งไท่ยังคงเพิกเฉยต่อเถาฮองเฮา
อาหารที่เถาฮองเฮาส่งไปยังตำหนักซิงชิ่งล้วนถูกส่งกลับ
เถาฮองเฮาเชิญเขามาเสวยพระกระยาหารในตำหนักเว่ยยาง เขาเพียงแค่บอกปัดด้วยคำว่าไม่ว่าง
เถาฮองเฮาประชวน เขาไม่ว่างเสด็จมาเยี่ยมเหมือนเดิม เพียงแค่ส่งซุนปังเหนียนมาตำหนักเว่ยยางแทนเขา
เถาฮองเฮาสูญเสียความโปรดปราน!
ข่าวนี้มีเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
ทั้งภายในและภายนอกราชวังต่างแพร่กระจายข่าวนี้อย่างลับๆ
แต่ไม่มีผู้ใดคิดว่าเถาฮองเฮาสูญเสียความโปรดปรานจริง!
ไม่มีผู้ใดลืมการสั่งสอนที่อาบเลือด
หลายปีก่อน เถาฮองเฮาเคยขัดแย้งกับฮ่องเต้หย่งไท่หลายครั้ง
แต่ละครั้งล้วนมีคนมั่นใจว่าเถาฮองเฮาสูญเสียความโปรดปราน
แต่แล้ว ความเป็นจริงสั่งสอนให้เป็นคน
เหล่าคนที่มั่นใจว่าเถาฮองเฮาสูญเสียความโปรดปรานนั้น ต่อมาล้วนล้มเหลว ตายอย่างเงียบเชียบ ไม่มีจุดจบที่ดี
บทเรียนก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านมาไม่นานนัก!
ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าครานี้เถาฮองเฮาจะสูญเสียความโปรดปรานจริง
รอดูสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ดีกว่า!
ทุกคนต่างคิดว่าการรอดูสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ เป็นแผนการที่ดีที่สุด
…
เมื่อเห็นเสด็จพ่อเพิกเฉยต่อเสด็จแม่ ส่วนเจี่ยซูเฟยได้รับประโยชน์ องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้จึงร้อนใจอย่างมาก ภายในปากเกิดแผลพุพองหลายแผล
องค์หญิงติ้งเถากระวนกระวายมากจนร้องไห้หลายครั้งในจวน
นางวิ่งเข้าไปอ้อนวอนฮ่องเต้หย่งไท่ในพระราชวัง แต่ฮ่องเต้หย่งไท่กลับตำหนินาง ให้นางกลับจวนสำนึกความผิด
นางร้องทุกข์ต่อองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้
“เสด็จพ่อไม่เคยดุข้ามาก่อน แต่ครานี้ เสด็จพ่อไม่แม้แต่มีสีหน้าดีต่อข้า พี่สาม เสด็จแม่สูญเสียความโปรดปรานแล้วจริงหรือ”
“อย่าพูดเหลวไหล!”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้มีแผลพุพองในปาก กินอาหารไม่ลง เขาผอมลงในระยะเวลาอันสั้น
ภายในใจของเขามีความแค้น
เขาแค้นตระกูลเถา!
เขาเคยบอกแล้วว่าไม่อาจลอบสังหารเซียวอี้ได้ เพราะจะก่อเกิดความขุ่นเคืองของเสด็จพ่อ
แต่เสด็จแม่ไม่ฟังเขา
ตระกูลเถามีเสด็จแม่หนุนหลัง ไม่ยอมฟังคำเกลี้ยกล่อมของเขา
เวลานี้ได้รับผลกรรมของตนเอง
คนฆ่าไม่ตาย อีกทั้งยังต้องถูกหัวเราะเยาะ
ราชสำนักต่างกำลังหัวเราะเยาะตระกูลเถา
นายท่านรองตระกูลเถาถูกฆ่า สังหาร พยาน และหลักฐานชัดเจน แต่สุดท้ายกลับลงโทษผู้ร้ายไม่ได้
ได้ยินว่า เซียวอี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในคุกหลวง อีกทั้งยังน้ำหนักขึ้นมาหลายจิน
รังแกคนมากเกินไป!
คราวนี้ เกียรติยศของตระกูลเถาหมดสิ้นแล้ว
ทางด้านเสด็จแม่ ยิ่งต้องเสียเปรียบเหล่านางสนม โดยเฉพาะเจี่ยซูเฟย
องค์หญิงติ้งเถาร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล! เสด็จพ่อดุเพียงนั้น ย่อมต้องเป็นเพราะท่านเกลียดเสด็จแม่จึงเกลียดพวกเราด้วย เสด็จพ่อไม่โปรดปรานเสด็จแม่แล้ว จึงปฏิบัติกับข้าเช่นนั้น”
“เหลวไหลสิ้นดี เสด็จพ่อและเสด็จแม่เคยขัดแย้งกันเม่อหลายปีก่อน แต่ละครั้งล้วนกลับมาคืนดีกันได้ ความรักของทั้งคู่นับวันยิ่งมากขึ้น ครานี้ ย่อมไม่มีข้อยกเว้น”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้พูดอย่างหนักแน่นจนตัวเองยังเชื่อ
แต่องค์หญิงติ้งเถาพูดขึ้น “ในอดีต เสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดความขัดแย้งกัน เสด็จพ่อไม่เคยดุข้า แต่ครานี้…”
“เพราะเจ้าโตแล้ว!” องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ขัดนาง “เจ้าโตแล้ว เสด็จพ่อย่อมต้องเข้มงวดกับเจ้ามากขึ้น อีกทั้งครานี้เรื่องเกี่ยวข้องกับตระกูลเถา เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องตงผิง เจ้าไม่ควรเข้าไปยุ่ง เสด็จพ่อดุเจ้าเพราะเขารักเจ้า”
องค์หญิงติ้งเถาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
นางรู้สึกว่าพี่สามกำลังหลอกนาง
คำพูดนั้น พี่สามเชื่อหรือไม่
ไม่สำคัญว่าจะเชื่อหรือไม่ สิ่งสำคัญคือจะแก้ไขวิกฤตนี้ได้อย่างไร
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้รู้ดีอย่างมาก เขาต้องหาทางทำลายสถานการณ์นี้
เสด็จพ่อเพิกเฉยต่อเสด็จแม่ตลอด หากเวลาผ่านไปนาน ย่อมต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน
มองดสถานการณ์อันดีเยี่ยมถูกคนอื่นกลืนกินไปทีละเล็กทีละน้อย ผู้ใดจะยอม
เขาครุ่นคิด ก่อนจะคิดหาวิธีหนึ่งได้
เขาอำลาติ้งเถา เสด็จไปยังตวนขององค์ชายรองอย่างเร่งรีบ
เมื่อพี่น้องพบหน้ากัน เขาพูดอย่างตรงประเด็นทันที
“พี่รอง คราวนี้ท่านต้องปรากฏตัว ทางเสด็จแม่มีเพียงต้องพึ่งพาท่าน”
องค์ชายรอง เซียวเฉิงเหวินวางตำราลง “น้องสามนั่งลงพูดก่อน เจ้ารีบมาหาข้า เพราะเสด็จพ่อเพิกเฉยต่อเสด็จแม่งั้นหรือ”
“ใช่แล้ว! ข้ามีวิธีที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างเพราะเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ ผ่อนคลายความสัมพันธ์ของพวกเขา”
“น้องสามเชิญพูด”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้กระแอมเบาๆ กล่าวอย่างเคร่งขรึม “พี่รองโปรดเข้าไปในวัง ขอโปรดเสด็จพ่อให้กำหนดวันอภิเกสมรสของท่านกับคุณหนูรองตระกูลเยียน”
องค์ชายรอง เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วขึ้น แปลกใจเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าน้องสามจะยังมีความเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง คิดจะใช้งานอภิเษกสมรสในการระงับคลื่นวังหลัง
มันเป็นวิธีที่ดีจริงๆ
เขายิ้ม “ถือโอกาสกำหนดวันอภิเษกสมรสของพี่ใหญ่ด้วย”
“หากพูดเช่นนี้ พี่รองตกลงใช่หรือไม่” องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ประหลาดใจ
องค์ชายรอง เซียวเฉิงเหวินพยักหน้า “เสด็จแม่กำลังมีปัญหา ในฐานะลูกชายข้าจะทนอยู่ได้อย่างไร พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังเพื่อขอพระราชโองการ”
“ขอบคุณพี่รอง! เสด็จแม่ต้องยินดีมากที่ได้รู้เรื่องนี้”
…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น องค์ชายรอง เซียวเฉิงเหวิน เสด็จเข้าวังเพื่อขอพระราชโองการ โปรดให้ฮ่องเต้หย่งไท่กำหนดวันอภิเษกสมรส
ฮ่องเต้หย่งไท่เพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อปลายปีที่แล้วเขาได้พระราชทานงานอภิเษกสมรสให้แก่โอรสคนโตและโอรสคนรองไปตามลำดับ
อาศัยความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บานสะพรั่ง สภาพอากาศดี สมควรแก่การกำหนดวันอภิเษกสมรส ทำพิธีในเร็ววัน
ฮ่องเต้หย่งไท่รู้ดีแก่ใจ จุดประสงค์ที่แท้จริงในการเข้าวังของเจ้ารองก็เพื่อเถาฮองเฮา
“ลำบากเจ้าต้องจะลากร่างที่ป่วยเข้ามาในวัง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเสด็จแม่ของเจ้าจะยอมรับการช่วยเหลือของเจ้าหรือไม่”
องค์ชายรองเซียวเฉิงเหวินโค้งคำนับเล็กน้อย
“ในฐานะบุตรชาย เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องแบ่งเบาความกังวลแทนเสด็จแม่ ระหว่างคนในครอบคัว ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
ฮ่องเต้หย่งไท่ยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้เข้าไปถึงดวงตา
เขาซ่อนความรังเกียจไว้ในใจ ก่อนจะถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ เนื่องจากร่างกายของเจ้าอ่อนแอ เสด็จแม่ของเจ้าจึงไม่ชอบเจ้านัก”
“กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ!” องค์ชายรอง เซียวเฉิงเหวินสีหน้าเปิดเผย ไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ฮ่องเต้หยิงไท่ถามอีก “เจ้าไม่แค้นหรือ”
เซียวเฉิงเหวินส่ายหัว “เสด็จแม่ให้ชีวิตแก่กระหม่อม กระหม่อมจะแค้นได้อย่างไร”
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะโง่เขลาและกตัญญูเพียงนี้”
เซียวเฉิงเหวินกระแอมไอสองครั้ง ใบหน้าของเขาซีดเซียว
“พระดำรัสของเสด็จพ่อทิ่มแทงใจยิ่งนัก กระหม่อมร่างกายอ่อนแอ โชคดีที่กำเนิดในราชวงศ์ จึงมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ การมีชีวิตอยู่ก็เป็นโชคที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่น หากข้าได้ก็เป็นโชคของข้า หากข้าไม่ได้ก็เป็นโชคชะตาของข้า”
สายตาของฮ่องเต้หย่งไท่ลึกล้ำ เป็นครั้งแรกที่เขาจ้องมองบุตรชายที่อ่อนแอคนนี้อย่างจริงจัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขายิ้มขึ้นมา รอยยิ้มในครั้งนี้เป็นรอยยิ้มที่แท้จริง
เขาพูดกับเซียวเฉิงเหวิน “หลังจากไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ของเจ้าที่ตำหนักเว่ยยาง บอกนาง ข้าให้อภัยนาง แต่เพียงครานี้เท่านั้น ไม่มีคราหน้า หากมีคราหน้าอีก นางรู้ผลที่จะตามมา”
“กระหม่อมขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”
[1]ซูเฟย หมายถึง ตำแหน่งพระราชเทวี เป็นสนมขั้นที่ 1
[2]เจี๋ยอวี๋ หมายถึง พระสนมขั้นที่ 3-5