คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 97 ฟ้อง
ตอนที่ 97 ฟ้อง
เยียนอวิ๋นเกอถูกลอบสังหาร เรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วทั่วเมือง จินเจ้าอิ่นส่งข่าวเข้าไปภายในพระราชวัง
เมื่อตระกูลขุนนางแต่ละตระกูลได้ยินข่าวนี้ ทั้งรู้สึกประหลาดใจ ทั้งรู้สึกสมเหตุสมผล
ฤดูหนาวนี้ ทุกหนแห่งล้วนมีเงาของเยียนอวิ๋นเกอ
อาหารสามมื้อในแต่ละวัน บนโต๊ะอาหารย่อมไม่ขาดผักที่จับจ่ายมาจากเรือนพักร่ำรวย
ช่างฝีมือในตระกูลของตนเอง เวลานี้ยังศึกษาฝีมืออยู่ที่เรือนพักร่ำรวย
เพียงแต่ค่าเล่าเรียนนั้นแพงเหลือเกิน
ไม่รู้มีคนมากน้อยเพียงใดเคียดแค้นเยียนอวิ๋นเกออยู่ภายในใจ
ส่งคนมาลอบสังหารกลางถนน…
“เรื่องนี้มุทะลุเกินไป ไม่รู้ผู้ใดแอบส่งคนมาลอบสังหาร”
“เวลานี้สิ่งสำคัญคือท่าทีภายในพระราชวัง เรื่องการลอบสังหารจะสืบหรือไม่ สืบอย่างไร”
“เพิ่งได้ยินข่าว ท่านหญิงจู้หยางเข้าไปในวังแล้ว”
ทุกคนต่างแลกเปลี่ยนสายตากัน
“เห็นได้ชัด ท่านหญิงจู้หยางต้องการทวงความยุติธรรมให้บุตรสาว”
“นอกจากนี้ พระชายาองค์ชายสองลั่นวาจา บังอาจลอบสังหารน้องสาวของนาง เท่ากับเป็นศัตรูกับนาง”
“เพียงแค่พระชายาองค์ชายสอง ไม่จำเป็นต้องสนใจ”
คนที่รับมือได้ยาก ยังคงเป็นท่านหญิงจู้หยางหรือเซียวฮูหยิน
สตรีผู้นี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก
ผู้ที่อ่อนแอจริง ตายจนไม่อาจตายได้อีกในคดีก่อกบฏขององค์รัชทายาทจางอี้ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแล้ว
จะมีโอกาสนำองครักษ์ตำหนักบูรพาสามพันนายออกเรือนได้อย่างไร
แม้แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชบัลลังก์แล้ว ยังทำได้เพียงบีบจมูกยอมรับเรื่องนี้
อย่างมากก็ทำได้เพียงกลั่นแกล้งเซียวฮูหยินด้านการอภิเษก
เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้ ฝีมือไม่ธรรมดา
“เยียนอวิ๋นเกอตายแล้วหรือ”
“ย่อมยังไม่ตาย! หากคนตายแล้ว ไม่มีทางสงบเพียงนี้”
“เยียนอวิ๋นเกอดวงแข็ง!”
“ไม่ใช่นางดวงแข็ง แต่ข้างกายนางมีองครักษ์ที่ไม่เกรงกลัวความตายกลุ่มหนึ่งคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา นางเองก็มีความสามารถในการต่อสู้ที่ล้ำเลิศ ได้ยินว่า ท่ามกลางมือสังหารมีมือยิงธนู สุดท้ายถูกเยียนอวิ๋นเกอจัดการด้วยลูกธนูเดียว”
“ได้ยินว่าฝีมือการยิงธนูของเยียนอวิ๋นเกอเป็นวิธีป้องกันตัวที่ร้ายกาจที่สุดของนาง”
“สามารถเรียกได้ว่าวิธีป้องกันตัว เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา”
“เยียนอวิ๋นเกอเป็นปีศาจหรืออย่างไร มีกำลังมากแต่กำเนิดก็แล้วไป ยังสามารถปลูกผักในฤดูหนาวออกมาได้ อยากจะเปิดสมองของนางดูว่าด้านในใส่สิ่งใดเอาไว้เสียจริง”
คนที่มีความคิดนี้มีไม่น้อย
…
เมื่อองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ได้ยินเรื่องที่เยียนอวิ๋นเกอถูกลอบสังหาร เขาเดินทางไปจวนองค์หญิงติ้งเถาเป็นเวลาแรก
เขาซักถามองค์หญิงติ้งเถา “ฝีมือเจ้าใช่หรือไม่”
“พี่สามพูดเรื่องใด เหตุใดข้าจึงฟังไม่เข้าใจ” องค์หญิงติ้งเถาทำหน้าใสซื่อ
เซียวเฉิงอี้ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโกรธ “คนของเจ้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ เยียนอวิ๋นเกอยังไม่ตาย นางไม่เพียงไม่ตาย นางยังจับเป็นได้ ฝีมือเจ้าใช่หรือไม่ เพียงแค่ทรมานคนเหล่านั้น ความจริงย่อมปรากฏ”
“เยียนอวิ๋นเกอไม่ตาย?” องค์หญิงติ้งเถาประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
เซียวเฉิงอี้ยิ้มเย็น “ดูท่าคนที่เจ้าส่งออกไปจะพ่ายแพ้ยับเยิน ดังนั้นจึงไม่มีคนส่งข่าวให้เจ้า”
สีหน้าขององค์หญิงติ้งเถาดำทะมึน “เหตุใดพี่สามจึงคิดว่าเป็นฝีมือข้า ข้าบอกท่าน เยียนอวิ๋นเกอจะเป็นหรือตาย ไม่เกี่ยวกับข้า”
ครานี้ถึงคราวเซียวเฉิงอี้ฉงน
เขากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “เจ้าไม่ได้ส่งคนไปลอบสังหารจริงหรือ”
องค์หญิงติ้งเถาทำหน้าบึ้ง “ข้าเสียสติหรือถึงได้ส่งคนไปลอบสังหารนาง! ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบนาง แต่ข้ายังหวังพึ่งนางรวย”
เซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้ว สับสนเล็กน้อย “ไม่ใช่ ไม่ใช่! ก่อนมาข้าได้ยินว่า เจ้าไปเป็นแขกในจวนองค์หญิงเฉิงหยาง เพราะเยียนอวิ๋นเกอ เจ้าออกจากงานล่วงหน้าไม่แม้แต่จะอยู่กินงานเลี้ยง มือสังหารเหล่านั้น ไม่เกี่ยวกับเจ้าจริงหรือ”
องค์หญิงติ้งเถาโกรธจัด หยิบถ้วยชาขึ้นเขวี้ยงลงพื้น “เหตุใดพี่สามจึงคิดว่าเป็นฝีมือข้า หรือว่าท่านมีหลักฐาน หากไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดเหลวไหล”
เซียวเฉิงอี้ยิ้มเย็น “เป็นฝีมือของเจ้าจริงด้วย เรื่องนี้เข้าไปถึงภายในพระราชวัง ไปถึงเสด็จพ่อกับเสด็จแม่แล้ว ตอนที่ข้ามา ยังได้ยินว่าท่านหญิงจู้หยางเข้าไปในพระราชวังทวงความยุติธรรมแทนเยียนอวิ๋นเกอแล้ว เรื่องนี้ไม่สืบถึงเจ้าย่อมดีที่สุด หากให้ท่านหญิงจู้หยางแม่ลูกรู้ว่าเจ้าส่งคนไปลอบสังหาร พวกนางย่อมไม่มีทางยอมยุติเรื่องราวอย่างง่ายดายแน่”
องค์หญิงติ้งเถาส่งเสียงหัวเราะ “ข้าเป็นถึงองค์หญิง เยียนอวิ๋นเกอจะทำอันใดข้าได้ นางกล้าฆ่าข้าหรือ ถึงแม้จะมีท่านหญิงจู้หยางอีกคน แต่นางจะทำอันใดข้าได้”
“มือสังหารเป็นฝีมือของเจ้าจริงด้วย” เซียวเฉิงอี้ผิดหวังอย่างมาก “เจ้าช่างเลอะเลือนเสียจริง!”
องค์หญิงติ้งเถาโกรธจัด “ที่แท้พี่สามหลอกถามข้า! เกิดเรื่อง ท่านไม่ช่วยข้าคิดหาวิธี หากแต่มองดูความอับอายของข้า ท่านเป็นพี่ชายของข้าหรือไม่”
“หากข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า วันนี้ข้าย่อมไม่ยืนอยู่ตรงนี้ ข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ เจ้าอยู่ในจวนอย่างสงบ อย่าออกจากจวน อย่าพูดเหลวไหล”
เซียวเฉิงอี้ทำหน้าเหนื่อยใจ
มีน้องสาวเช่นนี้ ต้องคอยเก็บกวาดตามหลังนางทั้งวัน
พี่สองสบาย อาศัยร่างกายอ่อนแอ ไม่สนใจเรื่องใด
หากแต่พี่สะใภ้สอง…
เซียวเฉิงอี้เตือนองค์หญิงติ้งเถา “พี่สะใภ้สองลั่นวาจาไว้แล้ว นางจะทวงความยุติธรรมแทนเยียนอวิ๋นเกอ เจ้าต้องภาวนาให้ไม่มีผู้ใดพบเรื่องที่เจ้าทำจะดีที่สุด”
องค์หญิงติ้งเถายังคงอวดดี “ถูกพบแล้วอย่างไร อย่างมากก็ถูกเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ตำหนิ ไม่ให้เงินเดือนไม่กี่เดือน ข้าไม่เชื่อว่าพวกนางแม่ลูกจะฆ่าข้าได้”
เซียวเฉิงอี้ส่งเสียงไม่พอใจ “ใช่ พวกนางฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่พวกนางจะจดจำเรื่องในวันนี้ตลอดไป เจ้าต้องภาวนาว่าตนเองจะสูงส่งทั้งชีวิต หากวันใดเจ้าประสบความทุกข์ยาก ข้าบอกเจ้า พวกนางย่อมเป็นคนกลุ่มแรกที่จะเหยียบเจ้าให้ตาย เมื่อถึงเวลา เจ้าอย่าเสียใจ”
“ข้าเป็นถึงองค์หญิง มีเสด็จพ่อกับเสด็จแม่อยู่ ข้าจะประสบความทุกข์ยากได้อย่างไร พี่สามอย่าได้พูดให้ข้าตื่นตระหนก เสริมสร้างอำนาจให้ผู้อื่น”
เซียวเฉิงอี้ยิ่งเหนื่อยใจ พูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เสด็จพ่อกับเสด็จแม่อายุมากแล้ว ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ตลอด ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ เจ้าคิดเอาเองเถิด”
เมื่อเขาพูดจบ ก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
องค์หญิงติ้งเถาเตะตั่งเล็กคว่ำทันที โกรธจนตะโกนโหวกเหวก
นางเรียกสาวรับใช้คนสนิทมาถาม “เด็กใบ้ยังไม่ตายจริงหรือ”
“ยังไม่ตายเพคะ! ได้ยินว่าจับเป็นได้หลายคน”
“ไร้ความสามารถ! พวกไร้ความสามารถ! ทำภารกิจไม่สำเร็จก็แล้วไป ยังบังอาจทำให้เรื่องของข้าเสีย คนที่ยังมีชีวิตอยู่ขังไว้ที่ใด”
“ทูลองค์หญิง ทั้งหมดมีสามคน ถูกขังไว้ในจวนท่านหญิงจู้หยาง คำนวณเวลา องครักษ์ของจวนองค์หญิงย่อมต้องเริ่มเค้นถามแล้ว”
องค์หญิงติ้งเถากัดฟันกรอด ภายในใจคาดโทษมือสังหารที่ไร้ความสามารถ อีกด้านหนึ่งกำลังครุ่นคิดหาวิธีกดเรื่องนี้ลงไป
“ต้องหาวิธีจัดการคนที่ยังเหลืออยู่ ไม่อาจให้พวกเขาซักมาถึงข้าได้ เจ้าลองคิดแทนข้า มีวิธีใดที่สามารถนำตัวพวกเขาออกมาจากจวนท่านหญิงจู้หยางอย่างเปิดเผย”
สาวรับใช้พูดอย่างระมัดระวัง “นอกจากฝ่าบาทรับสั่งให้องครักษ์จินอู่รับเรื่องนี้”
“เช่นนั้นก็ให้องครักษ์จินอู่รับเรื่องนี้!”
“แต่…”
“ไม่มีแต่”
สาวรับใช้อ้าปาก รวบรวมความกล้าพูดขึ้นมา “บ่าวแค่กังวล หากฝ่าบาททรงรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์หญิง จะทำอย่างไรดีเพคะ”
“มีเสด็จแม่ปกป้องข้า ย่อมไม่มีการเกิดเรื่อง เสด็จพ่อเชื่อฟังเสด็จแม่เสมอมา”
องค์หญิงติ้งเถามีเกราะป้องกันตัว ดังนั้นนางจึงมั่นใจมาก
แต่สาวรับใช้รู้สึกเป็นกังวล นางคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือนัก
หากเป็นแต่ก่อน ฝ่าบาทอาจฟังฮองเฮา
แต่เวลานี้ เหล่าท่านอ๋องทั่วแผ่นดินเรียกร้องให้กำจัดขุนนางชั่ว ทางตอนใต้ล้วนตกอยู่ในการสงคราม
ได้ยินว่า ส่วยในปีนี้เก็บได้ไม่ถึงครึ่งเนื่องจากสงคราม
การทำสงครามไม่เป็นประโยชน์ การเก็บส่วยถูกชะลอ ฝ่าบาทย่อมไม่พอใจ
บางทีอาจพาลโกรธตระกูลเถา และเถาฮองเฮาด้วย
แต่องค์หญิงติ้งเถากลับลอบสังหารเยียนอวิ๋นเกอในเวลานี้ นอกจากนี้เยียนอวิ๋นเกอยังไม่ตาย อีกทั้งยังจับเป็นได้
สาวรับใช้มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เกรงว่าจะเกิดเรื่อง
…
องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้เดินทางเข้าพระราชวังอย่างเร่งรีบเพื่อเข้าเฝ้าเถาฮองเฮา
เมื่อเถาฮองเฮารู้ว่าองค์หญิงติ้งเถาส่งคนไปลอบสังหารเยียนอวิ๋นเกอ สีหน้าของนางดำทะมึน ถ้วยชาถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง จนเกิดเสียงดัง
นางโบกมือ เหมาเส้าเจี้ยนเดินไปเฝ้าที่ประตูตำหนักด้วยตนเอง รับรองว่าไม่มีผู้ใดแอบฟัง
นางถามเซียวเฉิงอี้ “เจ้ามั่นใจว่าติ้งเถาเป็นคนส่งมือสังหาร?”
เซียวเฉิงอี้พยักหน้า “เรื่องสำคัญอย่างมาก ลูกย่อมซักถามติ้งเถาด้วยตนเอง นางยอมรับ”
“เหลวไหล!” เถาฮองเฮาตำหนิเสียงเบา
เซียวเฉิงอี้รีบพูด “สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ เรื่องนี้ไม่อาจซักไปถึงตัวของติ้งเถาอย่างเด็ดขาด ยิ่งไม่อาจให้คนรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับติ้งเถา ลูกคิดว่า อันดับแรกต้องนำเชลยที่ถูกจับเป็นทั้งสามออกมาจากจวนท่านหญิงจู้หยาง ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาพูดเหลวไหลในจวนท่านหญิงจู้หยาง”
เถาฮองเฮาพยักหน้า “ควรนำคนออกมา เรื่องนี้ให้จินเจ้าอิ่นออกหน้า สมเหตุสมผล แต่ใต้เท้าชราในจินเจ้าอิ่นเป็นคนของเสด็จพ่อเจ้า เกรงว่าเขาจะไม่ฟังคำสั่งของข้า เวลานี้จู้หยางกำลังฟ้องต่อหน้าของเสด็จพ่อเจ้า…”
“เสด็จแม่หมายความว่าอย่างไร?”
“เหมาเส้าเจี้ยน!” เถาฮองเฮาเรียกขาน เหมาเส้าเจี้ยนเดินเข้ามาจากด้านนอกประตูตำหนัก
“เหนียงเหนียงโปรดรับสั่ง”
เถาฮองเฮารับสั่ง “นำของขวัญ เจ้าเดินทางไปจวนท่านหญิงจู้หยางด้วยตนเอง เยี่ยมเยียนอวิ๋นเกอแทนข้า”
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”
เหมาเส้าเจี้ยนไปจัดเตรียมของขวัญ
เซียวเฉิงอี้ถามเสียงเบา “เสด็จแม่ ส่งเหมาเส้าเจี้ยนไปเยี่ยมเยียนอวิ๋นเกอ มีประโยชน์หรือ”
เถาฮองเฮาพูด “จู้หยางเข้าวังมาฟ้องแล้ว ข้าไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ ในเมื่อรู้เรื่องแล้ว ข้าในฐานะฮองเฮา สมควรแบ่งเบาความกังวลของเสด็จพ่อเจ้า ข้าส่งคนเดินทางไปตำหนักซิงชิ่งเชิญท่านหญิงจู้หยางมา ข้าจะปลอบนางเอง”
เซียวเฉิงอี้ครุ่นคิด รู้สึกว่าวิธีนี้เป็นไปได้
มีเพียงแยกท่านหญิงจู้หยางกับเสด็จพ่อออก แผนการต่อไปจึงดำเนินการได้สะดวก
…
แต่ไม่คิดว่าคนที่เถาฮองเฮาส่งไปตำหนักซิงชิ่งจะเชิญท่านหญิงจู้หยางมาไม่ได้
เถาฮองเฮารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “เกิดเรื่องใดขึ้น”
ขันทีโน้มตัวทูล “ทูลฮองเฮา กระหม่อมเดินทางไปเชิญท่านหญิงจู้หยางที่ตำหนักซิงชิ่งตามรับสั่ง แต่ไม่ได้พบแม้แต่หน้าของท่านหญิงจู้หยาง ได้ยินว่า ท่านหญิงจู้หยางกำลังบีบบังคับให้ฝ่าบาทสืบเรื่องนี้ ลงโทษผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังพ่ะย่ะค่ะ”
“นางกล้าได้อย่างไร จู้หยางเอาความกล้ามาจากที่ใด บังอาจบีบบังคับฝ่าบาท”
เถาฮองเฮาโกรธจัด!
นางลุกขึ้นทันที “ตามข้าไปตำหนักซิงชิ่ง ข้าอยากจะเห็น จู้หยางมีหลักประกันใด บังอาจกำเริบเสิบสานในพระราชวัง”
เถาฮองเฮานำคนเสด็จไปยังตำหนักซิงชิ่งอย่างรีบร้อน แต่กลับต้องรออยู่ตำหนักด้านข้าง ไม่อาจเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ทันที
มันเป็นความอับอายอย่างยิ่งใหญ่!
เถาฮองเฮาอดกลั้น ไม่ได้เกิดโทสะ หากแต่ถามขันทีตำหนักซิงชิ่งด้วยเสียงอ่อนโยน “ฝ่าบาททรงทำอันใด เหตุใดให้ข้ารออยู่ที่ตำหนักด้านข้าง”
“ทูลฮองเฮา ฝ่าบาททรงกำลังพูดคุยกับท่านหญิงจู้หยาง มีรับสั่งไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ให้ผู้ใดรบกวน ฮองเฮาโปรดอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“นานเพียงนี้ยังไม่เสร็จสิ้นหรือ”
“ยังไม่เสร็จสิ้นพ่ะย่ะค่ะ!”