คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 109 นี่คือนักพรตที่ไม่ค่อยสำรวม ตอนที่ 110
ตอนที่ 109 นี่คือนักพรตที่ไม่ค่อยสำรวม / ตอนที่ 110 ท่านจะไม่สมปรารถนา
ตอนที่ 109 นี่คือนักพรตที่ไม่ค่อยสำรวม
ขณะที่กำลังรอพระชายาผู้เฒ่าอาบน้ำสมุนไพรเป็นครั้งสุดท้าย ฉินหลิวซีและเฉินผีก็รออยู่ในเรือน ทั้งสองคนมีขนมอันประณีตอยู่ในมือกันทั้งคู่
“พี่หญิงของเจ้าน่าจะกำลังบ่นพวกเราอยู่” ฉินหลิวซีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน ปล่อยให้แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงอาบร่าง นางหรี่ตาปิดลงครึ่งหนึ่งอย่างพึงพอใจ
เฉินผีนับนิ้ว “พวกเราออกมาจากจวนได้เจ็ดแปดวันแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันไหว้พระจันทร์ พี่หญิงของข้าจะต้องบ่นแล้วอย่างแน่นอน คุณชาย การรักษาพระชายาผู้เฒ่าก็เสร็จสิ้นแล้ว พวกเราจะออกเดินทางกลับเมืองหลีกันวันนี้เลยหรือไม่ขอรับ”
ฉีเชียนเดินออกมาได้ยินประโยคนั้นพอดี เขาชะงักฝีเท้าไปทันที
ฉินหลิวซียื่นมือออกไปป้องตา เมียงมองท้องฟ้า “หลังเที่ยงมีฝน ไม่น่าจะเดินทางได้”
ฉีเชียนได้ยินแล้วก็รู้สึกดีใจขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาเดินเข้าไป “ท่านหมอฉินอยู่ฉลองเทศกาลไว้พระจันทร์ที่จวนหนิงโจวก่อนแล้วค่อยไปดีหรือไม่ วันไหว้พระจันทร์ทุกปีในเมืองจะคึกคักมาก มีการประดับโคมไฟสวยงามน่าดูชมมาก หากท่านอยู่ เชียนรับรองจะดูแลอย่างดีที่สุด หลังจากวันไหว้พระจันทร์ เชียนจะส่งท่านกลับเมืองหลีด้วยตัวเอง”
“ข้าก็แค่นักพรตจนๆ ธรรมดาคนหนึ่ง ไหนเลยจะมีวาสนาให้จวิ้นอ๋องไปส่งด้วยตนเอง ไม่ต้องหรอก” ฉินหลิวซียิ้มบางๆ “แค่จัดรถม้าสักคันพร้อมคนขับให้ข้าเหมือนตอนขามาก็พอแล้ว”
แม้แต่องครักษ์ก็ไม่ต้อง
ฉีเชียนเอ่ย “ท่านหมอฉินรีบเร่งเดินทางกลับเมืองหลีเช่นนี้ หรือว่าที่บ้านมีคนรออยู่”
นั่นอย่างไร ลองเชิงอีกแล้ว
ฉินหลิวซีเหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง “ถูกต้อง ข้าหล่อเหลารูปงามเช่นนี้ มีคนคิดถึงก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ”
ฉีเชียนเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา แต่เมื่อมองใบหน้าที่แสงแดดตกกระทบเข้าพอดี ผิวอันขาวผ่องนั้นขาวจนส่องประกายราวกับจะมองเห็นเส้นขนละเอียดได้ ดวงตาของอีกฝ่ายเชิดขึ้นมองคนด้วยหางตา เป็นความเย่อหยิ่งที่น่าหมั่นไส้
มันดูดีจริงๆ
ฉีเชียนเหลือบมองสาวใช้ที่อยู่ในเรือนก็เห็นว่าพวกนางจ้องมองใบหน้าของฉินหลิวซีด้วยท่าทางเขินอาย เมื่อนึกถึงว่าสองวันหมอนี่หยอกล้อสาวใช้ในเรือนท่านย่าไปหลายคน เขาก็อดหน้าบูดบึ้งไม่ได้
นี่มันนักพรตที่ไม่ค่อยสำรวมเท่าไรเลย
แต่ท่านย่าก็ยังปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจ แทบจะยกนางไว้บนหิ้งอยู่แล้ว
“พวกท่านกำลังเอ่ยเรื่องใดกันอยู่หรือ”
ฉินหลิวซีลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และเดินไปหาจ้าวหมัวหมัวที่พยุงพระชายาผู้เฒ่าออกมาก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยินดีกับพระชายาผู้เฒ่าที่หายดีแล้ว”
พระชายาผู้เฒ่ายื่นมือออกมาลากนางเข้าไปทันที “เป็นเพราะท่านทั้งนั้น ตอนนี้ข้ารู้สึกปลอดโปร่งมีพลังมาก ร่างกายก็เบาขึ้นมาก มือเท้าก็อุ่นแล้ว ดีมากเลย”
“เสด็จย่า ไม่หนาวเลยสักนิดหรือ” ฉีเชียนเองก็เดินเข้ามาด้วย เขาจับมือนางไว้ แล้วก็พบว่ามือของนางอุ่นจริงๆ ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่หนาวเย็นราวหิมะก็ไม่ปาน เขาดีใจมากและหันไปมองฉินหลิวซีทันทีพลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวและประสานมือคารวะ “ปรมาจารย์ปู้ฉิววิชาแพทย์ล้ำเลิศ สมควรได้รับการคารวะจากเชียน”
ฉินหลิวซีโบกมือ “แค่พิษเย็นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เป็นเพราะพระชายาผู้เฒ่ามีความตั้งใจแน่วแน่ด้วย”
นางยื่นมือไปแตะชีพจรของพระชายาผู้เฒ่า เมื่อพบว่าชีพจรของนางเต้นแรงดีก็วางใจลง “ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ท่านดื่มอีกสักสองครั้ง เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาไว้ให้อีกแผ่นไว้ใช้สำหรับวันธรรมดาเพื่อบำรุงร่างกาย”
พระชายาเอ่ย “เช่นนั้นแล้วข้ายังต้องแช่น้ำสมุนไพรต่อไปหรือไม่ ถึงแช่น้ำนั้นจะเจ็บปวดมาก แต่หลังจากนั้นก็สบายตัวอยู่”
“สำหรับน้ำอาบสมุนไพรข้าสามารถสั่งให้ท่านได้เช่นกัน แต่ไม่ได้เป็นตำรับสำหรับไล่พิษเย็น เป็นการส่งเสริมกล้ามเนื้อและกระดูก ให้แช่ทุกๆ สามวันก็ได้”
ฉีเชียนกลอกตาทันที “แม้จะบอกว่ารักษาพิษเย็นของท่านย่าได้แล้ว แต่ท่านย่าก็ป่วยมานานหลายปี ท่านหมอฉินจะอยู่ต่ออีกสักสองวันเพื่ออธิบายท่านย่าว่าต้องดูแลสุขภาพร่างกายอย่างไรบ้างไม่ได้หรือ” เขาหยุดไปสักพักก็เสริม “ค่ารักษาจ่ายแยก”
เฮอะ ฉีจวิ้นอ๋องรู้แล้วว่าจะจัดการปรมาจารย์ปู้ฉิวที่ชื่นชอบเงินได้อย่างไร!
ตอนที่ 110 ท่านจะไม่สมปรารถนา
หากเป็นเมื่อก่อน ฉินหลิวซีก็อาจจะอยู่มากกว่านี้อีกสักสองสามวันตามคำเชิญของฉีเชียนและพระชายาผู้เฒ่าแล้ว แต่ตอนนี้กลับทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะที่เมืองหลียังมีครอบครัวรอนางอยู่
นางไม่สนใจคนอื่นได้แต่เมื่อมีผู้อาวุโสอยู่ที่นั่นด้วย นางจะทำตามใจตนเองเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว อีกอย่างนางก็ออกมาหลายวันแล้วด้วย หากไม่กลับไปก่อนวันไหว้พระจันทร์ เกรงว่านางฉินผู้เฒ่าและคนอื่นคงจะบุกไปฆ่านางถึงอารามเต๋าแน่
ฉินหลิวซีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เมื่อเห็นว่านางยืนกรานที่จะไม่อยู่ต่อ พระชายาผู้เฒ่าก็ไม่ได้บังคับฝืนใจนาง แต่สั่งให้ฉีเชียนจัดการรถม้าและองครักษ์ ทั้งยังกำชับให้คนข้างกายเตรียมของขวัญและงานเลี้ยงส่งให้พวกนางด้วย ส่วนนางก็ลากฉินหลิวซีไปพูดคุยเรื่องการดูแลสุขภาพบำรุงร่างกายและวิชาเต๋า
ฉินหลิวซีลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย “หากพระชายาผู้เฒ่าขึ้นเหนือ ก็จะไม่สมปรารถนา แต่ท่านไม่จำเป็นจะต้องฝืน ปล่อยไปตามธรรมชาติทำตามหัวใจก็พอ”
พระชายาผู้เฒ่าตกตะลึงไปทันที นางสั่งให้บ่าวรับใช้ในห้องออกไปข้างนอก เหลือเพียงจ้าวหมัวหมัวไว้รับใช้ข้างกาย นางท้าวแขนลงบนโต๊ะน้ำชาพลางเอ่ยถาม “ท่านยังทำนายได้ด้วยว่าข้าจะขึ้นเหนือหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าศึกษาเต๋ามาหลายปีแล้ว ศาสตร์ทั้งห้าของเต๋าข้าล้วนเชี่ยวชาญทั้งสิ้น การทำนายก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ตอนที่ข้าตรวจชีพจรให้พระชายาผู้เฒ่าก่อนหน้านี้ ข้าก็ใช่วิชาไท่ซู่ทำนายดวงชะตาของท่านไว้แล้ว ต่อมาเมื่อเห็นว่าโหงวเฮ้งของท่านมีการเปลี่ยนแปลง จึงฉวยโอกาสทำนายในยามว่าง ท่านเดินทางขึ้นเหนือคราวนี้เกรงว่าอาจจะไม่สมปรารถนา”
พระชายาผู้เฒ่าได้ฟังแล้วก็หน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
“จวิ้นอ๋องมีชาติกำเนิดสูงส่ง เมื่อถึงเวลาของเขา ย่อมมีวิถีทางของตนเอง หากพระชายาเรียกร้องมากเกินไปกลับจะได้ไม่คุ้มเสีย”
สีหน้าพระชายาผู้เปลี่ยนไปทันที นางเม้มปาก “เช่นนั้นแล้ว ข้าไม่ควรขึ้นเหนือหรือ ข้าจะไม่ปิดบังท่าน อาเชียนอายุยี่สิบสองปีแล้ว แม้ว่าเขาจะได้เป็นจวิ้นอ๋องตั้งนานมาแล้ว แต่ข้าก็ยังมีหลานชายอีกคน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋องเช่นกัน เป็นเพราะฝ่าบาทเห็นแก่ที่สามีของข้าสละชีพเพื่อแผ่นดิน และบิดาของอาเชียนก็จากไปก่อนวัยอันควรเพราะร่างกายอ่อนแอ ฝ่าบาทสงสารที่จวนหนิงอ๋องมีแต่แม่หม้ายและเด็กเล็กอ่อนแอ จึงได้มีพระเมตตาต่อพวกเรา”
ฉินหลิวซียกชาขึ้นจิบ
“จวนหนิงอ๋องมีจวิ้นอ๋องถึงสองคน ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งซื่อจื่อ ว่ากันว่าหลานชายคนโตสำคัญ ข้าจึงคิดที่จะทูลขอตำแหน่งซื่อจื่อให้อาเชียน เพื่อทำให้คนในจวนสงบจิตสงบใจลงด้วย” พระชายาผู้เฒ่ามองนางพลางเอ่ยถาม “ท่านว่าข้าจะไม่สมหวังหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “พระชายาผู้เฒ่ารู้ดีอยู่แก่ใจ”
พระชายาผู้เฒ่าขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาทันที ริมฝีปากก็เม้มแน่น ใช่แล้ว หากแต่งตั้งอาเชียน สตรีผู้นั้นต้องไม่ยินยอมแน่ นางมีใจลำเอียงมานานแล้ว
พระชายาผู้เฒ่ารู้สึกหดหู่และไม่มีความสุข บุตรชายเหมือนกัน เหตุไฉนถึงได้ปฏิบัติต่อพวกเขาแตกต่างกันถึงเพียงนี้
“ท่านไม่ต้องกลัดกลุ้มกังวลให้มากเกินไป ข้าบอกแล้วว่า จวิ้นอ๋องเป็นหงส์มังกรในหมู่มนุษย์ เมื่อถึงเวลาก็จะมีทางของเขาเอง” ฉินหลิวซีราวกำลังชี้แนะ “พระชายาผู้เฒ่านั่นแหละที่ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องใดก็ทำใจให้สงบไว้ ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไม่ได้ จวิ้นอ๋องก็มีแต่ท่านแล้ว”
พระชายาผู้เฒ่าเหลือบมองนางด้วยท่าทางครุ่นคิด
ฉินหลิวซียิ้มให้จ้าวหมัวหมัว “หมัวหมัวเองก็ต้องใส่ใจบำรุงตับของตนเองด้วย ข้าจะเขียนใบสั่งยาอย่างดีให้ท่านด้วยเอาไว้บำรุงสุขภาพ”
จ้าวหมัวหมัวดีใจมาก ย่อกายลงคารวะฉินหลิวซี “ขอบคุณปรมาจารย์มาก จริงสิ ท่านปรมาจารย์ มียันต์คุ้มครองจำพวกนั้นบ้างหรือไม่ ข้าและพระชายาผู้เฒ่าอยากจะขอไว้คนละชิ้นด้วย”
ฉินหลิวซีหยิบอออกมาจากแขนเสื้อส่งให้นางสองชิ้นทันที “เงินไม่ต้อง ต้องขอบคุณที่จ้าวหมัวหมัวดูแลข้าเป็นอย่างดีในช่วงนี้ด้วย”
จ้าวหมัวหมัวดีใจไม่น้อย นางคารวะฉินหลิวซีเพื่อเป็นการขอบคุณอีกครั้ง แล้วเอ่ยกับพระชายาผู้เฒ่า “เดี๋ยวหม่อมฉันจะเอาไปใส่ไว้ให้ในถุงเงินให้ท่านพกติดตัวนะเพคะ”
พระชายาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม