คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 23 ข้าก็คือคนที่มีความสามารถคนนั้น ตอนที่ 24
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 23 ข้าก็คือคนที่มีความสามารถคนนั้น ตอนที่ 24
ตอนที่ 23 ข้าก็คือคนที่มีความสามารถคนนั้น / ตอนที่ 24 รักษาหญิงชรา เรียกค่าตอบแทนสูง
ตอนที่ 23 ข้าก็คือคนที่มีความสามารถคนนั้น
ตอนที่ฉินหลิวซีลุกขึ้นจากรถม้าก็เช็ดน้ำลายออกจากมุมปากอย่างง่ายๆ ก่อนจะถามอย่างเกียจคร้าน “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นหรือ”
“คุณชาย หญิงชราคนหนึ่งเกิดเจ็บป่วยขึ้นมากะทันหัน คนพวกนั้นกำลังวุ่นอยู่เลยขอรับ”
ฉินหลิวซีส่งเสียงอือออรับคำ กำลังจะสั่งให้เดินทางขึ้นเขาต่อไป แต่แล้วจู่ๆ ในสมองนางก็มีเสียงของฉีหวงดังขึ้น เรามีเงินเหลือหนึ่งพันตำลึง
หนึ่งพัน…ตำลึง!
ฉินหลิวซีลงมาจากรถม้าด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เมื่อเฉินผีเห็นเช่นนี้ก็เดินตามหลังนางไปทันที
มีชาวบ้านบางคนล้อมวงชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์ และมีสมาชิกครอบครัวบ้านนั้นร้องหาหมอ พวกเขากำลังกระวนกระวายเรียกรถม้ามาเพื่อจะเข้าเมืองไปหาหมอ
พอฉินหลิวซีเดินมาก็มีคนเหลือบมองและหลีกทางให้ทันที
หนุ่มน้อยคนนี้หล่อจริงๆ แต่เขากลับเหมือนกับน้ำแข็งบนภูเขาหิมะที่เย็นชาและยากจะเข้าใกล้
ฉินหลิวซีเหลือบมองหญิงชราที่อยู่บนพื้นเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยอะไรออกมาก็มีคนเอ่ยขึ้นว่าหมอมาแล้วเสียก่อน เมื่อนางมองไปก็เห็นชายชราร่างผอมไว้หนวดเคราขาวคนหนึ่ง จึงเพียงแต่ยืนกอดอกมองโดยไม่ได้ขยับทำอะไร
นางไม่มีนิสัยแย่งคนไข้ใคร
“โอ้ นี่มันโรคลมชัก” ชายชรามองดูหญิงชราบนพื้น ใบหน้าของนางซีดเหลือง แขนขากระตุก ปากเบี้ยว ริมฝีปากขยับ เขายังไม่ทันจะได้จับชีพจรก็ได้ข้อสรุปเสียแล้ว
หืม ลมชัก?
มุมปากของฉินหลิวซีกระตุกทันที หมอกำมะลอมาจากที่ไหนกันนี่ เหลวไหล!
“ท่านหมอ ท่านหมอช่วยท่านแม่ของข้าด้วย ข้าจะตอบแทนท่านอย่างงามแน่นอน” ชายวัยกลางคนในชุดผ้าแพรที่ประคองหญิงชราอยู่ราวกับเห็นพระมาโปรด
ท่านหมอลูบเคราสีขาวของตนแสร้งทำเป็นคนดีมีเมตตาพลางเอ่ย “เจ้าอย่าได้กังวลร้อนใจ หมอก็เหมือนพ่อแม่ของคนไข้ ในเมื่อข้าพบเจอเข้าแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วย”
เขาย่อตัวลงนั่งยองและแตะนิ้วลงบนข้อมือของหญิงชรา แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่รู้สึกถึงชีพจรเลย?
“เป็นเช่นไรบ้างท่านหมอ”
หมอผู้นั้นตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาพยายามตั้งสมาธิคลำชีพจรอีกครั้ง แต่ไม่มีชีพจรทั้งหกจริงๆ นี่นางตายแล้วหรือ
“นี่…” เขากัดฟันและหยิบเข็มเงินออกมาจากถุงผ้าที่พกติดตัวมาก่อนจะแทงเข็มลงไปที่ปลายนิ้วของหญิงชราเพื่อให้เลือดไหลออกมา แต่กลับไม่เห็นนางตื่นขึ้น ชายผู้นั้นรู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เขามองหน้าหมอด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรเจือความสงสัยเล็กน้อย
“หญิงชราผู้นี้แขนขาเย็นมาก เมื่อคืนวานนางไปรับลมหนาวที่ไหนมาจนเป็นหวัดเข้าหรือไม่” ท่านหมอถามขึ้น
ชายผู้นั้นหันไปมองบ่าวรับใช้ หญิงชราคนหนึ่งจึงรีบเอ่ย “เมื่อคืนนี้นายหญิงผู้เฒ่าคิดว่าวันนี้จะมาทำบุญไหว้พระที่อารามจึงได้เข้านอนแต่หัวค่ำและไม่ได้ตื่นขึ้นมากลางดึกเลย ไม่มีอะไรผิดปกติเจ้าค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้” ท่านหมอเอ่ย “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ ยืมบ้านชาวนาใกล้ๆ ต้มยามาให้กินก่อน…”
“ในเมื่อเป็นโรคลมชัก ไยท่านถึงไปรักษาโรคไข้หวัดเล่า” ฉินหลิวซีทนไม่ได้อีกต่อไป ก้าวเข้าไปและมองไปยังชายชรา “ตาเฒ่านี่จับชีพจรยังไม่รู้แน่ชัดก็สั่งยาสุ่มสี่สุ่มห้า คิดจะฆ่าคนหรือ”
สีหน้าของท่านหมอเปลี่ยนไปอย่างมาก “เด็กสารเลวมาจากไหน เจ้าใส่ร้ายป้ายสีข้า!”
“ข้าใส่ร้ายป้ายสีก็ยังดีกว่าท่านที่เป็นหมอรู้ไม่จริงจ่ายยามั่วๆ หากท่านจ่ายยาอย่างนั้น หญิงชราผู้นี้ก็คงได้ไปอัญเชิญพระคัมภีร์ในปรโลกแล้ว!”
ท่านหมอ “…”
ชายวัยกลางคน “!”
พูดจาเป็นหรือไม่
ชายวัยกลางคนยังเป็นคนพอมีเหตุผลอยู่บ้าง เขาเห็นว่าฉินหลิวซีพูดมีเหตุผลจึงได้ข่มความไม่พอใจไว้ เมื่อมองหน้าอีกฝ่ายชัดเจนแล้วก็นิ่งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “คุณชายท่านนี้ หรือว่าท่านจะรู้วิชาแพทย์ด้วย”
“พอรู้ ท่านมีเงินหรือไม่”
ชายวัยกลางคนจนใจ เอ่ยอย่างอดทนอดกลั้น “ข้าแซ่เฉียน เฉียนหยวนไว่แห่งถนนซื่อฟางในเมืองหลี แม้จะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ก็มีทรัพย์สินอยู่พอตัว ขอเพียงคุณชายช่วยท่านแม่ของข้าได้ก็จะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม! แต่ชีวิตคนสำคัญ หากไม่มีความสามารถจริงก็อย่าได้ทำให้เสียเรื่อง หากทำให้ท่านแม่ของข้าตกอยู่ในอันตราย ข้าไม่ได้เก่ง แต่ก็รู้ว่าความแค้นที่ฆ่ามารดาไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้!”
แววตาของเฉียนหยวนไว่เฉียบคมแฝงไว้ด้วยคำเตือน
เฮอะ ดูอารมณ์โกรธของข้าก่อน!
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วพลางเอ่ย “เฉียนหยวนไว่พูดง่าย ถ้ามีเงิน ข้าก็คือคนที่มีความสามารถคนนั้น!”
ตอนที่ 24 รักษาหญิงชรา เรียกค่าตอบแทนสูง
ถ้ามีเงิน ข้าก็คือคนที่มีความสามารถคนนั้น!
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ยินที่ฉินหลิวซีพูดออกมาก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และอดมองฉินหลิวซีอย่างพินิจพิจารณาด้วยแววตาสนใจไม่ได้
เด็กหนุ่มคนนี้หล่อเหลามากจริงๆ แต่ตอนที่เขาเอ่ยเช่นนั้นกลับดูมีท่าทางชั่วร้ายไม่เอาจริงเอาจังไปเสียอีก ยิ่งทำให้ดูเย้ายวน มีเด็กสาวหรือหญิงสาวที่ออกเรือนแล้วคนไหนในที่นั้นบ้างที่ไม่แอบดูเขาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
เฉินผีเหลือบมองแล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจ คุณหนูของตนชนะได้หมดทั้งบุรษและสตรี ไม่ใช่สิ เป็นเจ้านายที่ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีก็ต้องชมชอบ!
เฉียนหยวนไว่ลังเลเล็กน้อย หากเขามีเงินก็คือคนมีความสามารถ ถ้าอย่างนั้นในทางกลับกัน หากเขาไม่มีเงิน นางก็ไม่ใช่หรือ
มันดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด!
เฉียนหยวนไว่อยากจะกลับเข้าเมือง แต่นั่นจะต้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วยาม เขาก็กลัวว่าอาการของมารดาจะชักช้าไม่ได้ จึงรู้สึกตัดสินใจไม่ถูกอยู่บ้าง
แต่ฉินหลิวซีกลับย่อตัวลงและทาบสองนิ้วลงบนข้อมือของหญิงชราก่อนจะมองหน้านาง จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างแตะที่ท้อง ร่างกายของนางเย็น คลำชีพจรทั้งหกไม่พบ ใบหน้าดำคล้ำ ท้องหดเกร็ง
หมอท่านนั้นถือโอกาสเข้ามายืนข้างๆ ตอนที่ฉินหลิวซีจับชีพจร เขารู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นและไม่เชื่อว่า เด็กที่แม้แต่หนวดก็ยังไม่ขึ้นแบบนี้จะรู้วิชาแพทย์จริงๆ ดีเลยที่มารับความยุ่งเหยิงนี้ไปจากเขา
“ฮูหยินผู้เฒ่าท้องเสียตอนกลางฤดูร้อนจนหมดเรี่ยวแรง แต่กลับไม่ได้กินยาอย่างนั้นหรือ” ฉินหลิวซีถามหญิงชราผู้เป็นบ่าว
บ่าวหญิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบพยักหน้า “ใช่ๆๆ ปีนี้อากาศร้อน นายหญิงผู้เฒ่ารู้สึกร้อนจึงกินแตงเข้าไปเล็กน้อยก็เลยท้องเสีย สภาพจิตใจก็ย่ำแย่”
เฉียนหยวนไว่โกรธจัด “นายหญิงผู้เฒ่าสุขภาพไม่ดี ไยจึงไม่ตามหมอมาดู”
หญิงชราสะดุ้ง “นายหญิงผู้เฒ่าไม่อนุญาตเจ้าค่ะ ท่านดื่มน้ำรากกวาวเครือไปหนึ่งครั้ง อีกทั้งนายหญิงยังกังวล…”
เฉียนหยวนไว่ขมวดคิ้วพลางมองฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีจับชีพจรพลางเลิกคิ้วน้อยก่อนจะเอ่ย “จวนเฉียนหยวนไว่มีหญิงตั้งครรภ์และไม่ค่อยสบาย เจ้าพูดไม่ได้หรือไง”
รูม่านตาของเฉียนหยวนไว่หดเล็กลงทันที ขนอ่อนบนหลังของเขาขนลุกซู่ นางรู้ได้เช่นไร
ฉินหลิวซีกลับทำราวกับว่าถามไปเรื่อยอย่างนั้น แล้วกลับไปถามเรื่องสุขภาพของหญิงชราอีก “ม้ามมีหน้าที่หล่อเลี้ยงหยาง กระเพาะเป็นที่อยู่ของปราณ เมื่อธาตุดินแข็งแกร่งหยางใสจะแผ่กระจายไปทั่ว เมื่อสุขภาพดีหยินขุ่นจะถูกปิดกั้น ฮูหยินผู้เฒ่าท้องเสียมานานแต่ไม่ได้กินยารักษา ปราณก่อนกำเนิดจึงสลาย ตอนนี้นางเดินทางมาอารามด้วยความศรัทธาแต่กลับล้มป่วยลงก็ราวกับดินฟ้าถล่มครืน ปราณในม้ามพร่อง ปราณในกระเพาะลอยขึ้น…”
ฉินหลิวซีพูดจาฉะฉาน แต่พอหันไปเห็นว่าเฉียนหยวนไว่และคนอื่นๆ ดูท่าทางงุนงง จึงสรุปออกมาง่ายๆ “เอาเป็นว่า ฮูหยินผู้เฒ่าป่วยไม่ยอมรักษา ทำให้ม้ามและกระเพาะอ่อนเพลีย ประกอบกับจิตใจย่ำแย่ นางยิ่งมาเดินขึ้นเขาอย่างนี้จึงเป็นลมไปอย่างกะทันหันจนตัวเย็นหน้าเขียวซีดและใบหน้าบิดเบี้ยว”
“แล้วจะรักษาได้อย่างไร”
“มีโสมติดมาบนรถม้าบ้างหรือไม่” ฉินหลิวซีมองไปยังรถม้าข้างๆ
“มี”
“นำโสมหนึ่งตำลึงกับขิงห้าเฉียนต้มดื่ม หลังจากหนึ่งหรือสองชั่วยามนิ้วจะอุ่นขึ้นเล็กน้อย กลางดึกร่างกายจะอบอุ่นขึ้น จิตใจแจ่มใส จากนั้นค่อยรักษาโดยใช้หลักบำรุงปราณรอง” ฉินหลิวซีเอ่ยถึงเรื่องยาก่อนจะหยิบถุงที่ห้อยไว้ที่เอวขึ้นมาแล้วหยิบเข็มทองออกมาปักลงไปที่จุดฝังเข็มจิ่งบนปลายนิ้วตามเส้นลมปราณตูของนาง
ใบหน้าของนางก้มลงเล็กน้อยตอนที่ฝังเข็ม ปลายนิ้วขาวเรียวกำลังนวดคลึงหนักบ้างเบาบ้างสลับกัน หลังจากนั้นไม่นาน หญิงชราก็มีความเคลื่อนไหว
“ฟื้นแล้วๆ” มีชาวบ้านบางคนที่มุงอยู่ตะโกนขึ้นเสียงดัง
เฉียนหยวนไว่เองก็ดีใจเช่นกัน “ท่านแม่”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียนลืมตาและอ้าปาก แต่กลับไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ สีหน้านางอ่อนเพลีย
“คุณชายน้อย ท่านแม่ของข้า…”
“เพิ่งฟื้นยังอ่อนแอ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไปต้มยามาดื่มก่อน แล้วค่อยกลับบ้านไปพักฟื้นบำรุงให้ดี อย่าลืมเชิญท่านหมอมาปรับลมปราณม้ามและกระเพาะให้ด้วย” ฉินหลิวซียืนขึ้นและเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “เฉียนหยวนไว่ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ฟื้นแล้ว ยาข้าก็สั่งให้แล้ว คิดค่าปรึกษาหนึ่งร้อยตำลึงก็แล้วกัน”