คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 246 หนึ่งชีวิตสองโชคชะตาสามฮวงจุ้ย
ตอนที่ 246 หนึ่งชีวิตสองโชคชะตาสามฮวงจุ้ย
ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้ไปบ้านตระกูลซือยามค่ำคืนโดยไม่บอกกล่าว แต่พักอยู่ในอารามชิงหลานก่อนหนึ่งคืน เพียงแต่ตื่นขึ้นมา นางคำนวณดูแล้ว เกรงว่าวันนี้คงไม่ได้กลับเมืองหลี
อวี้ฉังคงออกเดินทางวันนี้ นางกลับไปส่งไม่ได้
ฉินหลิวซีเดินทางมาทั้งวัน หลังจากล้างหน้าล้างตาก็ตัดกระดาษชิ้นเล็กรูปคน เขียนอวยพรเดินทางราบรื่น ร่ายมนต์ ปล่อยตุ๊กตากระดาษรูปคนไป
“อาจารย์อา อาจารย์ปู้เชิญท่านไปทานอาหารเช้าขอรับ” เสียงเหอหมิงดังขึ้นด้านนอก
“มาแล้ว”
ฉินหลิวซีทานอาหารเช้ากับเจ้าอาวาสชิงหลาน และยังได้เจอกับลูกศิษย์หลายคนในอารามภายใต้การแนะนำของเขา ก่อนจะนั่งรถม้าเข้าเมืองไป
อารามชิงหลานอยู่เขตชานเมือง อยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง อาศัยระยะทางสั้นๆ นี้ ฉินหลิวซีก็เอ่ยถามถึงฉากหลังของอารามชิงหลาน เป็นอาคมอันใดจึงร้ายกาจเพียงนี้ แม้แต่วิญญาณที่มีชีวิตยังกีดกันให้อยู่ข้างนอก
“เป็นค่ายอาคมกางหยวน สามารถป้องกันภูตผีปีศาจ สัตว์ร้ายวิญญาณร้ายได้ วิญญาณที่ยังมีชีวิตก็คือวิญญาณ แปดเปื้อนพลังหยิน แน่นอนว่าไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ หากไม่เป็นเช่นนั้น วิญญาณที่ยังมีชีวิตที่ยังไม่รู้ตัว เกิดปะทะเข้ากับผู้แสวงบุญที่มาพักอาศัยอยู่ในวัด คงได้เป็นเรื่องร้องเรียนกันแล้ว เพียงแต่ยังมีดวงชีวิตที่แปลกประหลาด แข็งแกร่งเป็นพิเศษสามารถทำลายค่ายอาคมเข้ามาได้ คนเช่นนี้มีลมปราณที่ดีงาม ต่อให้ตกไปอยู่ในค่ายอาคมลวงตาก็คงจะรู้สึกตัวตื่นได้ง่ายๆ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ย “ข้าได้ยินอาจารย์เจ้าบอก อารามชิงผิงก็สร้างค่ายอาคมปกป้องภูเขา”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “ต้องทำเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นฮวงจุ้ยไม่รุ่งเรือง เปลวธูปในอารามชิงผิงก็จะไม่รุ่งเรือง”
“ดีงามยิ่งแล้ว มีค่ายอาคมคุ้มกันภูเขา อารามชิงผิงมีเทพอาศัย ทั้งยังปกป้องประชาชนคนธรรมดา นับว่าเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน รถม้าก็เข้าเมืองได้อย่างราบรื่น
เหอหมิงขับรถม้าพลางถาม “อาจารย์ปู่ ไปบ้านตระกูลซือหรือว่า”
“ไปจวนหวังก่อน”
เหอหมิงตอบรับ
เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ยกับฉินหลิวซี “เป็นคนแก่ผู้หนึ่ง ช่วงนี้ไม่รู้ทำไม ยามตกบ่ายทุกวัน มักบอกว่าเห็นผี แล้วหวาดกลัวจนเป็นลมไป ถึงตอนกลางคืนก็จับไข้ตัวร้อน รุ่งอรุณก็ฟื้นกลับคืนมา หมอของครอบครัวของเขาเป็นหมอที่มีฝีมือ ทั้งยังเคยเชิญหมอข้างนอกมาตรวจดูเช่นกัน ข้าเคยดูใบสั่งยา เป็นยาสงบจิตบำรุงเลือด แต่ไม่ได้ผล ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านบอกว่าเขาเห็นผีมิใช่หรือเจ้าคะ ใบสั่งยาไร้ผล มิใช่เพราะผีร้ายนั่นก่อกวนหรือ”
เจ้าอาวาสชิงหลานส่ายศีรษะ “ตอนข้าได้ยินหลานเขามาเชิญ ก็นึกว่ามีผีร้ายก่อกวน แต่ข้าก็ดูทั้งนอกทั้งใน ในจวนนั้นสะอาดสะอ้าน ไม่มีสิ่งชั่วร้ายแต่อย่างใด”
ในเมื่อไม่ใช่ผีร้ายก่อกวน แต่ก็ตรวจไม่เจอถึงอาการป่วยหรือ
ฉินหลิวซีรู้สึกสนใจขึ้นมา เอ่ย “ท่านก็ตรวจไม่ได้หรือเจ้าคะ แล้วยาอายุวัฒนะหรือสิ่งที่ท่านปรมาจารย์อารามของท่านถ่ายทอดมาเล่า ตามหลักแล้ว อารามของพวกท่านมีวิชาการแพทย์ที่ไม่เลวถึงจะถูก”
เจ้าอาวาสชิงหลานยิ้มบาง “ตำรายานั้นมีมานาน ยาอายุวัฒนะก็ทำตามตำรายาเท่านั้น ส่วนวิชาการแพทย์ อารามชิงหลานนั้นไม่อาจเทียบอารามชิงผิง มีหมอเทวดาอย่างเจ้า วิชาการแพทย์ของอาจารย์ลุง เอ่ยได้ว่า สู้เจ้าไม่ได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่อาจารย์ของเจ้าเอ่ย”
ฉินหลิวซีเกือบจะยิ้มแล้ว ตาเฒ่านั่นชมนางด้วยดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เพื่อไม่ให้ดีใจจนเสียภาพลักษณ์ นางกระแอมไอ เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ดูก่อน เราสามารถศึกษาได้สักหน่อย”
เจ้าอาวาสชิงหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ลุงก็มีความคิดเช่นนี้”
เหอหมิงหยุดรถม้า มาถึงหน้าประตูจวนหวังแล้ว เขาลงไปเคาะประตูก่อน บ่าวรับใช้มองเห็นพวกเขา รีบเข้าไปรายงาน ไม่นานก็มีคนท่าทางเหมือนผู้ดูแลรีบเดินออกมา
“เจ้าอาวาสมาด้วยตนเอง ไยจึงไม่บอกล่วงหน้า ข้าจะได้ไปรับท่าน” ผู้ดูแลยกมือประสานคารวะ
เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ย “นึกถึงอาการป่วยของท่านหวัง พอดีมีศิษย์หลานมาเยี่ยม ฝีมือการแพทย์ของเขาเยี่ยมยอด จึงพาเขามาดูอาการป่วยของท่านหวัง ดูว่าจะตรวจหาอาการป่วยได้หรือไม่”
ผู้ดูแลได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองฉินหลิวซีที่อยู่ด้านข้าง เห็นนางอยู่ในชุดสีครามตัวยาว ผมม้วนเป็นมวยไม่รู้ใช้ปิ่นจากไม้อะไร ใบหน้าเล็กยากจะแยกได้ว่าชายหรือหญิง สะอาดสะอ้านงดงาม
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจไม่ใช่อายุของฉินหลิวซี แต่เป็นดวงตาของนาง ตอนที่มองมา หัวใจพลันหดเกร็งอย่างแปลกประหลาด ราวกับสิ่งที่อยู่ในใจถูกมองทะลุปรุโปร่งไปแล้ว
อารามชิงหลานมีชื่อเสียง และเพราะเจ้านายนับถือเจ้าอาวาสชิงหลานมาก ผู้ดูแลหวังก็ไม่กล้าดูถูกนักพรตเต๋า โดยเฉพาะคนที่เจ้าอาวาสชิงหลานพามาด้วยตนเอง
เขาก้าวขึ้นมายกมือประสานคารวะให้ฉินหลิวซี เอ่ย “ท่านนักพรตมาเยือนด้วยตนเอง ข้าน้อยขอขอบคุณแทนเจ้านายแล้วขอรับ”
ฉินหลิวซียิ้มบาง “ไม่รังเกียจว่าข้าเรื่องมากก็พอ”
ผู้ดูแลให้บ่าวรับใช้นำรถม้าไปเก็บ เดินนำเหล่าเจ้าอาวาสชิงหลานเข้าไปด้านใน พร้อมบอกว่านายท่านกำลังรับแดดอยู่เรือนหลัง
“ระวังสักหน่อย นี่คือของที่ตระกูลเซ่าส่งมา สุราที่นายท่านชอบที่สุด ระวังหัวของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี” ผู้ดูแลคนหนึ่งชี้ไปยังบ่าวรับใช้ที่กำลังอุ้มไหสุราหลายไห เมื่อมองเห็นเหล่าฉินหลิวซีก็รีบหลบไปด้านข้าง
ฉินหลิวซีเหลือบมอง เดินเข้าไปด้านใน พร้อมสังเกตฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยของตระกูลหวังและการตกแต่งภายในบ้าน
ฮวงจุ้ยบ้านตระกูลหวังนี้ คงจะเคยให้คนมาแนะนำ เป็นบ้านที่รวมความเจริญรุ่งเรือง การตกแต่งมีจุดด่างพร้อยเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยไปได้ และด้านบนของบ้านนี้มีนิมิตหมายที่เป็นมงคลปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น แสดงให้เห็นว่าตระกูลหวังกำลังรุ่งเรือง
ฮวงจุ้ยเช่นนี้ ไม่เหมือนมีสิ่งชั่วร้ายก่อกวนจริงๆ
“เห็นอะไรบ้างหรือไม่” เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ยถามโดยไม่ได้ปิดบังต่อผู้ดูแล
ผู้ดูแลหวังกลับทำราวกับไม่ได้ยิน เพียงเดินนำทางแต่หูกลับผึ่งขึ้นมา เขาเองก็สังเกตเห็นฉินหลิวซีพิจารณาบ้าน
“ข้างบนของบ้านมีนิมิตหมายที่ดีปกคลุม ยามนี้ดวงชะตากำลังรุ่งโรจน์ คิดว่าอีกไม่นานในจวนคงมีเรื่องน่ายินดี” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง
หนังตาผู้ดูแลหวังชะงักไป
เขาได้ข่าวว่า นายท่านของเขากำลังรุ่งเรืองด้านการปฏิบัติหน้าที่ หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด สามารถเลื่อนขึ้นได้หนึ่งขั้น ได้กลับเมืองหลวงเข้าไปอยู่ในหกกรม
เรื่องนี้ ยังไม่มีข่าวออกมา
“ฮวงจุ้ยที่นี่เป็นท่านให้คำแนะนำหรือ” ฉินหลิวซีถามกลับ
เจ้าอาวาสชิงหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เจ้าดูสิ มีที่ใดไม่ดีหรือไม่”
“ให้คำแนะนำได้ดีทีเดียว” ฉินหลิวซียิ้ม เอ่ย “เพียงแต่กำแพงนั่น ไม่จำเป็นต้องเปิดสองประตู”
เจ้าอาวาสชิงหลานและผู้ดูแลหวังมองไป นั่นคือกำแพงที่มุ่งไปสู่เรือนหลัง มีสองประตู หนึ่งในนั้นคือประตูเล็ก เอาไว้ให้บ่าวรับใช้เดิน เพราะเป็นบ้านที่ทาสีตกแต่งอย่างสวยหรู จึงไม่ได้มีผลต่อความงาม
ยามนี้ฉินหลิวซีบอก เมื่อมองดูให้ดีก็รู้สึกขึ้นมากะทันหัน
ผู้ดูแลอดไม่ได้ เอ่ยถาม “นักพรตน้อยมีคำแนะนำหรือไม่”
“หนึ่งกำแพงเปิดสองประตู ประตูมากการทะเลาะวิวาทมาก ทำให้คนในบ้านทะเลาะกันได้ง่าย ไม่มีความสามัคคี” ฉินหลิวซีเอ่ย “ประตูเล็กหากไม่อยากปิด แขวนผ้าม่านเอาไว้ไม่ใช้งานอีก สามารถแก้ไขได้”
ผู้ดูแลหวังรีบจำเอาไว้ ตั้งใจว่าจะเอาไปรายงานในภายหลัง
เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ของเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยดูฮวงจุ้ยให้ผู้ใด ไม่รู้ว่าเจ้าเองก็ศึกษามามาก”
“เป็นพื้นฐานของลัทธิเต๋า ข้าจึงเรียนสักหน่อย อย่างไรบางทีไล่ผีจับผีก็ต้องเกี่ยวกับผังแปดเหลี่ยมและฮวงจุ้ย เข้าใจดีกว่าไม่เข้าใจมาก เพียงแต่ฮวงจุ้ยข้าไม่ดู รู้สึกว่ามันยุ่งยาก” ฉินหลิวซีเอ่ย “ฮวงจุ้ยทำให้เกิดโชคได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นตัวคนมิใช่หรือ หนึ่งชีวิตสองโชคสามฮวงจุ้ยมิใช่หรือ”
“หนึ่งชีวิตสองโชคสามฮวงจุ้ย นักพรตน้อยดูไม่เหมือนรู้เพียงเล็กน้อย สามารถแนะนำจุดสำคัญของฮวงจุ้ยได้เพียงนี้” เสียงชราดังมาจากประตูฝั่งนั้น