คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 247 นักพรตน้อยเก่งกล้านัก
ตอนที่ 247 นักพรตน้อยเก่งกล้านัก
ฉินหลิวซีมองผู้มาใหม่ ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่ง ไม่ได้แต่งตัวในแบบคนมีเงิน ทว่าสวมชุดคลุมลัทธิเต๋าสีฟ้า ดูต่างจากคนทั่วไป
หูของเขาใหญ่และหนา โหนกแก้มสูงอุดมสมบูรณ์ คางกลมมน มีเนินหน้าผาก คนผู้นี้เมื่อก่อนจะต้องเจริญก้าวหน้าอยู่ในวงการข้าราชการอย่างแน่นอน แซ่หวัง ทั้งยังเป็นคนชิงโจว คงไม่ใช่หวังเซียงที่ปลดเกษียณออกมาตั้งนานหลายปีแล้วกระมัง
ได้ยินมาว่าผู้นี้ตอนสละตำแหน่งยังอายุไม่ถึงเจ็ดสิบปี และได้รับคำเชิญถึงสามครั้งถึงได้สละตำแหน่งอย่างทรงเกียรติ ตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่ง เรียกได้ว่าเป็นอัครเสนาบดีที่ชาญฉลาด มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วน ต่อให้ปลดเกษียณออกมาแล้ว เบื้องบนก็คิดถึงบ้าง เทศกาลต่างๆ ยังประทานของกำนัลมาให้ เรียกได้ว่าเป็นพระประสงค์ของเบื้องบนแล้ว
ฉินหลิวซีมองสบตากับเขา ผู้คนที่ใจมีเต๋า ล้วนฉลาดเฉียบแหลมจริงๆ ยามสละก็สละ ได้ช่วยเหลือคนรุ่นหลัง ทั้งยังได้ใจเบื้องบน
เพียงไม่รู้เพราะกำลังป่วยหรือไม่ จิตใจ พลังชี่ จิตวิญญาณกลับดูไม่เพียงพอ สีหน้าซีดขาว ริมฝีปากกลับมีสีแดงเล็กน้อย
อีกทั้ง เป็นอย่างที่เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ย สะอาดสะอ้าน ร่างกายไร้ไอชั่วร้าย
ฉินหลิวซีอยากลองดู
“เจ้าอาวาส” หวังกง[1]ถูกบ่าวรับใช้ประคองเข้ามา คารวะหนึ่งครั้ง “ต้องรบกวนท่านอีกแล้ว”
“หวังกงไม่ต้องเกรงใจ” เจ้าอาวาสชิงหลานตอบหลับ ชี้ไปยังฉินหลิวซี เอ่ย “นี่คือศิษย์หลานของข้า เป็นลูกศิษย์อารามชิงผิงเมืองหลี หนิงโจว มีประสบการณ์และสนใจต่ออาการป่วยที่หาได้ยาก หากท่านไม่รังเกียจ ให้ตรวจชีพจรท่านแทนข้าเป็นอย่างไร ปู้ฉิว ผู้นี้คือชายชราใจดีที่ข้าบอก”
“ท่านอดีตอัครเสนาบดี” ฉินหลิวซียกมือประสานคารวะ
หวังเหยียนหรือก็คือหวังกงได้ยินคำเรียกนี้ คิ้วก็เลิกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าอาวาสพามาได้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร คนแก่อย่างข้าก็ไม่ได้รังเกียจอันใด สำคัญที่สุดคือรักษาอาการป่วยของข้าให้หายดี ข้าไม่อยากเจอผีในทุกๆ วันแล้ว”
ระหว่างที่เอ่ย ดวงตาของเขาฉายแววจนปัญญาและร้อนใจอยู่ไม่สุข
ไม่ว่าเป็นใครเมื่อป่วยเป็นโรคที่ไม่รู้ชื่อและรักษาไม่ได้ในใจก็คงอยู่ไม่สุข ป่วยหนึ่งวันไม่หาย จิตใจก็ไม่ดีไปด้วย เหนื่อยวันเหนื่อยคืน ก็สูญเสียอายุขัย
แม้ว่าเขาจะปลดเกษียณออกมาแล้ว แต่ก็อยากอายุยืนสักหน่อย มิเช่นนั้นหลายปีมานี้เขาเข้าสู่เต๋ารักษาชีวิตไปเพื่ออันใดกัน แน่นอนเพราะความรุ่งเรืองของตระกูล
ดังนั้น ขอเพียงรักษาอาการป่วยให้หายได้ ย่อมไม่สนว่าผู้ที่มารักษาคือใคร
“แต่ก่อนหน้านี้ ท่านบอกว่าประตูสองบานเปิดเอาไว้ ทำให้ไม่มีความสามัคคีหรือ” หวังกงชี้ไปยังประตูสองบานนั้น
ฉินหลิวซีพยักหน้า “หนึ่งกำแพงเปิดสองประตู ประตูเยอะเกิดวาจา ทะเลาะง่าย แน่นอนว่าไม่สามัคคี”
หวังกงไม่สนใจเรื่องในเรือนหลังนัก แต่รู้ว่าสตรีนั้นย่อมมีอยู่บ้าง กลัวที่สุดคือเป่าหูสามี ทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องต้องร้าวฉาน จึงเอ่ยกับผู้ดูแลหวัง “ให้คนปิดเอาไว้ ไม่ให้ใช้แล้ว”
“ขอรับ”
“ไป เราไปนั่งดื่มชาทางนี้เถิด” หวังกงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
กลุ่มคนเดินไปยังเรือนพักของหวังกง นั่งลงในห้องรับรองแขก จิบชาไปสองอึก เจ้าอาวาสชิงหลานจึงเอ่ย “หากเสียเวลาก็คงถึงยามบ่าย มิสู้ตรวจชีพจรเลยหรือไม่”
ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ย “นอกจากนี้แล้ว ข้ายังต้องขอดูใบสั่งยาที่ท่านกินก่อน”
หวังกงมองผู้ดูแล อีกคนค้อมศีรษะและถอยออกไปหยิบมา
ฉินหลิวซีมาครั้งนี้ ไม่ได้เอากล่องยาของตนมาด้วย เข็มเงินกลับนำติดตัวตลอด ยาหมอนพู่กันโม่อะไร ตระกูลหวังนั้นมี บ่าวรับใช้ต่างพากันวิ่งวุ่น เอายาเอาหมอนมาวางไว้บนโต๊ะ
“ท่านอดีตอัครเสนาบดี เชิญ”
หวังกงยิ้ม “ทุกคนออกไปเถิด ท่านเรียกข้าหวังกงเหมือนเจ้าอาวาสชิงหลานก็ได้”
“หวังกง” ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใดอีก นิ้วมือกดลงบนแขนของเขา
ชีพจรในมือทั้งสองข้างไหลเวียน ใบหน้าของนางนิ่งสงบ ให้หวังกงอ้าปาก ฝ้าที่ลิ้นขาวหนาและมีรอยฟัน ม้ามอ่อนแอเสมหะชื้นแฉะ
ฉินหลิวซีดึงมือคืน เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “หวังกงชอบสุรา”
หวังกงชะงัก เอ่ย “ท่านรู้ได้อย่างไร”
เขายกแขนขึ้นมา สูดดมเสื้อผ้า ตอนนี้ยังเช้า เขายังไม่ดื่มเหล้า มีกลิ่นแล้วหรือ
“เสื้อผ้าไม่มี แต่ลมหายใจมี เมื่อวานท่านก็ดื่มใช่หรือไม่ ยังมีกลิ่นเหล้าจางๆ” ฉินหลิวซีเอ่ย “ดื่มเหล้าเป็นเวลานาน บนร่างกายต้องมีกลิ่นเหล้าไม่มากก็น้อย เช่นเดียวกันกับยาสูบ สูบเป็นเวลานาน ร่างกายก็จะมีกลิ่นยาสูบ และตอนเข้าประตูมา ข้าบังเอิญเห็นบ่าวรับใช้ยกเหล้าเข้ามา ได้ยินว่าเป็นร้านที่ท่านชอบที่สุดส่งมา”
เจ้าอาวาสชิงหลานตกใจ แม้แต่สิ่งนี้ยังสังเกตได้หรือ
“เช่นนั้นอาการป่วยของข้าเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้หรือ”
เวลานี้เอง ผู้ดูแลหวังได้ยื่นใบสั่งยามาให้
ฉินหลิวซีรับมาพลิกเปิดดู เอ่ย “อาการป่วยของท่านเกี่ยวข้องกับเหล้าจริงๆ ท่านหมกมุ่นอยู่กับเหล้า คิดว่าคงดื่มจอกน้อยทุกวัน”
“เอ่อ เป็นเช่นนั้นจริงๆ” หวังกงยิ้มเอ่ย “นับตั้งแต่ข้ากลับมารักษาตัวที่บ้านเดิม ใช้ชีวิตในแบบเต๋า และชอบสุรา ต้องดื่มหลังมื้อเที่ยงทุกวันวันละจอก อาหารเย็นก็เช่นกัน คนแก่น่ะ ไม่ได้มีอะไรฆ่าเวลามาก จึงมีเพียงสิ่งนี้แล้ว”
“แม้จะใช้ชีวิต แต่ก็ไม่อาจดื่มเหล้าทุกวันได้ จอกเล็กได้ แต่ไม่ควรเกินขีดจำกัด” ฉินหลิวซีเอ่ย “สุราทำให้เกิดความชื้น ความชื้นยังเกิดความร้อน ความชื้นความร้อนทำให้เกิดเสมหะ เมื่อมีเสมหะสติสัมปชัญญะขาด มิใช่เห็นผีแล้วหรือ”
“นี่ ยังมีแบบนี้ด้วยหรือ” ทุกคนชะงัก
ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คิดว่าอาจารย์ลุงชิงหลานก็เคยเอ่ยกับท่านเช่นนี้ บ้านของท่านนั้นสะอาดสะอ้าน ไม่มีสิ่งชั่วร้ายมาก้าวก่าย หวังกงเองท่านก็อยู่ในตำแหน่งมาหลายปี มีคุณความดี สิ่งชั่วร้ายไม่อาจเข้ามาใกล้ได้ง่ายๆ ที่บอกว่าเห็นผี เป็นเพียงการขาดสติ ทำให้เกิดภาพลวงตาเท่านั้น”
เอ่ยง่ายๆ ได้ว่า ท่านดื่มจนเลอะเลือนแล้ว ทำให้เกิดภาพลวงตา
หวังกงเงียบไปชั่วครู่ หัวเราะออกมา เอ่ย “เพราะเหตุนี้ เจ้าอาวาส ท่านเห็นว่าอย่างไร”
เจ้าอาวาสชิงหลานมองฉินหลิวซี “ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นผลจากสุราไปด้วย เช่นนั้นตามเจ้าว่า ควรรักษาเช่นไร”
“ท่านเองก็เคยจ่ายยาดับร้อน ไร้ผล มิใช่ว่าไม่ถูกต้อง เพียงแต่เขาไม่ปฏิบัติตามการรักษา” ฉินหลิวซีมีสีหน้าไม่พอใจมองไปยังหวังกง “อยากรักษาอาการป่วยให้หาย ไม่อาจเอาแต่ใจได้ ดื่มยายังแอบไปดื่มเหล้า ต่อให้ยาดีเพียงใดก็ไร้ผล”
นางหยิบใบจ่ายยาออกมาหนึ่งใบ เป็นใบที่เจ้าอาวาสชิงหลานเป็นคนออก
“เจ้าอาวาสไม่เคยบอก ท่านรู้ได้เช่นไรว่าใบจ่ายยานี้เขาเป็นคนออก” หวังกงถูกฉินหลิวซีตำหนิ ทว่าไม่โกรธ แต่แปลกใจว่าอีกฝ่ายดูออกได้อย่างไรว่านั่นคือใบจ่ายยาที่เจ้าอาวาสชิงหลานเป็นคนออก
หวังกงลูบเครา เอ่ยว่า “สายตาเฉียบคมไม่เลว”
“เจ้าลองบอกมา ว่าใบจ่ายยาควรออกอย่างไร” เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ฉินหลิวซีเองไม่พูดมาก หยิบกระดาษและพู่กันออกมา เขียนพร้อมเอ่ยไปด้วย “ส้มแดงเป็นหลัก เทียนฮวาเผิ่น[2] ฉังผูแห้ง[3] หวงหลิง[4] ไม่ตง[5]…น้ำสามถ้วยต้มให้ได้หนึ่งถ้วย”
นางเขียนอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เขียนใบจ่ายยาออกมาได้หนึ่งแผ่น เอาให้เจ้าอาวาสชิงหลานดูก่อน ค่อยหันไปเอ่ยกับหวังกง “กินยาตามใบจ่ายยานี้ กินสองครั้งภาพลวงตาก็จะหายไป ข้าจะช่วยฝังเข็มให้ท่าน สมดุลความชื้นกับความร้อน กำจัดลมละลายเสมหะ จากนั้นใบจ่ายยานี้กินสองครั้งก็กลับมาเป็นปกติแล้ว” เอ่ยพลันหันกลับมา “แต่ว่า ระหว่างที่กินยา ห้ามดื่มสุรา จอกเล็กก็ไม่ได้ ทำได้หรือไม่”
ท่าทางแข็งกระด้างนี้ ทำให้ผู้ดูแลหวังและบ่าวรับใช้ข้างกายหวังกงต่างต้องสูดหายใจเข้าลึก หันกลับไปมองนายท่านของตน ต่อให้เป็นหลานที่รักที่สุด ต่อหน้าเขายังไม่เคยแสดงท่าทีแข้งกระด้างเช่นนี้ นักพรตน้อยผู้นี้เก่งกล้าเพียงนี้เลยหรือ
[1] กง กงตัวนี้เป็นคำยกย่องในการเรียกผู้ชาย หรือตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงในสมัยโบราณ
[2] เทียนฮวาเผิ่น ชื่อสมุนไพร แก้ร้อนใน แก้กระหายน้ำ ทำให้ชุ่มคอ ขับเสมหะ
[3] ฉังผูแห้ง ชื่อสมุนไพร
[4] หวงหลิง ชื่อสมุนไพร
[5] ไม่ตง ชื่อสมุนไพร บำรุงกำลังและแก้ไอ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ