คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 27 ตอนที่ 28 คำเตือนเล็กๆ
ตอนที่ 27 เดิมทีก็เป็นเคราะห์กรรมถึงตายอยู่แล้ว / ตอนที่ 28 คำเตือนเล็กๆ
ตอนที่ 27 เดิมทีก็เป็นเคราะห์กรรมถึงตายอยู่แล้ว
พอฉินหลิวซีเข้าไปในอารามแล้วก็ตรงเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ คารวะหน้ากระถางธูปขนาดใหญ่ตรงหน้าปรมาจารย์แล้วจึงลงมือขุดหลุมทันที
ทันใดนั้นแสงขาวสายหนึ่งก็สว่างวาบขึ้น นางพลิกหมุนตัวอย่างคล่องแคล่วเพื่อหลบหลีกแสงสีขาวนั้น
“เฮ้อ ตีไม่โดน ตีเจ้าไม่โดนสักที!” นางกำหมัดอย่างมีชัย ในมือเห็นเป็นสิ่งของที่มีสีหยกโผล่ออกมามุมหนึ่ง
แสงขาวโบกสะบัดมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงดุ “เฮ้ หัวขโมยจากไหน ขโมยกระทั่งของของปรมาจารย์ เจ้าไม่กลัวปรมาจารย์จะตำหนิเอาบ้างหรือ”
“ข้าทักทายท่านก่อนแล้ว ท่านเงียบก็เท่ากับยินยอมเป็นนัยให้ข้าขุดสิ อีกอย่าง ของที่ข้าเป็นคนฝังเองจะเรียกว่าขโมยได้เช่นไร!” ฉินหลิวซีเล่นลิ้น
ปรมาจารย์ซานชิง[1]เอ่ยในใจ ยังจะมายินยอมเป็นนัยอีก ข้าจะต้องลงมาจุติบนโลกมนุษย์เพื่อจัดการนางสักที!
“อย่างอื่นน่ะไม่เก่งหรอก แต่ปากนี่พูดปาวๆ ไม่หยุดเลย เอาหินลับมีดมาลับแล้วใช่หรือไม่!” คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าฉินหลิวซีตอนนี้คือตาเฒ่าในชุดนักพรตเต๋าเกล้าผมมวย ไม่ใช่สิ คือนักพรตชราที่กำลังใช้แส้ชี้ไปที่นาง
ฉินหลิวซียิ้ม “ท่านดูสิข้าอ่อนแอเช่นนี้จะเอาหินลับมีดมาใช้ได้อย่างไร จะต้องเป็นน้ำมันที่ลื่นผ่านปากข้าไปแน่!”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนขึงตาใส่นางสองทีก่อนจะมองไปที่มือของนาง “เจ้าขึ้นเขามาเพื่อขุดหยกหรือ”
ฉินหลิวซีปาดขี้เถ้าในกระถางธูปเกลี่ยให้เรียบก่อนจะปล่อยมือ เผยให้เห็นจี้หยกทรงกระดุมชิ้นเล็กๆ สองชิ้น นางเดินเข้าไปหานักพรตชราพลางเอ่ย “ที่บ้านข้ามีน้องชายเพิ่มมาอีกสองคน คลอดก่อนกำหนด อ่อนแอมาก หากไม่ใช้อาวุธวิเศษช่วยเลยก็น่าจะเลี้ยงไม่รอด”
“ไอ้หยา จู่ๆ คนที่เย็นชาไร้ความปรานีแต่ไหนแต่ไรมาก็กลายเป็นคนใจดีไปแล้ว หรือว่าเจ้าเพิ่งจะหามโนธรรมพบเล่า” นักพรตชื่อหยวนเอ่ยเย้ยหยัน
ฉินหลิวซีจ้องหน้าเขา “ไม่ใช่ข้ามีมโนธรรมขึ้นมาหรอก แต่เป็นเพราะข้ากลัวว่าคนบางคนจะไล่ข้าออกจากสำนักมากกว่า”
“เจ้าก็กลัวเป็นเหมือนกันหรือ”
ฉินหลิวซีแค่นเสียงเบาๆ
ทั้งสองเดินออกจากห้องโถงใหญ่มุ่งหน้าไปยังโถงด้านหลังและสนทนากันไปพลาง
“คนที่บ้านมากันหมดหรือ” นักพรตชื่อหยวนถามด้วยสีหน้าของชายชราที่ยังทำตัวเป็นเด็ก
“อืม” ฉินหลิวซีตอบเขา “นอกจากท่านปู่และบางคน ที่เหลือก็เป็นผู้หญิง เด็ก คนแก่ คนที่อ่อนแอทั้งหมด”
“ดวงชะตามีเคราะห์กรรมเช่นนี้อยู่ จะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ ทำได้เพียงต้องรับมัน เมื่อเทียบกับการถูกตัดหัวแล้ว การถูกค้นบ้านยึดทรัพย์และเนรเทศถือว่าโชคดีอย่างยิ่งแล้ว” นักพรตชื่อหยวนกอดแส้พลางเอ่ย “หลายปีมานี้ถ้าไม่ได้เจ้าก็คงต้องไปพบกันที่ปรโลกแล้ว”
เคราะห์กรรมของตระกูลฉินเป็นกรรมที่บรรพบุรุษผูกปมมา เป็นเคราะห์ถึงตาย มันควรจะแย่ยิ่งกว่าสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตอนนี้เสียอีก เป็นเพราะฉินหลิวซีสะสมบุญมาตลอดหลายปีนี้จึงสามารถช่วยพวกเขาทั้งตระกูลไว้ได้
ฉินหลิวซีไม่ได้ปฏิเสธ
นักพรตชื่อหยวนเองก็ไม่ได้กังวลเช่นกัน ขอแค่ฉินหลิวซีเต็มใจ เคราะห์กรรมครั้งนี้ก็สามารถแก้ไขได้
“เจ้าได้เจอคนกลุ่มนั้นหรือไม่”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “คุณชายสูงศักดิ์คนนั้นหรือ”
“ชาติกำเนิดสูงส่งเหนือคำบรรยาย เขาคือ…” นักพรตชื่อหยวนเอ่ยออกมาเพียงครึ่งเดียว สีหน้าของเขาค่อนข้างลึกลับ
ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้ถามอะไร และถามไม่ได้ด้วย เพราะมือของนักพรตชรายื่นมาตรงหน้านางแล้ว มุมปากของนางกระตุกทันที
“ก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไร ครั้งนี้ช่างมันไปเถิดดีหรือไม่” ฉินหลิวซีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คนในตระกูลของข้าล้วนแต่พึ่งพาข้ากันทั้งนั้น ข้าจนมากจริงๆ ครั้งนี้ก็…”
“ห้าโทษสามวิบัติ[2] ถ้าเจ้าไม่ให้ ข้าก็ได้แต่ต้องถอนหายใจให้กับความทุกข์ของเจ้าแล้ว” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนทำท่าทางราวกับว่าเขาไม่ได้บังคับก่อนจะเอ่ย “เมื่อครู่นี้เจ้าก็ขุดกระถางธูป ไม่รู้ว่าปรมาจารย์จะ…”
ฉินหลิวซี “…”
ให้ นางให้ก็ได้
นางกัดฟันก่อนจะหยิบเงินห้าสิบตำลึงมอบให้นักพรตเฒ่าชื่อหยวนอย่างไม่เต็มใจ
นักพรตชื่อหยวนยิ้มอย่างเปิดเผย เขาปัดแส้ทันทีพลางเอ่ย “ขอเทพสวรรค์อำนวยพร!”
ฉินหลิวซีแค่นเสียงหนัก
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นางยากจน ไม่ว่านางจะหาเงินได้มากมายเท่าไร ก็จะต้องเอาเงินครึ่งหนึ่งมาทำบุญให้อารามด้วย
ตอนที่ 28 คำเตือนเล็กๆ
ฉินหลิวซีมีห้องพักพิเศษในอารามเพื่อพักผ่อนและบำเพ็ญตน หลังจากที่นางพูดคุยกับนักพรตชื่อหยวนแล้ว นางก็เข้าไปในห้องหยิบกระดาษเหลืองและชาดออกมา
ในตอนที่นางพูดคุยอยู่กับนักพรตเฒ่าชื่อหยวนล้วนตกอยู่ในสายตาของฉีเชียนและคนอื่นๆ
“นักพรตเฒ่าผู้นี้สนิทสนมกับปู้ฉิวผู้นี้ชัดๆ แต่กลับไม่ยอมบอกพวกเรา คงไม่ได้จงใจจะปล่อยให้พวกเรารอเสียเวลาเปล่าหรอกนะ” อิงหนานโกรธจนหน้าเขียว “ไม่ได้ ข้าจะไปถามนักพรตเฒ่าให้รู้เรื่อง”
เขากระโจนพรวดเดียวไปถึงหน้านักพรตเฒ่า เอ่ยถามด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ท่านเจ้าอาวาส ท่านรู้จักปู้ฉิวชัดๆ ไยจึงต้องปล่อยให้พวกเรารอตั้งหลายวันด้วย ท่านไม่รู้หรือว่าชีวิตคนสำคัญเพียงใด”
“อิงหนาน อย่าเสียมารยาท!” ฉีเชียนก้าวเข้าไปดุเขาเรียบๆ หนึ่งประโยค แต่น้ำเสียงกลับไม่ได้ดูโกรธเท่าใดนัก
เขาเองก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่เจ้าอาวาสอารามชิงผิงรู้จักปู้ฉิวผู้นั้น แต่ทำไมไม่ติดต่อให้เล่า
“ลูกน้องของข้าเสียมารยาท ขอท่านเจ้าอาวาสอย่าได้ถือเป็นโทสะ เขายังเด็กและใจร้อนไปบ้าง จึงไม่ค่อยมีความอดทน” ฉีเชียนวางตัวเล็กน้อย
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสะบัดแส้ “ขึ้นชื่อว่าเวรกรรมแล้วนั้น…”
“อะไรก็เวรกรรม นักพรตเฒ่าท่านเห็นว่าเราไม่รู้เรื่องก็เลยรังแกเช่นนั้นหรือ เรื่องเวรกรรมนี่ไม่ได้เป็นของชาวพุทธหรือ ท่านนับถือเต๋าจะมาพูดเรื่องเวรกรรมอะไรกัน” อิงหนานขัดขึ้นโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด
“ท่านผู้ใจบุญ คำสอนของเต๋าก็มีเรื่องเวรกรรม ทุกคนมีชะตากรรมของตนเอง ข้าจะกล้าแทรกแซงได้เช่นไร”
“พวกข้าก็แค่มาขอพบท่านหมอ ขอให้นักพรตเฒ่าติดต่อให้เท่านั้น เรื่องนี้จะเกี่ยวกับลิขิตสวรรค์ไปได้อย่างไร นี่มันงี่เง่าเกินไปแล้ว” อิงหนานแค่นเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ “ท่านกำลังบ่ายเบี่ยงอยู่ชัดๆ”
ชื่อหยวนยังคงยิ้ม “เมื่อมีวาสนา ท่านผู้ใจบุญก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ”
ฉีเชียนเลิกคิ้วทันที
“เฮอะ นักพรตเฒ่า ท่านพูดคำพุทธอีกแล้วนะ…”
“อิงหนาน” พอฉีเชียนเอ่ยปาก อิงหนานก็ยอมถอยไปทันที
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองหน้าฉีเชียนด้วยแววตาลุ่มลึก “คนบางคนมีวาสนากับบิดามารดาตื้นเขิน สรรพสิ่งไม่อาจฝืน ท่านผู้ใจบุญควรจดจำไว้”
ลมหายใจของฉีเชียนสะดุดไปทันที เขาเม้มปากก่อนจะยิ้มจางๆ ออกมาหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “อย่าตำหนิลูกน้องของข้าเลย แม้แต่ข้าเองก็ยังรู้สึกว่าท่านนักพรตพูดคำพุทธอยู่”
“เจ้าอาวาสวัดอู๋เซียงบนเขาข้างๆ เป็นสหายของข้า” นักพรตชื่อหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทุกคน “…”
อิงหนานเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นนักพรตชื่อหยวนเดินไปไกลแล้ว “นายท่าน ตาเฒ่าผู้นี้…” น่าโดนอัดจริงๆ ปู้ฉิวคนนั้นก็เหมือนกัน
ฉีเชียนเอ่ย “ช่างเถิด เขาก็พูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง เราก็ได้เจอตัวแล้ว”
อีกฝ่ายไม่ได้พูดว่าพวกเขาเจอผิดคน นั่นก็หมายความว่าเด็กหนุ่มคนนั้นก็คือปู้ฉิว เขายังเด็กขนาดนั้น
ฉินหลิวซีวาดยันต์และพับเสร็จไปหลายแผ่น นางถูจมูกจากนั้นก็ลุกขึ้นเปิดหน้าต่างและเห็นชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นั้น
“คุณชาย จะลงเขาแล้วหรือขอรับ” เฉินผีก้าวเข้าไป
“อืม” หากไม่ใช่เพราะที่บ้านนางมีคนพวกนั้น ฉินหลิวซีก็คิดเหมือนกันว่าจะพักอยู่บนเขา
หลังจากเก็บยันต์เรียบร้อยแล้วฉินหลิวซีจึงลงเขาไป
“คุณชาย ข้างหลังมีคนตามเรามาขอรับ” เฉินผีหันไปมองม้าตัวใหญ่แข็งแรงที่ตามมาข้างหลังพวกนั้น
ฉินหลิวซีสั่งเงียบๆ “อ้อมป่าวั่นไหว”
“ขอรับ”
รถม้าขับเข้าไปในทางเล็กๆ
ฉีเชียนรีบตามไปทันที เพียงแต่เมื่อตามไปเรื่อยๆ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“นายท่าน” อิงหนานมองฉีเชียนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พวกเขาเดินทางมาตั้งนานขนาดนี้ มองไม่เห็นรถม้าข้างหน้าตั้งนานแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขากำลังวนอยู่ที่เดิม แค่ต้นไม้ข้างๆ นี้พวกเขาก็ผ่านมาแล้วตั้งห้าครั้ง
นี่น่าจะเป็นอาคมผีบังตาที่เขาพูดกันสินะ
ฉีเชียนเองก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น เขาเงยหน้ามองต้นไหวซู่ที่ตั้งตระหง่านจนปกคลุมท้องฟ้า รอบด้านมืดมิด ลมพัดยอดไม้สั่นไหวเกิดเป็นเสียงอันน่าขนลุกราวกับว่าจะมีอะไรที่พวกเขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนโผล่ออกมา
อีกฝ่ายจงใจล่อพวกเข้าไปในป่า
เขารู้ตัวว่าพวกเขากำลังติดตามและต้องการเตือนอย่างนั้นหรือ
ฉีเชียนกำบังเหียนแน่นด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากและสั่งเสียงเฉียบ “ก่อไฟ คืนนี้ค้างคืนที่นี่”
เขาประเมินเด็กหนุ่มคนนั้นต่ำไป
[1] ปรมาจารย์ซานชิง 3 ปรมาจารย์สูงสุดของลัทธิเต๋า “ซานชิง” หรือ “สามบริสุทธิ์” เป็นผู้ปกครองสูงสุดแห่งจักรวาลทั้งหมด ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งปัจจัยหลักที่สำคัญของชีวิต 3 อย่างคือ ลมหายใจ หัวใจ และจิตวิญญาณ
[2]ห้าโทษสามวิบัติ วิบากกรรมของคนที่เปิดเผยความลับสววรค์