คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 370 ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง
ตอนที่ 370 ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง
หัวหน้าเผ่าอาวุโสรู้ว่าตนเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว หลายสิบปีมานี้ เขาต้องอาศัยสมบัติสวรรค์[1]เพื่อรักษาชีวิต แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ร่างกายของเขาก็แย่ลงไปในทุกๆ วัน แก่ลงไปในทุกๆ วัน
เขากลับไม่อาจข่มตาหลับได้ ไม่ได้เห็นผู้สูงส่งดังคำที่เทพธิดากล่าวไว้ ไม่ได้เห็นคำสาปเลือดของตระกูลซือถูกทำลาย เขาไม่อาจตายตาหลับได้ และคงไม่มีหน้าไปพบเทพธิดา
ยามนี้ คนผู้นั้นดังที่เทพธิดาได้กล่าวไว้ปรากฏตัวแล้ว คำทำนายของนางถูกต้องแล้ว
เทพธิดาไม่เคยพลาด
หัวหน้าเผ่าอาวุโสเช็ดน้ำตาที่หางตา ตื้นตันใจจนใบหน้าแดงก่ำ
ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ยเกลี้ยกล่อม “หัวหน้าเผ่าอาวุโส สุขภาพของท่านไม่ดี อย่าได้ตื่นเต้นดีใจมากนัก ซีซี เจ้าช่วยตรวจชีพจร ออกใบสั่งยาให้เขาได้หรือไม่”
นางหันไปมองฉินหลิวซี ดวงตามีความอ้อนวอน
หัวหน้าเผ่าชราโบกปัดมือ “ไม่ต้องหรอก บ่าวอายุมากถึงเพียงนี้ อยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว บ่าวได้เห็นคำสาปดับสลาย ก็สามารถไปรายงานท่านธิดาได้อย่างสงบสุขแล้ว”
ฉินหลิวซีเอ่ย “หากเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นก็ยิ่งต้องตรวจ คำสาปนี้ไม่ใช่เอ่ยว่าอยากแก้ก็แก้ได้ในทันที”
หัวหน้าเผ่าชราได้ยิน เอ่ย “เช่นนั้นคงต้องรบกวนผู้สูงส่งแล้ว”
ฉินหลิวซีเดินเข้ามา สองนิ้วทาบลงที่ข้อมือของเขา เนิ่นนานจึงเอ่ย “ท่านหัวหน้าเผ่าอาวุโสสุขภาพร่างกายแข็งแรง คิดว่าเคยได้รับการฝึกกล้ามเนื้อและกระดูกมาเป็นอย่างดีใช่หรือไม่”
หัวหน้าเผ่าชราพยักหน้า นึกย้อนไปถึงอดีต เอ่ย “ตอนเด็กเทพธิดาให้ข้าอาบน้ำยาเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อและกระดูก และได้รดน้ำมนต์ศักดิสิทธิ์โดยนาง ยังเคยกินยาบำรุงร่างกายที่นางทำขึ้นมาเองกับมือ หลายปีมานี้ ข้าก็กินสมบัติสวรรค์ไปไม่น้อย อาการป่วยหนักไม่มี เพียงเป็นไข้บ้างก็เท่านั้น สิ่งนี้ก็เป็นเพราะบารมีของเทพธิดาแล้ว”
หากมิเช่นนั้น ไหนเลยเขาจะมีอายุมาได้นานเพียงนี้
ฉินหลิวซีมองไปที่ซือเหลิ่งเย่ว์ เอ่ย “ร่างกายของหัวหน้าเผ่าอาวุโสไร้โรคภัย เพียงแก่แล้วเท่านั้น คนอายุมากแล้ว ต่อให้อายุยืนเพียงใด แต่ร่างกายทุกส่วน ต่างก็ต้องเป็นไปตามกาลเวลา ความแก่ไม่อาจรักษาได้”
ซือเหลิ่งเย่ว์ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าสลดลง สายตาที่มองไปยังหัวหน้าเผ่าอาวุโสเองก็ปวดใจ
หัวหน้าเผ่าอาวุโสกลับยังคงยิ้ม “ไม่เป็นไร คนไหนเลยจะไม่แก่ ข้ามีอายุมานานเพียงนี้ ได้เห็นคำสาปแตกสลาย ข้าตายก็ไม่เสียดาย นายท่านน้อยไม่ต้องทุกข์ใจแทนข้า”
ซือเหลิ่งเย่ว์พยักหน้า
ฉินหลิวซีเองก็เอ่ย “หัวหน้าเผ่าชราเอ่ยไม่ผิด สิ่งที่ยากที่สุดของคนคือมีสุขภาพดีอายุยืนยาว หูไม่หนวกตาไม่พร่าเลือน อนาคตหากจากไปโดยไม่มีโรคภัยใดๆ นับว่าเป็นความโชคดีมากแล้ว”
หัวหน้าเผ่าอาวุโสได้ยินวาจานี้ ยิ่งสบายใจ
ซือเหลิ่งเย่ว์เองไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เพียงเอ่ยถึงพิธีเปิดพื้นที่และเซ่นไหว้ หัวหน้าเผ่าอาวุโสจึงบอกว่าทุกอย่างได้เตรียมพร้อมแล้ว สามารถไปยังพื้นที่ของตระกูลได้ทุกเมื่อ
ฉินหลิวซีเอ่ย “เช่นนั้นก็ไปดูสักหน่อยเถิด”
ที่ดินประจำตระกูลซือนั้นตั้งอยู่บนยอดเขายอดเขาอิ้นโหลว ตลอดร้อยปีมานี้ เพื่อไม่ให้รบกวนดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ ตระกูลซือได้ซื้อยอดเขาอิ้นโหลวและภูเขาสองแห่งที่อยู่ข้างๆ มานานแล้ว แม้แต่หมู่บ้านอู่ไจ้แห่งนี้ก็เป็นอาณาเขตของตระกูลซือ
ฉินหลิวซีเอ่ย “พวกเจ้าไม่คิดกลัวราชสำนักและคนที่มีใจกลืนกินตระกูลซือเลยจริงๆ”
ทรัพยากรทางการเงินเหล่าที่ตระกูลซือเปิดเผยออกมา หรือแม้กระทั่งเหมืองหยกที่เรียกได้ว่าร่ำรวยมาก แต่ตระกูลซือ ที่มีลูกสาวเพียงคนเดียวสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ย่อมทำให้คนน้ำลายไหลเป็นธรรมดา
“เรือที่เน่าเปื่อยก็ยังเหลือตะปู แม้พวกเราจะไม่ฝึกคาถาอาคมแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเองเลยสักนิด” ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ยเสียงเรียบ “พวกเราไม่มีการสืบทอดพลังพ่อมดอีกแล้ว แต่เหล่าพ่อมดที่มีความสัมพันธ์กับเราก็กระจายตัวอยู่ทุกคนทุกแห่ง เรื่องเล็กน้อยนี้ ต่อให้มีอีกเรื่อง พวกเราและราชสำนัก รวมไปถึงตระกูลขุนนางเก่าแก่ต่างก็มีการค้าร่วมกันต้องไปมาหาสู่ มารดาของข้า ตอนมีชีวิตอยู่ได้ถวายเหมืองทองเป็นของขวัญวันพระราชสมภพแก่ฝ่าบาท แลกมากับเอกสาร[2]หนึ่งแผ่น”
ฉินหลิวซีตัวเซไปเล็กน้อย หันไปมองนาง “เหมืองทองหรือ”
ซือเหลิ่งเย่ว์พยักหน้า
“นี่ก็ใจกว้างเกินไปหรือไม่ มารดาของเจ้า มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก” ฉินหลิวซีกล่าวชื่นชม
เหมืองทองเชียวนะ ไม่ใช่ผู้ใดบอกจะถวายก็ถวายได้ แต่มารดาของซือเหลิ่งเย่ว์กลับทำใจได้
ฉินหลิวซีเอ่ยถามเสียงเบา “เหมืองทองเหมืองหยกพวกเจ้าก็มีทั้งหมด ยังมีสิ่งใดที่ยังไม่มีหรือ ตระกูลซือของเจ้า ร่ำรวยเป็นปฏิปักษ์กับแผ่นดินเลยนะ”
ซือเหลิ่งเย่ว์ยิ้มขมขื่น “ร่ำรวยเป็นปฏิปักษ์กับแผ่นดินก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร อย่างที่เจ้าว่า กอดสิ่งของเอาไว้มากเกินไป ก็ง่ายที่จะตกเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้คน อดีตฮ่องเต้ในตอนนั้น มีความปรารถนาจะเกี่ยวดองกับตระกูลซือ”
ดวงตาของฉินหลิวซีวาวขึ้น เย้ยหยัน “เกี่ยวดองหรือ”
“ใช่” ซือเหลิ่งเย่ว์ยิ้มเย็น “เพียงแต่เห็นว่าพวกเราอายุสั้น มิเช่นนั้น มารดาของข้าจะถวายเหมืองทองได้อย่างไร ก็เพราะผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในยามนี้อยากรับมารดาของข้าเป็นสนม”
เข้าใจแล้ว เรื่องอยากรับสนมนั้นเป็นเรื่องโกหก เป้าหมายที่แท้จริงคือเหมืองทองนั้น
“เช่นนั้นเจ้า”
“ข้าหรือ ก็ดูว่าพวกเขาจะหน้าด้านเพียงใด” ซือเหลิ่งเย่ว์สีหน้าเย็นชา หยุดไปชั่วครู่จึงเอ่ยขึ้น
“ความโลภของเชื้อพระวงศ์เปรียบเสมือนหลุมดำไร้ก้น มีครั้งที่หนึ่ง ก็ต้องมีครั้งที่สองที่สาม ยามนี้เจ้าอายุสิบหกแล้ว หากมีเขยที่เหมาะสม ก็รีบแต่งเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย
ซือเหลิ่งเย่ว์ไม่เอ่ยวาจา เมื่อก่อนนางเองก็รู้ว่าควรทำอย่างนี้ แต่ตอนนี้นางกลับไม่ต้องการแล้ว ไม่อยากใช้ชีวิตในแบบเดียวกับบรรพบุรุษที่ผ่านมา
ฉินหลิวซีพลันรู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งที่ไหล่ของนาง ราวกับแบกหินก้อนใหญ่อย่างไรอย่างนั้น ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ และรอบข้างยังมีสายตาที่คอยจับจ้องไม่วางตามากมาย
นางยื่นมือออกมา บีบมือซือเหลิ่งเย่ว์ เอ่ย “ไม่ต้องกลัว คนอื่นเอ่ยยาก หากเป็นเจ้าผู้เดียว ข้าต้องปกป้องได้แน่นอน หลังจากนี้ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง”
ซือเหลิ่งเย่ว์หัวเราะ ดวงตาเปล่งประกายสุกสกาว อดไม่ได้บีบมือของนางคืน เอ่ย “บีบบังคับข้า ก็คงทำได้เพียงถอยมายังพื้นที่ของตระกูลแล้ว เจ้าดูสิ ถึงแล้ว”
ฉินหลิวซีเงยหน้ามองไป ถ้ำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า หล่อเหล็กดำเป็นประตู บนประตูมีสัญลักษณ์ถูเถิงของเผ่าพ่อมด รวมไปถึงคาถาสลับซับซ้อน โบราณเรียบง่ายน่าเกรงขาม
ซือเหลิ่งเย่ว์คุกเข่าลงหน้าประตูภูเขาก่อน ปากพึมพำบางอย่าง จากนั้นลุกขึ้น ใช้มือออกแรงกดสัญลักษณ์ถูเถิง เผยให้เห็นช่องกุญแจด้านใน หยิบกุญแจคนละดอกกับหัวหน้าเผ่าอาวุโส สองรวมเป็นหนึ่ง เสียบเข้าไปในช่องกุญแจ
กึกกัก กลไกมีการเคลื่อนไหว มีเสียงดังขึ้น เผยให้เห็นร่องอีกหนึ่งร่อง
ซือเหลิ่งเย่ว์กรีดปลายนิ้ว ใช้เลือดที่ไหลออกมาจากปลายนิ้วหยดลงไปในร่องนั้น ไม่นานร่องนั้นพลันถอยกลับคืน เสียงกลไกดังขึ้นอีกครั้ง ครืน
ประตูเหล็กสองข้างเปิดออก
มุมปากฉินหลิวซีกระตุก
“เชิญ” ซือเหลิงเย่ว์ใช้ผ้าเช็ดหน้ามัดปลายนิ้วเอาไว้
ฉินหลิวซีไม่ขยับ เพียงก้มลงไปหยิบถุงผ้าที่แขวนอยู่บนเอว หยิบขวดลายครามเล็กเท่านิ้วหัวแม่มือ จับมือของซือเหลิ่งเย่ว์มา เปิดฝาออก โรยยาจินชวงลงบนปากแผล
การกระทำของนางอ่อนโยนและใส่ใจ โรยยาลงไป ไม่นานเลือดก็หยุดไหล
ซือเหลิ่งเย่ว์มองหน้าก้มหน้าก้มตาขมวดคิ้ว สัมผัสได้ว่าหัวใจที่เดิมเย็นชายามนี้อบอุ่นขึ้นมา ขอบปากวาดโค้งขึ้น
ฉินหลิวซีใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลคืนให้นางอีกครั้ง จากนั้นค่อยเงยหน้า เอ่ยอย่างรังเกียจ “บรรพบุรุษของพวกเจ้า ทำอะไรไม่ดี ไยต้องเอาเลือดของตนมาเป็นวิธีเปิดประตู กรีดนิ้วไม่กลัวเจ็บหรือ นี่ก็โง่ไปสักหน่อย คนที่มีใจคิดมาทำลายประตู เพียงจับตัวเจ้าได้ก็เข้าไปได้แล้ว”
การป้องกันนั้นสามารถใช้เคล็ดวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดให้คนนอกสายเลือดก็ได้นี่นา ไยต้องใช้เลือด เกิดเลือดเนื้อเชื้อไขผู้นี้ถูกจับตัวไปเล่า
[1] สมบัติสวรรค์ พืชสมุนไพรหรือแร่ธาตุสำหรับช่วยให้อายุยืนยาวหรือรักษาโรค
[2] เอกสารที่จักรพรรดิโบราณมอบให้แก่ขุนนางเพื่อรับการยกเว้นโทษและสิทธิพิเศษอื่นๆ