คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 77 ปรมาจารย์ท่านนี้ดุมาก! ตอนที่ 78 เขาต้องตาย
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 77 ปรมาจารย์ท่านนี้ดุมาก! ตอนที่ 78 เขาต้องตาย
ตอนที่ 77 ปรมาจารย์ท่านนี้ดุมาก! / ตอนที่ 78 เขาต้องตาย
ตอนที่ 77 ปรมาจารย์ท่านนี้ดุมาก!
ฉินหลิวซีจิบชาอย่างสบายๆ พร้อมฟังเหตุผลที่ผีสาวไม่ต้องการไปเกิดใหม่
“…ข้าชื่อหลิงหรง เดิมทีข้าเป็นคนขายชาในโรงน้ำชา เซี่ยฉี่คังเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า เขาทำสิ่งใดไม่เป็นเลยสักอย่างนอกจากเรียนหนังสือ เป็นข้ากับท่านพ่อที่ขายชาเก็บสะสมเงินทีละเล็กละน้อยเพื่อให้เขาได้เรียนหนังสือ เขาเคยบอกว่า รอให้เขาสอบเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อได้แล้วก็จะให้พวกเราได้เสพสุขอยู่สบาย จะให้ข้าเป็นฮูหยินภรรยาขุนนาง แต่ความจริงแล้ว เขาเพิ่งจะสอบผ่านเป็นบัณฑิตซิ่วไฉก็เป็นที่ถูกตาต้องใจของตระกูลโจวเข้าเสียก่อน”
ฉินหลิวซีหลุบตาลง รู้สึกหมดความสนใจเล็กน้อย เช่นเดียวกับหนังสือนิยายหลายเล่มที่สตรีดีๆ ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่นางมีเพื่อให้บุรุษสารเลวได้เรียนหนังสือ หลังจากที่บุรุษสารเลวประสบความสำเร็จก็ละทิ้งคนที่หมดประโยชน์แล้ว และไปแต่งงานกับสตรีคนใหม่ที่ร่ำรวย หลิงหรงเองก็เป็นเช่นนี้
ดูเหมือนหลิงหรงจะไม่ได้สังเกตว่านางไม่ได้สนใจนัก เพียงจมจ่อมอยู่กับความเคียดแค้นชิงชังที่ท่วมท้นในใจของนางเองเท่านั้น “ตระกูลโจวร่ำรวยและสามารถให้การสนับสนุนอุปกรณ์ชั้นดีในการเล่าเรียนให้เขาได้ นอกจากนี้ยังมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติเขา เขาจึงทำตัวราวกับคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่ไม่สนใจเรื่องราวภายนอก ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือแต่เพียงอย่างเดียว นุ่งห่มผ้าไหมผ้าต่วนเนื้อดี กินอาหารเลิศรสจากป่าเขา เขาอยากเป็นเขยของตระกูลโจวที่เพียบพร้อมด้วยหน้าตาและความสามารถ เขาไม่ยินดีที่จะอยู่ในบ้านโทรมๆ ที่มืดมิดและอับชื้น กินผักดองและหมั่นโถวกับเรา”
“ท่านพ่อของข้าบอกว่าเขาเป็นหมาป่าเนรคุณ จะฟ้องตระกูลโจวให้รู้ถึงธาตุแท้ของเขา เขาก็เลยบีบคอท่านพ่อของข้าจนตาย” ขณะที่หลิงหรงเอ่ยนั้น ไอแค้นของนางก็รุนแรงขึ้นอีกครั้ง “ตอนนั้นข้าท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว เขาฆ่าท่านพ่อแล้วยังโกหกข้าว่าท่านพ่อขึ้นเขาไปเก็บใบชา วันนั้นฝนตกหนัก ข้าถูกเขาหลอกให้ไปตามหาท่านพ่อด้วยกัน บนเนินเขาที่ไม่มีใครผ่านไปมานั้นเองที่เขาใช้ก้อนหินทุบศีรษะข้าจนแหลกละเอียด”
ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้นมองออกไป หลิงหรงที่อยู่ตรงหน้าได้เปลี่ยนไปแล้ว ร่างกายเปียกชื้น ศีรษะถูกทุบหายไปครึ่งหนึ่ง ใบหน้ารางเลือน เลือดเปรอะจนมองไม่ออกว่าหน้าตาแต่เดิมของนางเป็นอย่างไร
นี่เป็นลักษณะยามตายของนาง
“ตอนนั้นข้าเริ่มปวดท้องมากแล้วกำลังจะคลอดลูก แต่เขาไม่ยอมให้ข้ามีชีวิตอยู่และไม่ยอมปล่อยให้ลูกรอดชีวิตด้วย ข้าตายไป ลูกข้าก็ขาดอากาศหายใจจนตายเช่นกัน เขาอยู่ห่างจากโลกมนุษย์นี้เพียงแค่คืบเท่านั้น” หลิงหรงมองดูเด็กที่อยู่แทบเท้าของนางและยิ้มอย่างน่าเวทนา “เซี่ยฉี่คังช่างโหดร้ายจริงๆ สองมือที่ถือได้แต่พู่กันนั้นยามยกก้อนหินขึ้นมากลับไม่อ่อนแรงเลยสักนิด หากแต่มีแรงมากเป็นพิเศษเสียด้วยซ้ำ ข้ายังจำความรู้สึกยามที่ก้อนหินกระแทกเข้ากับศีรษะได้ดีจนถึงตอนนี้ ปัง ปังๆ..”
“หยุด!”
ฉินหลิวซีขัดจังหวะนาง “ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียด ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านผ่านสิ่งใดมาบ้าง แต่ท่านก็ตายไปตั้งสิบปีแล้ว ไยจึงคิดจะมาแก้แค้นเอาตอนนี้ อ้อ เก็บหน้าตาน่าสังเวชของท่านไปก่อนเถิด ข้ากลัวดูไปนานๆ แล้วจะฝันร้าย”
หลิงหรง “…”
ปรมาจารย์ท่านนี้ดุมาก!
นางเก็บใบหน้าเช่นนั้นไปอย่างไม่เต็มใจนักแล้วเผยหน้าตาสะอาดสะอ้านออกมาแทน “เซี่ยฉี่คังโหดเหี้ยมนัก หลังจากที่เขาฆ่าข้าแล้ว ก็ไม่รู้ไปได้ยินมาจากไหนว่าข้าอาจจะกลายเป็นผีร้ายมาแก้แค้นเขาได้ จึงได้หานักพรตคนหนึ่งมาปิดผนึกข้าไว้ในหีบ ตอกตะปูสะกดวิญญาณเจ็ดตัว ล่ามด้วยโซ่ก่อนจะผลักลงไปยังก้นทะเลสาบ ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาหลายปีแล้ว”
ฉินหลิวซีเคร่งขรึมขึ้นทันที เรื่องแบบนี้มีแต่นักพรตชั่วร้ายเท่านั้นที่จะทำได้ “ต่อไปเล่า”
“เมื่อต้นปี ตะปูสะกดวิญญาณขึ้นสนิมและคลายออก เราสองแม่ลูกจึงหนีออกมาได้ ตอนนั้นร่างวิญญาณของข้ายังอ่อนแอมาก จึงได้กลืนกินวิญญาณเร่ร่อนไปอย่างไม่คิดชีวิต…” หลิงหรงลดเสียงลงเรื่อยๆ นางกลัวว่าหากเอ่ยไม่เข้าหูเมื่อใด นางก็จะถูกฉินหลิวซีเก็บวิญญาณทันที พอเห็นว่าฉินหลิวซีไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จึงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขึ้น “หลังจากที่กลืนวิญญาณเร่ร่อนไปหลายดวง ข้าก็ไปตามหาเซี่ยฉี่คัง เขาพกจี้หยกจากวัดพุทธที่ผ่านการปลุกเสกมาแล้วติดตัวไว้ชิ้นหนึ่ง ข้าจึงไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงติดตามอย่างใกล้ชิด ต่อมาพอเขาไปหาภรรยานอกบ้านแล้วจี้หยกหัก ข้าจึงได้มีโอกาสเข้าใกล้ไปบีบคอเขา ใช้ไอแค้นทำร้ายเขาตลอดเวลา ข้าอยากให้เขารับรู้ความรู้สึกที่หายใจไม่ออกบ้าง ท่านปรมาจารย์ พวกเราทั้งบ้านตายไปอย่างไม่เป็นธรรม ถ้าเซี่ยฉี่คังไม่ตาย แล้วจะบรรเทาความแค้นในใจของข้าได้อย่างไร ข้าจะไปเกิดใหม่ได้อย่างไร”
ตอนที่ 78 เขาต้องตาย
หลิงหรงมีความแค้น แค้นที่เขาฆ่าบิดา แค้นจากการถูกทรยศ แค้นที่เขาฆ่าตนเองและลูก ที่สำคัญที่สุดคือแค้นที่ถูกสะกดวิญญาณ
เพียงเพื่อต้องการไต่เต้าร่ำรวย นางไม่คาดคิดเลยว่าคนอ่อนโยนและใจดีจะไม่เพียงแต่ฆ่าพวกนางเท่านั้น แต่ยังสะกดวิญญาณทำให้พวกนางหนาวเหน็บอยู่ใต้ก้นทะเลสาบ ไปเกิดใหม่ไม่ได้ด้วย
คนผู้นั้นช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!
เพราะเหตุนี้ไอแค้นของหลิงหรงจึงได้รุนแรงขนาดนี้ และยังทำให้พลังชีวิตของเซี่ยฉี่คังยิ่งสลายเร็วขึ้นด้วย
“ด้วยไอแค้นของท่านที่รุนแรงเช่นนี้ ตอนที่ท่านเข้าใกล้เขาก็สามารถลากเขาลงนรกได้เลย แทนที่จะทรมานเขาอยู่อย่างนี้ เหตุใดท่านถึงไม่ฆ่าเขาไปเลยเล่า” ฉินหลิวซีถาม
หลิงหรงเอ่ย “ปล่อยให้เขาตายไปอย่างสบายไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ข้าจะทรมานเขาทีละน้อยให้เขาไม่สามารถสุขสงบได้ทั้งวันทั้งคืน ท่านรู้หรือไม่ว่าได้เห็นเขาซูบผอมลงและหวาดกลัวตื่นตระหนกทุกวัน แต่ยังคงต้องเสแสร้งปฏิบัติต่อสะใภ้โจวนั่นอย่างใจดีมีเมตตา ข้าก็รู้สึกเป็นสุขอยู่บ้าง สะใภ้โจวนั่นยังคิดว่าเขาเป็นคนดีอยู่เลย ถุย เขามีภรรยานอกบ้านลับหลังนางนานจนกระทั่งมีบุตรชายหนึ่งคนแล้ว นางก็ยังโง่เขลา เข้าใจผิดว่าหมาป่าชั่วร้ายตัวนี้เป็นคนดีอยู่ได้”
นางเอ่ยแล้วก็เยาะตนเอง “ช่างเถิด ข้าจะมีสิทธิ์อะไรไปว่านาง ข้าเองก็ไม่ต่างอะไรกับนางมิใช่หรือ”
“ในเมื่อเซี่ยฉี่คังสามารถหาวิธีชั่วร้ายมาสะกดวิญญาณของพวกท่านสองแม่ลูกได้ พอเกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้แล้วเขาจะไม่ระแวดระวังตัวได้อย่างไร” ฉินหลิวซีรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล
ในเมื่อเซี่ยฉี่คังเคยทำเรื่องเช่นนั้นมาแล้ว บัดนี้เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคแปลกๆ มานานกว่าครึ่งปี หากตรวจสอบสาเหตุหลักไม่ได้ เขาก็ควรคิดได้ว่าอาจมีวิญญาณชั่วเข้ามากล้ำกลายแล้ว คำกล่าวที่ว่าหากไม่เคยทำเรื่องน่าละอายใจ ไยต้องกลัวผีมาเคาะประตูยามค่ำคืน แต่เขาก็ต้องรู้สึกร้อนตัวเพราะเขาเคยทำมันมาก่อนสิ
ปกติแล้วคนที่เคยทำมาก่อนก็น่าจะคิดได้ เซี่ยฉี่คังกลับไม่ได้ถามนักพรตเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ
หลิงหรงเอ่ย “เขาไปหาแล้ว เขาขอให้บ่าวรับใช้ไปหานักพรตชั่วนั่น ข้าทำให้บ่าวรับใช้คนนั้นตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ”
ฉินหลิวซีหรี่ตาลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “ท่านทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรือ”
หลิงหรงรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งร่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เอ่ยเสียงสั่นเทา “ไม่ ข้าไม่ได้ทำร้ายเขา เขาแค่ตกใจกลัวมากจนล้มหมอนนอนเสื่ออยู่สองวัน เขาเองก็ไปขอยันต์จากอารามเต๋ามาพกติดตัวไว้แล้ว”
“แล้วเซี่ยฉี่คังเล่า”
“แน่นอนว่าเขาได้ส่งคนไปอีก ข้าเองก็ไม่กล้าทำบาปกรรมจึงไม่ได้ทำอะไร แต่เป็นเพราะสวรรค์มีตา ต่อมาก็ได้ยินคนผู้นั้นกลับมารายงานว่านักพรตผู้นั้นตายไปเมื่อปีที่แล้ว แต่คนผู้นี้กลับไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ ไม่วายตั้งใจจะหาคนมาจัดการกับเราสองแม่ลูก” หลิงหรงขบฟัน ดวงตาแดงก่ำ
ฉินหลิวซีเอ่ย “เขาไปหนิงโจวคราวนี้ไม่ใช่เพื่อไปหาหมอรักษา แต่เพื่อไปหานักพรตงั้นหรือ”
“ได้ยินมาว่าในหนิงโจวมีอารามฉางอวิ๋นอยู่แห่งหนึ่ง นักพรตเหล่านั้นก็มีความสามารถมากทีเดียว”
ฉินหลิวซีเข้าใจ “ดังนั้นท่านจึงวางแผนที่จะบีบคอเขาให้ตายระหว่างทาง เหตุใดจึงไม่ทำเล่า แก้แค้นให้จบๆ ไปเสีย”
หลิงหรงนิ่งเงียบ ก่อนจะมองหน้านาง “ปรมาจารย์ต้องการจะโน้มน้าวให้ข้าหยุดหรือ”
“ข้าจะโน้มน้าวเจ้าเพราะเหตุใด ไม่ประสบความทุกข์อย่างผู้อื่น ก็ไม่อาจบอกให้ผู้อื่นมีเมตตาได้ ขอแค่ไม่ทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนก็พอ มีแค้นก็แก้แค้น ข้าไม่ได้ว่างขนาดจะต้องไปยุ่งเรื่องนั้นด้วยนี่ แต่ท่านควรจะรู้ไว้ว่า การฆ่าก็คือกรรมชั่ว แม้ว่าท่านจะเป็นวิญญาณแค้น กรรมนี้ก็จะต้องถูกยมโลกบันทึกไว้ ตราบใดที่ท่านฆ่าคนกลายเป็นวิญญาณชั่ว ถูกจดลงในสมุดบันทึกกรรมแล้ว ยามลงไปยมโลกก็จะต้องถูกลงโทษในแดนนรก ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีทางไปเกิดใหม่ดีๆ ได้” ฉินหลิวซีชี้ไปยังผีน้อยข้างเท้านาง
หลิงหรงมองดูลูกของตนเองด้วยความรักและสงสาร “ข้ารู้อยู่แล้วจึงไม่กล้าลงมือ แต่ท่านปรมาจารย์ ท่านที่นับถือเต๋ามักจะพูดว่ากงเกวียนกำเกวียน ทำอะไรย่อมได้สิ่งนั้นตอบ แต่คนชั่วช้าสามานย์อย่างเขากลับยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ข้าไม่ยินยอม”
“ท่านไม่จำเป็นต้องไม่ยินยอมหรอก เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย “มารดาของเขาเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจใช่หรือไม่”
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
“ริมฝีปากของเขาเป็นสีม่วง เปลือกตาบวม เป็นลักษณะของคนที่หัวใจไม่ดี ถ้าไม่ใช่กรรมพันธุ์ก็เป็นโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง ตอนนี้จุดมิ่งเหมินของเขาแห้งแล้ง ติ่งหูมีรอยบาก จุดเทียนถิงมีเมฆดำรวมตัว ทั้งยังได้รับผลกระทบจากไอแค้นของท่าน ภายในสามวันเขาจะเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย”
หลิงหรงตกใจทันที นางคิดว่าที่ฉินหลิวซีเอ่ยถึงเรื่องนี้ในห้องนั้น จะเป็นเพราะเซี่ยฉี่คังถูกตนเองฆ่าตาย แต่กลับกลายเป็นว่าเขาจะตายเพราะอาการป่วยหรอกหรือ