คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 205 ชอบ
ในระหว่างที่กำลังตกอยู่ในความสับสนมึนงง จี้เสียวอู่รู้สึกเย็นวาบที่หัวแล้วได้สติขึ้นมา เขาพบว่าตนเองนอนหลับอยู่บนเตียง ตัวฝูที่วางมือบนหน้าผากของเขา เมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณชายห้า เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
จี้เสียวอู่ลูบหัวตนเอง “ไม่เป็นไรแล้ว ข้าดื่มหนักไปหรือ”
ตัวฝูพูด “พวกเขาใส่บางอย่างลงในเหล้าจึงทำให้หลับง่ายเจ้าค่ะ”
จี้เสียวอู่ตกใจ “วางยางั้นหรือพวกเขาคิดจะทำอะไรกัน”
“ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ” ตัวฝูแบมือให้งูขาวตกลงบนฝ่ามือของนาง “คุณหนูมีบางอย่างจะบอกพวกเราเจ้าค่ะ”
……….
ตำหนักตงกง
เจียงเชิ่งจับพู่กันแล้วเขียนตัวอักษรช้าๆ ตั้งแต่มารดาเสียชีวิตไปเขาก็มีนิสัยเช่นนี้ เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกไม่สบายใจก็จะมาเขียนตัวอักษรที่นี่
หลังจากเขียนเสร็จแล้วขันทีจากด้านนอกก็มารายงานว่า “คุณชายใหญ่ตระกูลเหวินต้องการเข้าพบพะย่ะค่ะ”
คุณชายใหญ่ตระกูลเหวิน ถึงจะเป็นบุตรชายคนโตของเฉิงเอินโหว แต่ก็มีอายุไล่เลี่ยกับไท่จื่อ ศึกษาร่ำเรียนด้วยกันมาเป็นสิบปีทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก
เจียงเชิ่งวางพู่กันลงก่อนกล่าว “ให้เขาเข้ามา”
คุณชายใหญ่ เหวินยวน เข้ามาในห้องทรงอักษรแล้วทำความเคารพต่อไท่จื่อ ส่งสัญญาณบอกว่าต้องการพูดคุยกับเขาแบบเป็นส่วนตัว
เจียงเชิ่งพยักหน้าหลังจากนั้นไม่นานทั้งห้องก็เหลือแค่เพียงพวกเขาสองคน
“มีเรื่องด่วนอะไรหรือ” เจียงเชิ่งนวดข้อมือแล้วจิบชา
เหวินยวนตอบ “ไท่จื่อรับสั่งให้กระหม่อมจับตาดูคุณชายหยางผู้นั้น…”
“แล้วเป็นอย่างไร มีอะไรผิดปกติหรือ” หากไม่มีความผิดปกติ เหวินยวนไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องนี้เป็นแน่
“เขาไปทำงานทุกวัน และแวะไปที่ศาลาว่าการเป็นครั้งคราว ไม่พบอะไรผิดปกติ เพียงแต่ช่วงนี้กระหม่อมพบว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนผู้หนึ่ง”
เจียงเชิ่งยิ้ม “ท่านหมายถึงเจี่ยงเหวินเฟิงงั้นหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่พะย่ะค่ะ” เหวินยวนรีบตอบ “เจี่ยงเหวินเฟิงกับเขาติดต่อกันมานาน ไท่จื่อเองก็ทราบอยู่แล้ว แต่คนที่กระหม่อมพูดถึงเป็นสตรีพะย่ะค่ะ”
เจียงเชิ่งไม่ได้แปลกใจ “ด้วยชื่อเสียงของเขาการติดต่อกับสตรีไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือ”
เหวินยวนตอบ “แต่เมื่อเขากลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้ เขาก็ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสตรีเหล่านั้นอีกเลยพะย่ะค่ะ” เจียงเชิ่งมองอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้ว
“พอคุณชายผู้นั้นกลับมาก็เหมือนจะกลับตัวกลับใจ ไม่ไปสถานที่เช่นนั้นอีก และเขาก็ไม่ได้ทำตัวเสแสร้งเมื่ออยู่กับสตรีนางนั้นด้วย”
“…” เจียงเชิ่งวางถ้วยลงอย่างแรงและหัวเราะเยาะ “เขาจะเสแสร้งต่อหน้าคนอื่นทำไมกัน หากเสด็จพ่อทราบขึ้นมาแล้วอย่างไรเขาก็แค่…” เจียงเชิ่งไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น มีบางสิ่งที่ไม่สามารถพูดได้แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีก็ตาม
เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า “เป็นสตรีจากหอใดกัน”
“ไม่ใช่สตรีจากหอใดพะย่ะค่ะ” เหวินยวนตอบเสียงเบา “กระหม่อมตรวจสอบแล้ว นางเป็นคุณหนูจากตระกูลที่ดี ลุงของนางคือจี้ชู มีตำแหน่งเป็นซือเยว่แห่งกั๋วจื่อเจียน”
“จี้ชูงั้นหรือ” เจียงเชิ่งนึกแต่ก็นึกไม่ออก
เหวินยวนรีบพูดต่อว่า “ไท่จื่ออาจไม่รู้จักจี้ชู แต่บิดาของนางไท่จื่อคงเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว”
“ผู้ใดกัน”
“หมิงเชิน ลูกหลานของหนานเซียงโหว ที่ถูกประหารด้วยการตัดหัวข้อหาก่อกบฏพะย่ะค่ะ” แน่นอนว่าเจียงเชิ่งทราบคดีนี้เป็นอย่างดี
เขาสงสัย “เหตุใดเขาถึงรู้จักบุตรสาวของหมิงเชินได้ บุตรสาวนักโทษต้องอาญา ถึงเสด็จพ่อจะมีพระเมตตาให้อภัยนาง แต่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรสาวนักโทษ ยิ่งไม่เป็นการดีต่อเขาเลยสักนิด เสด็จพ่อเองก็คงไม่พอใจด้วย”
เหวินยวนตอบ “กระหม่อมเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันพะย่ะค่ะ เขาคงได้รู้จักกับบุตรสาวของหมิงเชินเมื่อครั้งที่อยู่ตงหนิงแล้วยังมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดหลังจากที่นางมาที่เมืองหลวง เหตุใดคนผู้นั้นถึงติดต่อกับนางอยู่ หลังจากที่กระหม่อมไปดูด้วยตัวเองจึงเดาได้อยู่สองข้อ”
“ว่าอะไร”
เหวินยวนตอบ “สตรีผู้นี้งดงามเหนือมนุษย์”
“….” เจียงเชิ่งจ้องแท่นหมึกอยู่สักพักก่อนกล่าว “ท่านจะบอกว่าเขาสนใจสตรีนางนั้นหรือ”
“น่าจะเป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ ไท่จื่อคิดว่าจู่ๆ เขาจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเหลวไหลในอดีตได้หรือ สตรีนางนั้นเป็นคุณหนูจากตระกูลที่ดี นอกจากเหตุผลนี้แล้วยังจะมีอะไรได้อีก”
เจียงเชิ่งพยักหน้า “ก็จริง”
เหวินยวนเห็นอีกฝ่ายดูนิ่งสงบก็เดาความคิดอีกฝ่ายไม่ออกจึงถามออกไปว่า “ไท่จื่อคิดว่าพวกเราควร…”
เจียงเชิ่งโบกมือ “อย่าไปยุ่งกับเขาตอนนี้เลย ท่านลองกลับไปคิดดูว่าเราสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”
เหวินยวนเห็นด้วย “พะย่ะค่ะ”
คุยเรื่องนี้จบเจียงเชิ่งก็ถามต่อว่า “หาน้องหญิงสี่พบหรือยัง”
เหวินยวนส่ายหัวด้วยความเศร้า
เจียงเชิ่งตอบ “ข้าจะไปทักทายเจี่ยงเหวินเฟิง พวกท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไป น้องหญิงสี่จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย”
ทั้งสองพูดคุยกันต่อไม่กี่คำเหวินยวนก็ทูลลา เจียงเชิ่งดื่มชาที่เย็นชืดอย่างช้าๆ จากนั้นก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะแล้วยิ้มเยาะเย้ย
ไม่ว่าผู้ใดก็หลอกลวงเขา!
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่หายไปคือน้องหญิงสาม แต่กลับบอกเขาว่าเป็นน้องหญิงสี่งั้นหรือ
จนถึงตอนนี้ยังคิดจะให้น้องหญิงสามแต่งกับเขาอีกหรือ คิดว่าตำแหน่งชายาเอกมันน่านั่งขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร
……….
จี้เสียวอู่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองอยู่ที่ซอยคังเล่อมากี่วันแล้ว กุ้ยเหนียงเล่นพิณอยู่ภายในห้องไปฟังพวกเขานายบ่าวพูดคุยกันไป
“คุณชาย พวกเราจะไปจากที่นี่กันเมื่อไรหรือเจ้าคะ” เป็นเสียงของตัวฝู
จี้เสียวอู่พูดเอาใจเล็กน้อย “พวกเราอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ก็เหมือนพักโรงเตี๊ยมทั่วไปนั่นแหละ”
ตัวฝูไม่พอใจ “วันๆ มีแต่สตรีมากมายเดินไปมา โรงเตี๊ยมดูไม่เคร่งครัดขนาดนี้เลยหรือ คุณชายเจ้าคะออกไปเมื่อไรท่านต้องรับปากข้าว่าท่านจะไม่ไปก่อเรื่องอะไรอีก!”
“ข้าไปก่อเรื่องตอนไหนกัน ตัวฝูเจ้าพูดมาเลยข้าทำเรื่องไม่ดีอะไรเอาไว้หรือ”
ดูเหมือนตัวฝูจะถูกอีกฝ่ายโน้มน้าว จากนั้นไม่นานนางก็พึมพำออกมาว่า “ท่านต้องไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอีกนะเจ้าคะ”
“รู้แล้วน่า!” จี้เสียวอู่พูดปลอบเบาๆ “ตัวฝู ข้าไม่ได้อยากได้อะไรเลย เพียงแต่อยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยที่สุดแล้ว เจ้าคิดดูสิหากท่านพ่อส่งคนมาตามหาข้า คงคิดไม่ถึงว่าข้าจะอยู่ที่นี่”
ตัวฝูคิดตาม “ก็จริงเจ้าค่ะ…”
กุ้ยเหนียงได้ยินก็ขำนายบ่าวคู่นี้ช่างใสซื่อบริสุทธิ์เสียจริง…
เมื่อคิดเช่นนั้นนางก็จ้องมองไปที่ต้นไม้ในลานกว้างอย่างเหม่อลอย อันที่จริงแรกเริ่มเดิมทีนั้นพวกนางก็ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้…
จากนั้นไม่นานจี้เสียวอู่ก็เดินมาหา
“พี่กุ้ยเหนียง” สติของกุ้ยเหนียงกลับมานางลุกขึ้นทำความเคารพแล้วเชิญอีกฝ่ายนั่งลง จากนั้นก็รินชาให้ด้วยตนเอง
จี้เสียวอู่ยิ้มให้นางแล้วหยิบบางอย่างออกมาอย่างระมัดระวัง “ตอนอยู่ที่ถนน ข้าเห็นสิ่งนี้เลยคิดว่าพี่กุ้ยเหนียงน่าจะชอบ…”
ในมือของเขาคือเครื่องหอมทรงกลดที่ทำจากเงินที่ทำขึ้นมาอย่างประณีต
กุ้ยเหนียงยิ้มและรับมันไว้ “ขอบคุณคุณชายกัวเจ้าค่ะ”
เห็นนางยิ้มอย่างเป็นปกติจี้เสียวอู่จึงถามเสียงเบา “ท่านไม่ชอบหรือ”
กุ้ยเหนียงตอบ “ชอบเจ้าค่ะ”
“แต่ท่านยิ้มเหมือนไม่มีความสุขเลย” จี้เสียวอู่เกาหัว “พี่กุ้ยเหนียงไม่ต้องทำตัวเสแสร้งต่อหน้าข้าก็ได้ ในเมื่อท่านไม่ชอบถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าข้าจะหาของที่ท่านชอบมาให้…” กุ้ยเหนียงมองเขาเงียบๆ
สีหน้าร้อนรนจากการเอาใจนั้นนางไม่ได้เห็นมานานเท่าไรแล้วนะ บุรุษพวกนั้นหลงใหลในความงามของนาง ชมเชยในทักษะของนาง ชื่นชอบรูปลักษณ์อันสวยงามของนาง แล้วนอกจากนั้นล่ะ พวกเขาไม่รู้สึกเลยว่านางก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
กุ้ยเหนียงถอนหายใจในใจแล้วพูดว่า “คุณชายกัว ท่านชอบกุ้ยเหนียงหรือ”
จี้เสียวอู่หน้าแดงเขายิ้มให้นาง “แน่นอนว่าข้าชอบพี่สาว”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” กุ้ยเหนียงเคร่งเครียด “ท่านสามารถชอบรูปลักษณ์และพรสวรรค์ของกุ้ยเหนียงได้ แต่ชอบกุ้ยเหนียงไม่ได้ ท่านเข้าใจหรือไม่เจ้าคะ”
จี้เสียวอู่ชะงัก รอยยิ้มของเขาเลือนหายไป
……………