คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 215 กวาดล้าง
เว่ยเสี่ยวอันตกใจจนสติหลุด ปิ่นปักผมอันนี้นางซ่อนเอาไว้ตอนที่ถูกลากไปแต่งตัวก่อนหน้านี้ คิดว่าหากตนไม่สามารถรอดพ้นจากที่นี่ไปได้ก็จะใช้มันฆ่าตัวตายซะ
ไม่คิดว่าจะถูกกุ้ยเหนียงจับได้ กุ้ยเหนียงกระซิบถามข้างหูนาง “เจ้ารู้จักคุณชายกัวใช่หรือไม่” เว่ยเสี่ยวอันไม่ตอบแต่มองอีกฝ่ายด้วยความหวาดระแวง
กุ้ยเหนียงกล่าวอย่างขมขื่น “แค่เจ้าเดินเข้ามาข้าก็ดูออกแล้ว”
แววตาเช่นนั้นไม่ใช่แค่หลงใหลในความงามของเขาแน่นอน ไม่มีความหลงใหลในแววตาของนางมีแต่ความวิตกกังวลและความหวังอันเลือนรางเท่านั้น
กุ้ยเหนียงถอนหายใจ “สถานะของเขาช่างแตกต่างกันจริงๆ…”
เมื่อเห็นสายตาของเว่ยเสี่ยวอันที่มองนางอย่างระมัดระวังมากขึ้น กุ้ยเหนียงจึงพูดเบาๆ “วางใจเถอะ ข้าไม่ได้คิดร้ายในเมื่อเจ้ารู้จักคุณชายกัว การที่เขามาอยู่ที่นี่คงเกี่ยวข้องกับเจ้าใช่หรือไม่”
ไม่รอให้เว่ยเสี่ยวอันตอบนางก็พูดต่อไปว่า “เขามาที่นี่ได้อย่างราบรื่น หมายความว่าวันที่เจ้าจะได้ออกจากขุมนรกก็ใกล้มาถึงแล้ว จะทำเรื่องเช่นนี้ให้ลำบากทำไมกัน จะพาตนเองให้อยู่ในอันตรายหรืออย่างไร วรยุทธ์ของเขาไม่ได้อ่อนด้อยเลย หากเจ้าลงมือละก็นอกจากต้องชดใช้ด้วยชีวิตแล้วยังไม่ได้ผลอีก ไม่สู้รออีกสักหน่อย ไม่แน่คุณชายกัวอาจจะช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ได้ก็เป็นได้”
เมื่อเห็นว่าเว่ยเสี่ยวอันดูสงบลงกุ้ยเหนียงจึงยิ้ม “เอาล่ะ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
ด้วยความช่วยเหลือของกุ้ยเหนียงเว่ยเสี่ยวอันได้เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่สะอาด แต่ยังไม่ทันได้ออกไปก็ได้ยินเสียงวุ่นวายจากด้านนอก
เสียงของฉีผิงดังเข้ามา “เจ้าว่าอย่างไรนะ!”
พี่น้องกลุ่มยาจกที่เข้ามารายงานพูดว่า “หัวหน้าฉี ทางการค้นพบที่นี่แล้ว พวกเขาบุกเข้าตรวจค้นแล้วขอรับ! ผู้เฒ่าเก๋อให้พวกเรารีบหนีไป!”
“เป็นไปได้อย่างไร” ฉีผิงโกรธ “สิบปีมานี้ทางการไม่เคยหาที่นี่พบแล้วเหตุใด…”
หัวหน้าเซียงไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเขารีบโน้มน้าวอีกฝ่าย “หัวหน้าฉี ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้แล้ว พวกเราฟังคำสั่งผู้เฒ่าเก๋อก่อนรีบหนีไปให้เร็วที่สุด หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการนะขอรับ!”
ฉีผิงพยายามสงบสติอารมณ์เขารีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกคำสั่ง “ไป!”
เมื่อพวกเขาไปยังประตูก็เห็นว่าจี้เสียวอู่นั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ในเมื่อคุณชายกัวอยู่ในมือของพวกเขาแล้วคงสามารถไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลกัวได้ “พี่กัว พวกเรารีบไปกันเถอะ ยามนี้พี่น้องมีความทุกข์ยากข้าจะพาท่านไปส่งถึงตระกูลกัวอย่างปลอดภัยแน่นอน!”
จี้เสียวอู่ถือจอกสุราเมื่อได้ยินคำพูดนี้เขาก็เงยหน้ายิ้ม “พี่ฉีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้าจริงๆ ข้าขอบคุณท่านมาก”
ไม่รอให้ฉีผิงพูดอะไรเขาก็พูดต่อไปว่า “แต่เรื่องนี้ไม่รบกวนพี่ฉีให้เปลืองแรงแล้วข้าไม่อยากไปไหนทั้งนั้น”
เมื่อเห็นท่าทีของเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉีผิงชะงัก “เจ้า…”
จี้เสียวอู่ถอนหายใจและพูดต่อว่า “อันที่จริงหลายวันมานี้พี่ฉีดูแลข้าเป็นอย่างดีเลยทีเดียว คิดไปคิดมาข้าจะให้ทางเลือกท่านอยู่หนึ่งทาง หากท่านอยู่ที่นี่และยอมถูกจับแต่โดยดี ข้าจะขอร้องใต้เท้าให้ศพของท่านอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์”
คำพูดนี้บอกอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ฉีผิงตาโต “เจ้า…เจ้าเป็นสายลับงั้นหรือ”
จี้เสียวอู่ยิ้ม “สายลับอะไรกัน ข้าไม่เคยเป็นพวกเดียวกับท่านจะเป็นสายลับได้อย่างไร” ฉีผิงมาเข้าใจได้ในภายหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้ได้ถล่มลงมาอยู่ตรงหน้า
คุณชายกัวผู้นี้มาถึงเมืองหลวงเข้ามาอยู่รวมกับพวกเขากลุ่มยาจก จากนั้นก็ไปที่ซอยคังเล่อแล้วไปฐานลับใต้ดิน ฐานที่มั่นของกลุ่มยาจกถูกทำลายทีละแห่ง แม้แต่ซอยคังเล่อเองก็ด้วย หรือแม้กระทั่งที่แห่งนี้ก็ถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบเช่นกัน
หลังจากการเคลื่อนไหวครั้งนี้กลุ่มยาจกในเมืองหลวงก็ถูกถอนรากถอนโคน แม้จะมีคนหลุดรอดไปได้ แต่หากคิดจะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี…
ทั้งหมดเป็นเพราะเขา!
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ฉีผิงโกรธมากเขาเงื้อฝ่ามือขึ้น
ในตอนนั้นเองจี้เสียวอู่รู้สึกถึงความรู้สึกของการเป็นจอมยุทธ์น้อยที่ออกจากเขา การโจมตีที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ต้องแบบนี้สิ! ปล่อยให้เขาอยู่กับสตรีตลอดทั้งวัน ใช้ความงามดึงดูดสตรีมันจะไปเรียกว่าท่องยุทธภพได้อย่างไร
เขาดึงกำลังภายในตามที่หยางชูได้สอนมายกโต๊ะขึ้นแล้วทุ่มใส่ฉีผิง
จากนั้นก็หยิบกริชออกมาแล้วเขวี้ยงออกไป
ฉีผิงพังโต๊ะจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยด้วยฝ่ามือเดียวแล้วเอนตัวเพื่อหลบกริชที่พุ่งเข้ามา ผู้ใดจะรู้ว่ากริชนั่นจะจำคนได้มันหันใบมีดและไล่ตามเขาไป
ฉีผิงเปลี่ยนท่าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนในที่สุดก็หลบกริชพ้น เขามองกริชที่พุ่งผ่านเขาไปปักบนผนังเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้จี้เสียวอู่หนีไปได้อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังแล้วพุ่งเข้าหาจี้เสียวอู่อีกครั้ง
จี้เสียวอู่หลบซ้ายหลบขวาสถานการณ์ของเขาเริ่มลำบาก
วรยุทธ์ของเขาเดิมทีเป็นแบบเร่งรัดเวลาผ่านไปหลายวันพลังที่หยางชูมอบให้ค่อยๆ สลายหายไป ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความสามารถครึ่งๆ กลางๆ
เมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวของฉีผิงดุร้ายขึ้นกว่าเดิมฝ่ามือลมหวนของอีกฝ่ายซัดออกไปจนเกิดหลายรู ฝีเท้าของจี้เสียวอู่สะเปะสะปะ
“ตายซะเถอะ!” ฉีผิงตะโกนลั่นแล้วปล่อยหมัดใส่จี้เสียวอู่
“ตู้ม” แล้วก็มีเสียงดังขึ้น
ฉีผิงถูกโจมตีจนถอยออกไปหลายก้าวมีเลือดไหลออกจากมุมปาก ตัวฝูที่ออกไปสอดแนมข้อมูลกลับมาได้ทันเวลาจึงรับช่วงต่อไปอย่างพอดิบพอดี
กระบวนท่าของนางนั้นธรรมดา แต่กำลังภายในกลับแข็งแกร่ง ฝ่ามือที่พุ่งออกไปเมื่อครู่ทำเอาฉีผิงเลือดตกยางออก รู้สึกว่าอวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือน แต่นางกลับไม่เป็นอะไรเลย
จี้เสียวอู่พยายามทรงตัวให้มั่นคง เขาเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าแล้วยิ้ม “พี่ฉี ท่านช่างไม่รู้ใจคนจริงๆ ในเมื่อท่านไม่ยอมรับความหวังดีของข้า ข้าก็ไม่มีทางเลือก” พูดจบสีหน้าของเขาก็ครึ้มลงแล้วตะโกนขึ้นว่า “ตัวฝู จัดการเขาซะ!”
“เจ้าค่ะ!” ตัวฝูตอบรับแล้วพุ่งออกไปทันที
ฉีผิงถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาพี่น้องกลุ่มยาจกทั้งหลาย เขารู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม สายตามองไปที่ตัวฝูที่ดูก็รู้ว่าไม่คิดปล่อยเขาไปเป็นแน่ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่คิดจะหนี แต่เขาก็ถูกสัญชาตญาณดุร้ายกระตุ้นในชั่วขณะและพุ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
“หากข้าต้องตายพวกเจ้าก็ต้องไม่ตายดี!”
แม้ว่ากำลังภายในของตัวฝูจะแข็งแกร่ง แต่วรยุทธ์ของนางยังไม่ดีเท่าเมื่อถูกอีกฝ่ายกดดันนางก็มือไม้อ่อนจนทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่กำลังต่อสู้ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก
“เจ้าหน้าที่บุกตรวจค้น ยอมจำนนซะเถอะ!”
“นี่กองทหารรักษาพระองค์ยังไม่รีบยอมจำนนอีก!”
ฉีผิงตกใจเขาคิดจะถอนตัวแต่ก็ถูกตัวฝูจับตัวไว้แน่นเมื่อรู้ว่าตนเองพลาดโอกาสเสียแล้วทหารกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาที่นี่
คนที่เข้ามาคือตี๋ฝาน เขาโบกมือ “จัดการซะ!”
กองทหารรักษาพระองค์รับหน้าที่สู้รบ ฉีผิงตัวคนเดียวจะไปชนะอะไรได้ ไม่นานเขาก็ถูกทหารจับกุมและถูกมัดเสียแน่นหนา
สุดท้ายเขามองไปที่จี้เสียวอู่และหัวเราะเยาะ “รอก่อนเถอะ! ตราบใดที่กลุ่มยาจกในเมืองหลวงยังอยู่เจ้าไม่มีวันอยู่อย่างสงบสุขแน่!”
จี้เสียวอู่เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าอย่างไม่ใส่ใจอีกฝ่าย “ขอบคุณพี่ฉีมาก แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกวันนี้กลุ่มยาจกในเมืองหลวงได้จบสิ้นแน่” แล้วฉีผิงก็ถูกคุมตัวออกไป กุ้ยเหนียงพาเว่ยเสี่ยวอันออกมาจากห้องแล้วมองจี้เสียวอู่ด้วยความสับสน
“คุณหนูเว่ย!” ตัวฝูตะโกนขึ้น
เว่ยเสี่ยวอันตกตะลึง ก่อนจะจำได้ว่านางคือตัวฝูที่ใบหน้าไร้ปาน หลายวันมานี้นางทุกข์ทรมานทางจิตใจ เมื่อได้พบคนที่คุ้นเคยนางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและร้องไห้เสียงดังในอ้อมกอดของตัวฝู
“นางคือคุณหนูจากตระกูลเว่ยงั้นหรือ” ตี๋ฝานถาม
ตัวฝูตอบ “เจ้าค่ะ”
“แล้วคุณหนูจากตระกูลเหวินเล่า”
เมื่อเขาถามจี้เสียวอู่ก็เพิ่งตระหนักได้ว่า “ไม่ได้การ นางถูกหัวหน้าเซียงพาตัวไปแล้ว!”
…………