คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 234 เปลี่ยนแปลง
หมิงเวยประคองกว้าถ่ง ทันใดนั้นนางรู้สึกถึงเหรียญทองแดงที่อยู่ด้านในนางเลิกคิ้ว
อวี้หยางตกใจเขาพูดเสียงแผ่วเบา “แม่นางผู้นั้นเป็นเหมือนกับพวกเรา”
เสวียนเฟยเงียบไม่พูดอะไร หมิงเวยเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสยิ้มภายใต้หนวดเคราด้วยท่าทางเหนือกว่า แทบดูไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรสักอย่างกับนาง
การทำนายโชคชะตาเป็นทักษะพื้นฐานอย่างหนึ่งของเสวียนชื่อ หากเข้ามาในเส้นทางของเสวียนชื่อก็จะสามารถทำนายโชคชะตาได้ แต่หากต้องการทำนายให้แม่นยำจำเป็นต้องมองเห็นความลับสวรรค์
อย่างจี้เสียวอู่ที่เป็นเสวียนชื่อมือใหม่สามารถรู้สึกได้ถึงหนึ่งหรือสองส่วน จึงตอบสนองต่อกว้าได้ซึ่งเขารู้สึกคล้ายกับว่าใช่ แต่ความจริงไม่ใช่
เคล็ดวิชายิ่งลึกซึ้งเท่าไรยิ่งแม่นยำมากขึ้นเมื่อถึงระดับนั้นก็จะทำนายโชคชะตาของนักพรตเฒ่าได้อย่างแม่นยำ แต่ความต้องการของคำถามในด่านนี้คือการทำนายโชคชะตาของนักพรตเฒ่าให้มีความมั่งคั่ง
การที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้มีอยู่สองวิธี หนึ่งคือตัดการเชื่อมต่อระหว่างนักพรตเฒ่าและกว้าถ่ง เสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนมากแล้วทำนายดวงชะตาของผู้อื่น สองคือปกปิดความลับสวรรค์และทำนายโชคชะตาปลอม
อย่างแรกเป็นการต่อสู้กับเคล็ดวิชา อย่างหลังเป็นการทดสอบพลัง
วิธีแรกเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายเหล่าศิษย์ของเสวียนตูกวันทำได้ทุกคนอยู่แล้ว
วิธีที่สองไม่ง่ายขนาดนั้นจำเป็นต้องเชี่ยวชาญในการทำนายถึงจะทำได้
การแข่งขันในวันนี้เป็นการแข่งคัดเลือกเจ้าสำนักหากเป็นเสวียนเฟยและอวี้หยางจะต้องเลือกวิธีที่สองแน่นอน
สิ่งที่หยางชูทำเพราะผู้อาวุโสเห็นแก่ฮ่องเต้เขาจึงผ่อนเกณฑ์ลงตราบใดที่ผลออกมาใกล้เคียงกันก็ปล่อยให้พวกเขาผ่านไปได้
แต่จี้เสียวอู่นั้นไม่ใกล้เคียงกับทั้งสองอย่างเลย เขารู้วรยุทธ์เพียงเล็กน้อย ไม่สามารถฟังเสียงแยกแยะจำนวนได้ เขารู้เคล็ดวิชาเล็กน้อยจึงตัดความสัมพันธ์ระหว่างนักพรตเฒ่าและกว้าถ่งไม่ขาด เว้นแต่เขาจะโชคดีเหมือนสองคนหลังที่คำนวณออกมาได้ไม่เลวนักพรตเฒ่าจึงปล่อยพวกเขาไป
แต่หมิงเวยต้องการให้แน่ใจว่าเขาจะผ่านด่านนี้ไปได้จะให้เขาพึ่งพาโชคได้อย่างไร
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นผ้าเช็ดหน้าที่นางใช้เป็นประจำซึ่งงูขาวเองก็มักมาเกาะทำให้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จึงแปดเปื้อนไปด้วยกลิ่นอายวิญญาณ หมิงเวยถ่ายพลังใส่ไปเพื่อใช้เป็นอาวุธวิเศษชั่วคราว
จี้เสียวอู่ใช้อาวุธวิเศษนี้เพื่อมองเห็นผลลัพธ์ดังกล่าว
สิ่งที่เขาทำนายไม่ใช่โชคชะตาของนักพรตเฒ่า แต่เป็นโชคชะตาของตนเอง หมิงเวยเคยทำนายมาก่อนหน้านี้แล้ว ชีวิตของเขาจะมีความมั่งคั่งไร้กังวล ต่อให้ทำนายได้เพียงผิวเผิน กว้าถ่งก็จะช่วยจัดการได้
ผู้อาวุโสดูออกว่ามีการใช้ลูกเล่นบนผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ซึ่งวิธีการของนางได้ทำลายความยุติธรรม เขาจึงใช้พลังของตนปราบปรามหมิงเวย
คนอื่นเขาปล่อยผ่านไป แต่หากเขาปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ด้วยถือว่าไม่ยุติธรรม ผู้ใดใช้ให้นางทำลายกฎเกณฑ์ก่อนเล่า ตอนนี้ทำได้แค่บังคับให้นางแบกมันไว้ก็เท่านั้น
หมิงเวยถอนสายตาและจับกว้าถ่งไว้แน่น ศิษย์ทั้งสี่แห่งเสวียนตูกวันจ้องมองที่มือของนาง จวินโม่หลีงงงวยเขากระซิบถามเสวียนเฟย “เหตุใดอาจารย์อาต้องทำให้นางลำบากด้วย”
เสวียนเฟยส่ายหน้าส่งสัญญาณว่าอย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้ พลังที่ใช้กดเหรียญทองแดงมากขึ้นเรื่อยๆ จนหมิงเวยแทบจะไม่สามารถพลิกคว่ำได้
ไม่ต้องพูดถึงการทำนายที่แม่นยำเลยแค่กว้าก็อาจจัดการไม่ได้
เมื่อเห็นว่านางไม่ได้ยกกว้าถ่งขึ้นมานานแล้วคนที่ดูก็อดสงสัยไม่ได้
เหวินอิ๋งหัวเราะเยาะ “นางกลัวหรือไง คิดจะทำตัวโดดเด่นแต่ไม่ดูสภาพตัวเอง หรือว่ายอมแพ้เสียแล้ว”
เหวินหรูที่อยู่ข้างกายไม่พูดอะไร แต่นางคิดว่าพี่สามน่าจะผิดหวัง
นักพรตเฒ่ายังคงนิ่งสงบไม่ขยับไปไหนเขาส่งยิ้มให้หมิงเวยราวกับรอให้นางยอมแพ้ด้วยความสมัครใจ
จู่ๆ หมิงเวยก็เงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างสดใส เวลาต่อมาพลังได้หลั่งไหลออกจากฝ่ามือของนางปะทะกับพลังของอีกฝ่าย
เมื่อมาถึงยุคสมัยนี้นางมีความยับยั้งชั่งใจมากพอทุกครั้งที่นางจะทำอะไรต้องมีช่องว่างเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้บ้าง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่นมากเกินไปในเมื่อความยับยั้งชั่งใจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถ้าอย่างนั้นนางจะอาละวาดให้ดู!
ทำลายกฎเกณฑ์แล้วอย่างไรนางมีความสามารถที่จะทำได้แล้วกัน!
ในแง่ของพลังแน่นอนว่านางต้องด้อยกว่านักพรตเฒ่าผู้นี้ซึ่งฝึกฝนมาหลายปี แต่สิ่งที่สามารถทำนายโชคชะตาได้คือการรู้ความลับสวรรค์ซึ่งสิ่งนี้จำเป็นต้องใช้พรสวรรค์ที่ลึกซึ้งกว่านั้น
นางมีชีวิตอยู่ระหว่างหยินและหยางบวกกับการฝึกฝนในชาติก่อนถึงแม้พลังจะไม่เพียงพอ แต่ขอบเขตของนางก็ยังอยู่
ไม่ใช่การทำนายโชคชะตาที่เฉพาะเจาะจงหรอกหรือเหตุใดถึงยากเพียงนี้!
ในตอนนั้นนางติดตามท่านอาจารย์มาที่เสวียนตูกวันเพื่อท้าประลองซึ่งนางยังมีอายุไม่ถึงสิบปีเลย ศิษย์เสวียนตูกวันที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีล้วนพ่ายแพ้ให้กับนาง ตอนนี้นางร่ำเรียนจนสำเร็จวิชาแล้วในนามปรมาจารย์แห่งชีวิตถูกเสวียนตูกวันโจมตีกลับแล้วอย่างไร!
ผู้อาวุโสเลิกคิ้วเขาปล่อยพลังออกมาอีกครั้ง
เมื่อพลังพุ่งเข้าโจมตีดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก จู่ๆ หมิงเวยก็ซัดพลังกลับไป ทั้งสองยังไม่สามารถก่อพลังขึ้นปะทะกันได้ แต่กลับวนเวียนไปมาราวกับกระแสน้ำวน
ด้วยกระแสวังวนเหรียญทองแดงทั้งเจ็ดในกว้าถ่งก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศทันที
ติงๆๆ…เหรียญทองแดงทั้งเจ็ดเหรียญตกลงสู่พื้นทีละเหรียญ เสวียนเฟยและอีกสามคนทอดสายตามองพวกเขานับในใจอย่างเงียบๆ
หนึ่ง สอง สาม…พวกเขาตกใจทุกครั้งที่เหรียญตกลงมา
ใช่ ก็ยังใช่อยู่ ยังใช่อีก…หรือว่านางทำนายได้จริงๆ เหรียญสุดท้ายตกลงสู่พื้น หมิงเวยยิ้มบางๆ นางปล่อยมือจากกว้าถ่ง
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสหายไปเขามองหมิงเวยที่อยู่ตรงหน้าเงียบๆ แล้วถามคำถามนั้นออกไปอีกครั้ง
“แม่นางมาจากสำนักใดงั้นหรือ”
หมิงเวยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ตอนนี้ยังไร้ชื่อ แต่สักวันท่านนักพรตต้องได้ยินชื่อแน่เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสพยักหน้า เขาสะบัดปลายนิ้ว เหรียญทองแดงหนึ่งอันตกลงบนฝ่ามือของหมิงเวย
นางย่อกายทำความเคารพ “ขอบคุณท่านนักพรตเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสโบกมือ “ท่านสมควรได้รับ”
เขามองไปที่เหรียญทองแดงทั้งเจ็ดเหรียญบนพื้นและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งเจอ การตอบคำถามนี้มีอยู่สองวิธีเป็นวิธีที่ใครก็ตามที่ได้เรียนเคล็ดวิชาต่างรู้ดี แต่แม่นางท่านนี้กลับเลือกวิธีที่สาม
นางไม่ได้ตัดการเชื่อมต่อระหว่างเขากับกว้าถ่งและนางก็ไม่ปกปิดความลับสวรรค์
ทางที่นางเลือกก็คือการเปลี่ยนโชคชะตาชั่วคราว
ยากที่จะให้ผู้อาวุโสอธิบายความรู้สึกเมื่อครู่ ในช่วงเวลาที่พลังทั้งสองเผชิญหน้ากัน ร่างกายของเขาก็เบาขึ้นและดวงดาวแห่งโชคชะตามีการขยับเล็กน้อย
ทุกคนมีชะตากรรมของตัวเองซึ่งคนธรรมดาไม่รู้ตัว แต่เสวียนชื่อสามารถสัมผัสถึงมันได้ ดาวแห่งโชคชะตาเปลี่ยนไป ชะตากรรมของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีในช่วงเวลานั้น
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่โต้กลับต่อไปและปล่อยให้เหรียญทองแดงตกลงมา
น่าตกใจมาก
แน่นอนนี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ความมั่นคงของดาวแห่งโชคชะตานั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เวลาที่ตำแหน่งคงอยู่เพียงชั่วครู่จากนั้นก็กลับสู่ตำแหน่งเดิม
แต่ในช่วงพริบตานี้ไม่ใช่สิ่งที่เสวียนชื่อทั่วไปสามารถทำได้
ทั้งเสวียนเฟยและอวี้หยางไม่มีวิธีพิเศษอะไร คนที่โดดเด่นที่สุดในด่านแรกคือสาวน้อยผู้นี้
น่าแปลกจริงๆ สำนักต่างๆ ปรากฏบุคคลเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องได้ทดสอบหมดทุกคนแล้วในที่สุดก็ถึงเวลาของศิษย์ทั้งสี่ของเสวียนตูกวัน
จวินโม่หลีและศิษย์อีกคนทำนายโชคชะตาความมั่งคั่งได้อย่างราบรื่น เมื่อถึงตาของอวี้หยาง ผู้อาวุโสพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและดูค่อนข้างน่าพอใจ เมื่อถึงตาของเสวียนเฟย แววตาของเขาฉายแววสงสัย และเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หมิงเวยที่ผ่านด่านแรกไปได้
หลายคนเลือกวิธีเหมือนกับแม่นางผู้นั้นทุกประการ เมื่อครู่เขาตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างหรือว่าเขาคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม พรสวรรค์ของศิษย์เสวียนเฟยผู้นี้สูงกว่าอวี้หยางแน่นอน!
……………