คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 240 ไม่เจ็บปวด
ไม่มีผู้ใดคาดคิดถึงเรื่องนี้ หมิงเวยไม่เคยแสดงฝีมือวรยุทธ์มาก่อน ทำตัวเหมือนสตรีในห้องหอปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจู่ๆ นางจะเคลื่อนไหว
“หยุดนะ!” อวี้หยางตอบสนองอย่างรวดเร็ว เดิมทีหมิงเวยไม่คิดจะลงมือกับเขา นางจึงเบี่ยงเท้าแล้วเคลื่อนที่ผ่านเขาไป ลูกศิษย์อีกคนก็เข้ามาหยุดนางเช่นกัน
ในตอนนั้นเองเสวียนเฟยก็เคลื่อนไหว เขาช่วยนางหยุดศิษย์คนนั้น
“เสวียนเฟย! ท่านทำอะไรน่ะ” คนผู้นั้นตะโกนขึ้น
เสวียนเฟยไม่พูดอะไรสักคำหลังจากหยุดอีกฝ่ายได้ เขาก็ไปหยุดอวี้หยางการเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วมากจนตอบสนองไม่ทัน หมิงเวยชะงักแล้วใช้โอกาสนี้จับตัวหญิงสาวทันที
“อา! พวกท่านจะทำอะไรน่ะ!” หญิงสาวกรีดร้องพลางกอดเด็กไว้ในอ้อมแขน
เด็กคนนั้นร้องไห้ออกมา คนตัดไม้ดูเหมือนจะได้ยินเสียงร้องและมองไปรอบๆ “ภรรยาข้าคลอดแล้วหรือ ภรรยาข้าๆ!”
ก่อนหน้าพวกเขาเหล่านี้ถึงจะอยู่ห่างกันไม่ไกล แต่ดูเหมือนจะถูกบางสิ่งบางอย่างแยกออกจากกัน ทำให้ไม่พบการดำรงอยู่ของกันและกัน อย่างไรก็ตามในขณะนี้กำแพงกั้นระหว่างคนตัดไม้กับหญิงสาวดูเหมือนจะพังลง
“ภรรยาข้า! ผู้ใดกล้าแตะต้องภรรยาข้า!” คนตัดไม้กระโจนไปข้างหน้าพร้อมกับขวาน “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นอายสกปรกไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา
อวี้หยางลงมือในทันทีเขาหยิบยันต์ออกมาและติดลงบนหัวของคนตัดไม้
“แปะ!” ขวานของคนตัดไม้ยกได้เพียงครึ่งหนึ่งก็หยุดลง ยันต์กลายเป็นพลังเจาะเข้าไปที่กึ่งกลางหน้าผากของเขา เสวียนเฟยหันกลับมาจับตัวหญิงสาว
หญิงสาวตะโกนและกอดรัดเด็กในอ้อมแขนไว้แน่น เด็กร้องไห้เสียงดัง
“หยุดนะ!” อวี้หยางตะโกน “นางจะทำร้ายเด็ก”
ทุกคนหยุดพร้อมกัน
ใบหน้าของหญิงสาวถูกปกคลุมไปด้วยไอสีดำ นางกอดเด็กไว้แน่น ใบหน้าของนางไม่หวาดกลัวอีกต่อไปเหลือเพียงสีหน้าเฉยเมย และแล้วคำถามที่แท้จริงของบททดสอบนี้ก็ถูกเปิดเผยในที่สุด
การหาว่าวิญญาณชั่วร้ายอยู่ที่ไหนนั้นไม่ยากไม่ใช่ว่าพวกเขาควรเลือกที่จะรักษาคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อยไว้ แต่เป็นคำถามที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในนั้น
วิญญาณชั่วร้ายสามารถสลับไปมาระหว่างแม่และลูกได้ตามต้องการซึ่งจะล่ามันได้อย่างไรโดยไม่ทำร้ายร่างกายพวกเขา
นักพรตซีเฉิงยืนสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ อยู่รอบนอก
“แยกตัวพวกเขาออกมาก่อน” จวินโม่หลีพูด “อย่างน้อยก็ต้องรักษาไว้หนึ่งคน”
“ไร้สาระ!” หยางชูมองเขา “เจ้าคิดว่าคนอื่นไม่รู้หรือปัญหาคือจะแยกออกมาอย่างไร”
เสวียนเฟยเลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “พวกเขาแม่ลูกมีความเชื่อมโยงกันทางสายเลือด ดังนั้นพวกเขาจึงผูกกันด้วยจิตวิญญาณชั่วร้ายเว้นเสียแต่การเชื่อมต่อทางสายเลือดระหว่างพวกเขาจะขาด…”
แล้วจะทำอย่างไรพวกเขารู้สึกสับสน หากนี่เป็นปัญหาที่ง่ายต่อการจัดการ นักพรตซีเฉิงคงไม่ปล่อยปัญหานี้มาจนถึงตอนนี้
ในที่สุดจี้เสียวอู่ก็รู้ว่าที่ท่านพ่อด่าเขาว่าบุ๋นก็ไม่เป็นบู๊ก็ไม่ได้นั้นถูกต้องเพียงใด ในตอนนี้เขาเป็นเพียงสิ่งของประดับที่ไม่มีประโยชน์ หากนึกอะไรไม่ได้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตามสองอย่างนี้ก็เหมือนกัน!
มนุษย์ หากไม่สามารถทำอะไรได้ก็ไร้ประโยชน์…
หมิงเวยพูดกระซิบกับเขา “พี่ห้า”
จี้เสียวอู่เงยหน้าขึ้น “อา”
“ท่านกลัวการถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงหรือไม่”
จี้เสียวอู่ผงะหมายความว่าอย่างไรกัน
“ข้ามีวิธีดึงวิญญาณร้ายนี้ออกมาได้ แต่จำเป็นต้องมีเหยื่อ แต่การเป็นเหยื่อมีความเสี่ยงท่านลองพิจารณาดู”
จี้เสียวอู่ตอบกลับอย่างไม่ลังเล “ไม่ต้องพิจารณาอะไรแล้ว เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร”
หมิงเวยยิ้ม “ท่านจำสิ่งที่คนตัดไม้พูดได้หรือไม่ พวกเขามีลูกสาวชื่อเสี่ยวอิง ท่านแกล้งเป็นเสี่ยวอิงบุตรสาวของนาง และดูว่าร่างกายของนางสามารถล่อลวงได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็กอดนางไว้ให้แน่น”
จี้เสียวอู่งงงวย “ให้ข้าสวมรอยเป็นบุตรสาวของนาง แต่ข้าเป็นชายนะ!”
“ไม่เป็นไร เมื่อถูกวิญญาณร้ายครอบงำจิตสำนึกของตนเองอยู่ระหว่างความจริงกับความเท็จ หากท่านแสดงสมจริงนางแยกไม่ออกหรอก”
จี้เสียวอู่กัดฟัน “ได้!”
เขาวิ่งออกไปและตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านแม่!”
หญิงสาวที่ถูกตะโกนเรียกชะงักแววตาของนางดูสับสนไปชั่วขณะ
“ท่านแม่ นี่ลูกเองเสี่ยวอิง!”
“….” เสวียนเฟยและคนอื่นๆ ตกตะลึง ส่วนหยางชูถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
จี้เสียวอู่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรและก้าวเข้ามาใกล้อีกฝ่าย “ท่านแม่ ท่านจำลูกไม่ได้หรือ ลูกเสี่ยวอิงไง! เหตุใดท่านแม่ถึงทิ้งลูก ท่านแม่ไม่มาหาลูก ลูกตามหาพวกท่านด้วยความยากลำบาก!”
หญิงสาวพึมพำ “เสี่ยวอิง…”
“ใช่! ท่านแม่ กอดข้าหน่อย” จี้เสียวอู่สบตานางด้วยความแน่วแน่และเดินไปหาช้าๆ “ลูกคิดถึงพวกท่านมาก! พวกท่านไปอยู่ที่ไหนมา เพราะมีน้องชายแล้วพวกท่านถึงไม่ตามหาข้าใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่!” หญิงสาวปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ
ในตอนนั้นเองจี้เสียวอู่ก้าวไปข้างหน้าและคว้ามือของนางอย่างรวดเร็ว “ดีจังเลย! ท่านแม่ หลังจากนี้พวกเราอยู่ด้วยกันนะ!” คนอื่นเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน
อวี้หยางคว้าเด็กออกมาส่วนเป้าหมายของเสวียนเฟยคือมืออีกข้างของหญิงสาว
หยางชูขยับตัวเช่นกันเขากระโดดไปทางด้านหลังของหญิงสาว
หมิงเวยก้าวไปข้างหน้าในเวลาเดียวกันเป้าหมายของนางไม่ใช่หญิงสาวหรือเด็ก แต่เป็นจี้เสียวอู่
“พี่ห้า! เรียกพลังออกมา!”
จี้เสียวอู่เรียกพลังอันน้อยนิดของตนเองทันที หลังจากนั้นเขาสังเกตเห็นพลังสองสายกำลังพุ่งเข้ามาในร่างกายของเขา หนึ่งสายมาจากหมิงเวย อีกหนึ่งสายมาจากตัวหญิงสาว
พลังทั้งสองสายปะทะกันในร่างกายของเขาและเริ่มโรมรันกันทันที
อวี้หยางถือโอกาสนี้คว้าเด็กออกมา เสวียนเฟยจับมืออีกข้างของหญิงสาวมองไปที่หมิงเวย เมื่อเห็นว่าผิวของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงโพล่งออกมาว่า
“ร่างกายของนางอยู่ระหว่างหยินหยาง เร็วเข้า!”
จวินโม่หลีและคนอื่นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่ต้องให้เขาพูดอะไรมาก พวกเขาก้าวไปข้างหน้าและถ่ายพลังเข้าไปในร่างกายของหญิงสาว
ภายใต้ความร่วมมือกันพลังชั่วร้ายค่อยๆ เข้าสู่ร่างกายของจี้เสียวอู่
จี้เสียวอู่เป็นบุรุษที่ยังบริสุทธิ์มีพลังหยางเป็นของตัวเอง ในยามที่พลังนั้นไหลเข้าร่างกายของเขาก็ถูกเผาผลาญออกไปทีละนิดจากนั้นก็ถูกหมิงเวยดึงออกมาช้าๆ
นางมีชีวิตระหว่างหยินกับหยางซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดจิตวิญญาณที่เป็นหยินโดยเนื้อแท้ วิญญาณชั่วร้ายนั้นถูกนางลากเข้าร่างทีละเล็กทีละน้อย หญิงสาวหลับตาลงและสลบไปในที่สุด
หมิงเวยงอนิ้วและบังคับให้วิญญาณชั่วร้ายมาอยู่บนฝ่ามือซ้ายของตนและผนึกมันไว้ มีไอสีดำลอยอยู่ในมือซ้ายของนางอย่างเห็นได้ชัด มือของนางบวมหนักจนไม่สามารถอธิบายได้
นักพรตซีเฉิงถอนหายใจเงียบๆ เขาหยิบอาวุธวิเศษออกมาและคนเหล่านี้ก็หายไปทันที เขาหยิบกระเป๋าผ้าออกมาพันมือซ้ายของหมิงเวยและเฉือนข้อมือนางด้วยกริช
เลือดหยดลงในกระเป๋าผ้าไอสีดำถูกดูดเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่นานฝ่ามือของนางก็หายบวม
นักพรตซีเฉิงเก็บกระเป๋าผ้ากลับไปและหยิบยาออกมาสองขวด “สีขาวสำหรับทาภายนอก สีดำเอาไว้ทาน” แล้วเขาก็มองจี้เสียวอู่ “ยาสำหรับทานให้เขาทานหนึ่งเม็ดด้วย”
หมิงเวยกล่าวขอบคุณ จวินโม่หลีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
ยาของอาจารย์อาซีเฉิงยอดเยี่ยมมาก! แม้จะได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ก็ไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิด!
รอหมิงเวยรักษาบาดแผลเสร็จ นักพรตซีเฉิงก็พูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าพวกท่านจะแก้ปัญหานี้ได้ ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สามารถทำเช่นนั้นได้ ยามเผชิญหน้ากับวิญญาณชั่วร้าย พวกท่านมีท่าทางที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกคนต่างยังนึกถึงเป้าหมายเดิมเพราะฉะนั้นพวกท่านทุกคนผ่านด่านนี้ ข้าจะไม่ประกาศผล หากมีคนผ่านการทดสอบสุดท้ายในเวลาเดียวกัน ข้าจะตัดสินอีกครั้ง”
…………