คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 261 โอกาส
เจียงเชิ่งไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้จะประกาศพระราชโองการได้รวดเร็วฉับไวเช่นนี้
แต่อวี้หยางมาหาเขาด้วยความตื่นตระหนกอีกครั้ง “ไท่จื่อๆ!”
เจียงจื่อโกรธจนอยากจะเตะอีกฝ่าย “เหตุใดเจ้าถึงวิ่งมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ต้องการให้ร้ายข้าหรือ”
อวี้หยางรีบขออภัย “กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมไม่ใจร้อนไม่ได้! ไท่จื่อ ฝ่าบาทประกาศพระราชโองการให้เสวียนเฟยสืบทอดตำแหน่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เจียงเชิ่งพูดอย่างเย็นชา “สืบทอดก็สืบทอดสิ ก็แค่เจ้าสำนักเล็กๆ มีอะไรยอดเยี่ยมกัน”
เขาน่ารำคาญจริง! อวี้หยางผู้นี้เป็นคนไร้ประโยชน์โดยแท้
พูดตามตรงตำแหน่งเจ้าสำนักในเสวียนตูกวันไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลย หากทำให้อวี้หยางสามารถนั่งตำแหน่งนี้ได้ก็จะมีคนมากมายที่คอยช่วยเขาพูดต่อหน้าเสด็จพ่อ แต่เสวียนเฟยกลับได้รับตำแหน่ง สำหรับเขาแล้วไม่เสียหายอะไร รอให้เขาได้รับตำแหน่งเสวียนเฟยคงไม่คิดทำอะไรเขาใช่หรือไม่
สิ่งที่เขากลัวคือเรื่องที่เขาทำไว้ก่อนหน้านี้!
ให้อวี้หยางเป็นพยานว่าหยางชูคือดาวมาร แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างดูสงบเช่นนี้ อีกทั้งยังได้ยินว่าทั้งสองคนทะเลาะกันจนเสด็จพ่อเรียกทั้งสองไปสอบถามกลับกลายเป็นว่าเรียกแค่เสวียนเฟยเข้าพบ ไม่เรียกอวี้หยางเข้าพบด้วย
หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าพระองค์ไม่เชื่อใจในตัวอวี้หยาง!
ในเมื่อไม่เชื่อใจแล้วคิดว่าเรื่องนี้น่าสงสัยหรือไม่ หากเสด็จพ่อรู้ว่าเขาเป็นคนสั่งให้อวี้หยางพูดเช่นนั้น….
เจียงเชิ่งหนาวจนตัวสั่นระริกเขาทั้งกลัวทั้งแค้นในใจ แม้แต่เรื่องดาวมารยังไม่ทำให้เสด็จพ่อสงสัยในตัวเด็กคนนั้นมากขึ้น ในใจเสด็จพ่อเด็กคนนั้นควรค่าในการให้ความเชื่อถือเพียงนั้นเลยหรือ
“ไท่จื่อ!” อวี้หยางตกตะลึง “กระหม่อมพูดเช่นนั้นไปก็เพื่อไท่จื่อนะพ่ะย่ะค่ะ! กุเรื่องโกหกขึ้นมาทั้งที่ไม่มีมูลความจริงแล้วโยนความผิดให้ผู้อื่น! พระองค์จะไม่สนใจเรื่องนี้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงเชิ่งกำลังจะพูด แต่จู่ๆ ทหารองครักษ์ด้านนอกก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“ฮ่องเต้เสด็จ!”
เจียงเชิ่งตกใจเขารีบเดินออกไปโดยไม่สนใจอวี้หยาง
ฮ่องเต้เสด็จมาถึงแล้วพระองค์กวาดตามองอวี้หยางที่อยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าไม่แยแส “ที่แท้นักพรตอวี้หยางและไท่จื่อสนิทสนมกันเช่นนี้เป็นเจิ้นที่ประมาทเลินเล่อเอง”
เจียงเชิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อคำนับ “คารวะเสด็จพ่อ หากเสด็จพ่อมีเรื่องอะไรขอแค่เรียกลูกจะไปหาทันทีเหตุใดถึงได้มาด้วยพระองค์เองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้นั่งลงและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจิ้นกลัวละอายใจ! หากไม่มาด้วยตนเองจะให้ผู้อื่นรู้เรื่องดีๆ ที่เจ้าทำงั้นหรือ”
คำพูดที่ไม่มีความเกรงใจทำให้เจียงเชิ่งรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เสด็จพ่อ!”
แววตาของฮ่องเต้เย็นชาพระองค์มองอวี้หยาง “ท่านนักพรตกลับไปก่อนเถิด ให้พ่อลูกคุยกันเสียหน่อย”
อวี้หยางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร เดิมทีเขาคิดว่าตนเองจบสิ้นแล้ว ฮ่องเต้ให้เขาออกไปหมายความว่าตนรอดพ้นแล้ว “กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบก็เดินออกไปเมื่อพ้นประตูเขาก็รีบวิ่งหนี ฮ่องเต้มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายก็แค่นหัวเราะแล้วหันมามองไท่จื่อด้วยสายตาดูถูกราวกับจะพูดว่านี่หรือคนที่เจ้าเลือก
เขาส่งสัญญาณทางสายตาว่านต้าเป่าจึงกล่าวว่า “ฝ่าบาทมีเรื่องจะคุยกับไท่จื่อ คนไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด!”
เมื่อจัดการไล่คนของไท่จื่อออกไปหมดแล้วว่านต้าเป่าเองก็พาตนเองออกไปเช่นเดียวกันเขาจัดการปิดประตูเสียงเบา
หัวใจของเจียงเชิ่งเย็นเยียบเขามองฮ่องเต้อย่างประหม่าและเอ่ยเรียก “เสด็จพ่อ” เสียงแผ่วเบา
สีหน้าของฮ่องเต้มืดครึ้มพระองค์มองเขาด้วยสายตาเย็นชาเมื่อเห็นเช่นนั้นเจียงเชิ่งจึงนั่งลงคุกเข่าดัง ‘ตุบ’ และก้มหน้าลง
ฮ่องเต้ถอนหายใจความผิดหวังที่ไม่อาจบรรยายได้ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา “เจ้าคิดว่าตนเองเหมือนรัชทายาทตรงไหนกัน เจิ้นยังไม่ทำอะไรเจ้าก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วฉับไวรู้หรือไม่ว่าตนเองผิด”
เจียงเชิ่งก้มหน้าไม่พูดอะไรสีหน้าของฮ่องเต้มืดมนพระองค์ตะคอกเสียงดัง
“ตอบ! เวลานี้จะมาแสร้งเป็นใบ้ทำไม!”
เจียงเชิ่งเปิดปาก “ลูก…”
ฮ่องเต้กุมหน้าผากพระองค์รู้สึกปวดพระเศียรอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ก่อนที่อวี้หยางมาหาเจิ้นเขาไปหาเจ้าก่อนใช่หรือไม่”
เจียงเชิ่งก้มหน้ายอมรับด้วยความจำนน “เหตุใดต้องทำร้ายเขาด้วย” เจียงเชิ่งก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม
ฮ่องเต้คว้าถ้วยน้ำชามาทุบจนแตก “เหตุใดตอนนี้ถึงไม่กล้าพูด เจิ้นไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าถึงเพียงนี้! ใช้ประโยชน์จากเรื่องดาวมารมากำจัดเสี้ยนหนาม! หากเจิ้นเชื่อว่าเขาเป็นดาวมารตัวจริง เจิ้นจะกลายเป็นนักโทษแผ่นดินต้าฉีเจ้ารู้หรือไม่!”
เจียงเชิ่งตกใจ “ลูกไม่ได้หมายความเช่นนั้นลูกแค่…”
“แค่อะไร” ฮ่องเต้มีสีหน้าบูดบึ้ง “เหตุใดต้องใส่ร้ายเขาด้วย พูด!”
ผ่านไปสักพักเจียงเชิ่งตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เพราะ…ลูกอิจฉา”
ฮ่องเต้หรี่ตา
ในเมื่อพูดออกไปแล้วเจียงเชิ่งก็ไม่คิดซ่อนความรู้สึกอีก “ลูกอิจฉาเขา อิจฉาที่เขาได้ใจเสด็จพ่อได้ง่าย อิจฉาที่เขาอยู่ใกล้เสด็จพ่อตลอดเวลา เสด็จพ่อ นานแค่ไหนแล้วที่ท่านไม่เรียกลูกเป็นการส่วนตัวไม่เสวยพระกระยาหารร่วมกัน แม้แต่ความเห็นของลูกเสด็จพ่อก็ไม่ได้ตั้งใจฟังลูกมานานแล้ว…”
ฮ่องเต้ตกใจ
เจียงเชิ่งเงยหน้าขึ้นดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง “แต่เรื่องนี้สำหรับเขากลับได้มาอย่างง่ายดาย! เพราะเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะลูกไม่ใช่ลูกคนโปรดของเสด็จพ่ออีกต่อไปแล้วหรือ เพราะมีเขาเสด็จพ่อก็ไม่ต้องการลูกแล้วหรือ”
เจียงเชิ่งซ่อนใบหน้าของตนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ตั้งแต่เสด็จแม่จากไป ลูกรู้สึกเหมือนสูญเสียเสด็จพ่อไปในเวลาเดียวกัน เสด็จพ่อไม่ใกล้ชิดลูกอีกต่อไป ไม่สอนการเมืองลูกด้วยตนเองอีกต่อไป เสด็จพ่อ…หากท่านไม่ต้องการลูกแล้ว เหตุใด…”
ประโยคสุดท้ายเจียงเชิ่งระงับเอาไว้ ผ่านไปนานเขาได้ยินเสียงถอนหายใจของฮ่องเต้
“เจิ้นผิดหวังกับเจ้ามาก” เขาได้ยินฮ่องเต้พูดทีละคำ ใจของเจียงเชิ่งเย็นเยียบและจมดิ่งลงอีกครั้ง
ในที่สุดก็หาเหตุผลถอดตำแหน่งไท่จื่อออกแล้วใช่หรือไม่ แต่ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรฟื้นสถานะของเด็กคนนั้น บุตรนอกสมรสที่ไม่มีการบันทึกในแผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ถึงบอกว่าเขาเป็นสายเลือดในราชวงศ์แต่เหล่าขุนนางจะแน่ใจได้อย่างไรกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นเสด็จพ่อต้อง…
“เจ้าที่ต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่กลับอิจฉาลูกขุนนางคนหนึ่งยังมีความเป็นสายเลือดราชวงศ์อยู่หรือไม่”
ขุนนาง เสด็จพ่อว่าอย่างไรนะ
เจียงเชิ่งเงยหน้าขึ้นเห็นแววตาที่ฮ่องเต้มองมายังเขาถึงแม้แววตาจะไร้ความเมตตาอ่อนโยน แต่ก็ไม่ได้มีแววตารังเกียจอย่างที่เขาคิด
ฮ่องเต้มองเขาด้วยสายตาเย็นชาเหมือนดั่งเช่นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา “อันที่จริงเจิ้นไม่มาก็ได้ เพียงแค่จดจำเรื่องที่เจ้าทำเอาไว้และรอจนกว่าทนไม่ไหว จากนั้นจัดการเปลี่ยนตัวไท่จื่อก็ย่อมได้ อย่างไรซะเจิ้นก็ไม่ได้มีเจ้าเป็นบุตรชายแค่คนเดียว”
เป็นเช่นนี้หรือ
แต่คำพูดที่ฮ่องเต้พูดต่อมานั้นเกินความคาดหมายของเขา “แต่ที่เจิ้นตัดสินใจมา เพราะถึงบุตรของเจิ้นจะมีไม่น้อย แต่เจิ้นคิดถึงเจ้ามากที่สุดถึงอย่างนั้นจะไม่ลงโทษโดยไม่สั่งสอนเลยคงไม่ได้”
เสด็จพ่อพูดว่าอะไรนะ
“เจ้าฟังไม่ผิดหรอกเจิ้นไม่เคยละทิ้งความคิดเห็นของเจ้า แต่เจ้าไม่ควรทำเรื่องเกินความจำเป็น เจ้าเป็นรัชทายาทจะไปแข่งกับลูกขุนนางทำไมกัน หลายปีมานี้เจิ้นเห็นว่าเจ้าเติบใหญ่แล้ว ไม่ต้องสนใจอะไรมาก แต่เจ้าควรก้าวหน้ากว่านี้! เรียนรู้วิธีจัดการบ้านเมืองกับผู้อาวุโสทั้งหลาย สร้างชื่อเสียงให้ตนเองเพื่อที่จะได้ไม่สูญเสียอำนาจในอนาคต” สีหน้าของเจียงเชิ่งมีความสงสัย
เสด็จพ่อพูดว่าอะไรนะ เขา…
ฮ่องเต้เห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งผิดหวัง แต่พระองค์ก็พูดประโยคสุดท้ายออกไปว่า “เรื่องนี้ถือว่าจบไปเจิ้นจะไม่เอาความ แต่เจ้าจงจำไว้ว่าเจิ้นจะให้เจ้าจำเรื่องนี้ หากวันใดทำเรื่องโง่ๆ ขึ้นมาอีกถือว่ามีโทษสองความผิด! นี่เป็นโอกาสสุดท้าย จงเก็บไว้ให้ดี!”
พูดจบพระองค์ก็เสด็จออกไป ทิ้งเจียงเชิ่งที่ตัวแข็งค้างไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ เขาก็กระโดดตัวลอยด้วยความดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง
…………