คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 287 คุ้มกันฮ่องเต้
เมื่อองครักษ์ออกไปเจี่ยงเชิ่งเดินไปรอบๆ กระโจมด้วยความตื่นเต้น
เขาเดินไปพูดกับเหวินยวนไปว่า “เจ้าได้ยินหรือไม่ เด็กนั่นโกรธมากจนเตะอาสวนออกไปข้างนอก! ฮ่าๆๆ ข้าเพิ่งพูดว่ากุ้ยเฟยจะให้เขาแต่งงานกับบุตรสาวนักโทษได้อย่างไรอีกทั้งนางยังหมั้นหมายแล้วด้วย! เขาไม่ใส่ใจ แต่กุ้ยเฟยใส่ใจ! ”
เหวินยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ที่พระองค์ตรัสมาก็ถูก ดูเหมือนว่างานแต่งของคุณชายสามตระกูลหยางจะต้องเลื่อนออกไป”
“น่าเสียดายจริงๆ!” เจียงเชิ่งส่ายหน้า “เดิมทีข้าคิดจะจับคู่น้องหญิงสี่ให้เขา แม้เขาจะมีหลายเรื่องที่ไม่น่าพอใจแต่ก็ยังไร้พันธะ อย่างไรก็ไม่กล้ารังแกน้องหญิงสี่หรอก แต่ตอนนี้คงทำได้เพียงพักเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว”
เหวินยวนตกใจ “ไท่จื่อ ท่าน…”
เขารู้ว่าเจียงเชิ่งเกลียดหยางชูมากแค่ไหน แต่การให้เหวินหรูออกเรือนกับหยางชูนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน
เจียงเชิ่งเห็นท่าทีสงสัยของเขาจึงเรียกให้เขานั่งลงข้างกาย และอธิบายให้ฟังด้วยความจริงใจว่า “เด็กนั่นแม้จะมีนิสัยที่น่ารำคาญ แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เกิดเรื่องนั้นกับน้องหญิงสี่ทำให้หาคู่ครองได้ยาก ข้าเองก็คิดเรื่องนี้อยู่นานก่อนจะนึกถึงเขา ตราบใดที่เขาไม่ก่อเรื่องและยังเห็นแก่หน้าของผู้เป็นน้าก็ทำให้เขาร่ำรวยไปตลอดชีวิต สำหรับน้องหญิงสี่แล้วถือเป็นการแต่งงานที่ดี”
เหวินยวนรู้สึกเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ “ไท่จื่อคิดแทนพวกเรา เรื่องของน้องสี่พวกเรารู้สึกเจ็บปวดมาก การให้ออกเรือนกับตระกูลที่ต่ำกว่ารู้สึกไม่เป็นธรรมต่อนาง แต่ก็หาบุรุษที่เหมาะสมจากตระกูลที่สูงกว่าไม่เจอ”
เจียงเชิ่งตบไหล่เขา “พวกเราเป็นอะไรกัน ใต้หล้านี้นอกจากเสด็จพ่อแล้ว ยังมีครอบครัวของท่านตาที่สนิทกับข้าที่สุด ข้าจะไม่คิดถึงพวกเจ้าได้อย่างไร”
เหวินยวนรู้สึกขอบคุณและแสดงความภักดีต่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เจียงเชิ่งนั่งฟังพลางคิดในใจว่าเสียดายที่หยางชูก่อเรื่องเช่นนั้นออกไป เรื่องแต่งงานจึงไม่ควรพูดถึงในตอนนี้ มิฉะนั้นการให้น้องหญิงออกเรือนกับเขาถือเป็นเรื่องดี ในเมื่อสามารถแก้ปัญหาตระกูลเหวินได้แถมยังจัดการเด็กนั่นได้อีกด้วย เรียกได้ว่าได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาพูดอีกว่า “ความจงรักภักดีของพี่ใหญ่กับท่านลุง ข้าสัมผัสได้ แต่เรื่องไท่จื่อเฟยนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญมาก ใช่ว่าข้าไม่อยากเกี่ยวดองกับตระกูลเหวิน แต่เสด็จพ่อกับขุนนางไม่อนุญาตให้ฮองเฮาสองรุ่นมาจากตระกูลเดียวกันจึงทำได้เพียงรู้สึกผิดต่อพวกเจ้ารอให้กำหนดไท่จื่อเฟยได้เมื่อไร ข้าจะรับน้องหญิงคนหนึ่งเข้ามา”
เมื่อไท่จื่อพูดถึงเรื่องนี้เหวินยวนก็เข้าใจได้ทันที ตำแหน่งไท่จื่อเฟยตระกูลเหวินคงไม่มีหวังแล้วจริงๆ เขาถอนหายใจเหตุผลนี้เขารู้อยู่แล้วอีกทั้งเคยพูดกับคนในตระกูลแล้วด้วย แต่ท่านพ่อและคนอื่นๆ ยังมีความคาดหวัง
ไท่จื่อเองก็ลำบาก! พระองค์ไม่ต้องการให้ตระกูลของท่านตาผิดหวัง แต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อฝ่าบาทและขุนนางได้
เหวินยวนพูด “ไท่จื่อโปรดวางพระทัยกระหม่อมจะไปอธิบายให้ท่านพ่อและทุกคนทราบอย่างแน่นอน ให้พวกท่านเข้าใจในเจตนาของไท่จื่อจะไม่ให้พระองค์ลำบากพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงเชิ่งพยักหน้าด้วยความพอใจแม้ตระกูลเหวินจะไม่ธรรมดา แต่ตนชอบเหวินยวนผู้เป็นพี่ใหญ่ผู้นี้มาก ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ก็มีเสียงดังอยู่ข้างนอก
เจียงเชิ่งแปลกใจ “เวลานี้ผู้ใดมาส่งเสียงดังอะไรกันไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของเสด็จพ่อหรืออย่างไร”
เหวินยวนคิดจะออกไปดู แต่ก็ได้ยินเสียงร้อนรนดังมาจากนอกกระโจมว่า “ไท่จื่อ ซิ่นอ๋องต้องการเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงเชิ่งตกใจ “น้องรองงั้นหรือ”
ม่านถูกเลิกขึ้นซิ่นอ๋องเจียงเฉิงที่เหงื่อเต็มหน้าผากสีหน้าดูมีความกังวลใจ เมื่อเขาเข้ามาก็ตะโกนขึ้นว่า “พี่ใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว!”
เจียงเชิ่งถาม “เกิดอะไรขึ้น น้องรองรีบเช่นนี้หรือว่าเสด็จพ่อ…”
“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!” เจียงเฉิงคว้ามือของเขา “ข้าเพิ่งไปพบเสด็จแม่ พบว่าด้านนอกเกิดความวุ่นวายดูเหมือนจะมีการลอบสังหาร พี่ใหญ่ ข้าพาคนมาที่นี่เพื่อมาคุ้มกันด้านนอกท่านอย่าออกไปเด็ดขาด สถานะของท่านกับเสด็จพ่อสำคัญมาก พวกท่านจะต้องห้ามเป็นอันตรายใดๆ”
เหวินยวนเป็นกังวล “ไท่จื่อ กระหม่อมจะไปเรียกทหารรักษาพระองค์มาที่นี่”
เจียงเชิ่งเองก็เห็นด้วย แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
หลังจากเหตุการณ์ที่เสวียนตูกวัน เสด็จพ่อมาเตือนเขาและบอกว่าอย่าทำอะไรที่ไม่จำเป็น
ตั้งแต่นั้นมาเจียงเชิ่งก็ทำตัวซื่อสัตย์มาโดยตลอด หนึ่ง เขามั่นใจว่าฮ่องเต้ไม่มีเจตนาที่จะถอดถอนตำแหน่งไท่จื่อซึ่งเขาก็โล่งใจ สอง เขารู้ว่าฮ่องเต้ไม่พอใจกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขามากดังนั้นเขาจึงทำตัวซื่อสัตย์ให้ตนเป็นที่โปรดปราน
ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ว่ากันว่าเพื่อนในยามยากคือเพื่อนแท้ ถ้าเขาแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ไท่จื่อในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เสด็จพ่อคงประทับใจมากเรื่องที่เขาทำก่อนหน้านี้ก็จะถูกลบไปโดยปริยาย
นอกจากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเสด็จพ่อ ตัวตนของเขาก็จะโดดเด่นและข้าราชบริพารจะสนับสนุนเขาโดยไม่มีเงื่อนไข…
เมื่อคิดเช่นนั้นเจียงเชิ่งก็รู้สึกดีใจจนตัวลอย
เขารั้งเหวินยวนไว้ “รีบไปเรียกทหารรักษาพระองค์ฝั่งตงกงมาพวกเราจะไปคุ้มกันฝ่าบาท!”
เหวินยวนตกใจ “ไท่จื่อ!”
“เร็ว!” เจียงเชิ่งเร่งเสียงเข้ม “เกิดเรื่องกับเสด็จพ่อ ข้าในฐานะบุตรชายจะให้นั่งปกป้องตัวเองอยู่เฉยๆ งั้นหรือ รีบถ่ายทอดคำสั่งซะ”
เหวินยวนคิดตามแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผลจึงตอบรับคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ”
เจียงเชิ่งหันกลับมาคว้ามือเจียงเฉิงและพูดด้วยความจริงใจ “น้องรอง พี่ต้องไปคุ้มกันเสด็จพ่อ พี่ขอยืมทหารของน้องได้หรือไม่เจ้ารออยู่ที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายเถอะ”
ตอนแรกเจียงเฉิงดีใจมาก แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อและก่นด่าในใจ ยืมทหารของเขาไปคุ้มกันฝ่าบาทแล้วให้ตนรออยู่ที่นี่ โชคดีที่เขาคิดได้! หากมีคนคิดร้ายต่อไท่จื่อจริงๆ ตนไม่ตายแทนเขาหรืออย่างไร
นิสัยเห็นแก่ตัวนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่เด็กจริงๆ!
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่พูดอะไรน่ะ ทหารของข้าเดิมทีก็มาที่นี่เพื่อคุ้มกันท่าน หากพี่ใหญ่ต้องการก็เอาไปเถอะ”
เจียงเชิ่งพยักหน้าขอบคุณ “น้องรองวางใจได้ พี่จะจำไว้” พูดจบเขาก็เดินออกจากกระโจมเพื่อนำคนออกไป
สีหน้าของเจียงเฉิงมืดครึ้มลง
…………
หยางชูสวมชุดเกราะของหน่วยทหารรักษาพระองค์และลาดตระเวนค่ายด้วยกันกับอาสวน เขามีบางอย่างในใจ ดวงตาของเขามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตัวเป็นพิเศษ
การจัดวางกำลังป้องกันภายในค่ายไม่มีข้อบกพร่องอะไร ดูเหมือนว่าจุดทะลุทะลวงคือพ่อมดคนนั้น
ไม่รู้ว่าเขาใช้ไสยศาสตร์อะไร
อาสวนเห็นคนนำผ้าใบชุบน้ำมันออกมาราวกับว่ากำลังจะผูกอะไรบางอย่าง จากนั้นก็โบกมือมาทางด้านนี้
เขาพูดเสียงกระซิบ “แม่นางหมิงเข้าประจำที่แล้วขอรับ”
หยางชูครางรับด้วยความไม่สบายใจแล้วหันหน้าไปดูการจัดวางกำลังป้องกันอีกด้านหนึ่ง
เขาไม่ได้พบหมิงเวยเลยตั้งแต่ได้รับข่าว เดิมทีเขาควรพบนางเป็นคนแรกเพื่อพูดเรื่องนี้ให้แน่ใจ
แต่…อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากพบ
เมื่อตระหนักถึงสถานการณ์ของเขา เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่พูดเรื่องเหล่านั้นกับนาง แบบนั้นไม่เป็นการลากนางมาลงหลุมด้วยกันหรอกหรือ
เขานึกไม่ออกว่าตนเองจะทำอะไรได้อีก อย่างที่อาหว่านบอกถ้าอยากออกจากสถานการณ์ที่น่าอับอายนี้เขาจะต้องหนีไปให้ไกล แต่ตอนนี้เขาสามารถทำได้งั้นหรือ
นอกจากนี้นางไม่คิดที่จะจากไปไหนนางกลับย้อนเวลามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อสนุกกับชีวิต แต่เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของประวัติศาสตร์ หากนางไม่ไปเขาก็จะไม่ไปไหนแน่นอน
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเขาปลอบตนเอง
นางเป็นปรมาจารย์แห่งชีวิตนางกลับมาพร้อมกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ แม้เป้าหมายจะสำเร็จแต่ก็ไม่ได้รับการยกย่องใดๆ นางทำได้แล้วทำไมตนเองจะทำไม่ได้เล่า
ท่านย่าก็สอนเขามาแบบนี้เช่นกัน!
“คุณชาย!” จู่ๆ อาสวนก็เรียกเขา “มีบางอย่างเคลื่อนไหวขอรับ!”
………