คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 317 ผิดหวัง
ภายในความมืดใบหน้าของหยางชูร้อนจนแทบระเบิด
เขาอ้าปาก “ท่าน…” จากนั้นก็ไปต่อไม่ถูก
หมิงเวยที่สงสัยในตอนแรกว่าตำแหน่งของสิ่งนั้นแปลกเกินไป หรือว่าเขาวางกระบี่ไว้ใต้เก้าอี้หรือ ยิ่งพอจับดูแล้วยิ่งไม่เข้าใจเหตุใดสิ่งนั้นถึงดูอุ่นๆ กัน
อีกอย่างใบหน้าของหยางชูแดงเช่นนี้ เขาหายใจแรงตัวสั่นงันงกเมื่อรู้สึกถึงมือของนางที่ลูบคลำตั้งแต่หัวจรดปลาย…
จู่ๆ หมิงเวยที่สัมผัสถึงช่วงล่างก็เข้าใจขึ้นมาแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร
หืม…มีช่องว่างระหว่างทฤษฎีกับความเป็นจริง…นางตอบสนองด้วยการวัดขนาดอย่างว่องไว…
จากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ในหนังสือเขียนว่าอะไรนะ นี่มันดูมากเกินไปเล็กน้อย!
“ท่าน…นี่ท่าน” หยางชูรู้สึกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิด ทุกเส้นประสาทแทบจะขาดผึง เขารู้สึกเขินมากอยากดันมือของนางออก แต่ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้ก็แอบหวังให้นางทำต่อไป
ในที่สุดสติของเขาก็กลับมาหยางชูจับมือนางออกไปอย่างยากลำบาก
หมิงเวยรู้สึกเสียดายเล็กน้อยนางอยากสำรวจให้แน่ใจเสียก่อน!
หลังจากคิดเช่นนี้นางก็ถูกเขากอดอย่างกะทันหัน เขากอดนางแน่นมาก
นางอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เขาควบคุมนางไม่ให้เคลื่อนไหวไม่กล้าให้นางแตะต้องสิ่งที่ไม่ควรแตะต้องอีก
แต่การยับยั้งเรื่องนี้ที่ไม่มีการยั่วยวนมาก่อนจึงต้องอดทนอดกลั้นต่อไป ตัวจริงที่มีชีวิตอยู่ข้างกายเขา แม้ความฝันที่สวยงามที่สุดเขาก็ยังไม่กล้าที่จะไปถึงระดับนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะระงับมัน
หยางชูเวียนหัวเขาใช้ความตั้งใจทั้งหมดของตนระงับจิตใจของตนเอง
หมิงเวยได้ยินการหายใจของเขาหนักขึ้นเหงื่อไหลรดบนลำคอของนางดูเหมือนเขาจะทรมานมาก…
นางกอดเขาไว้ครู่หนึ่ง และจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นพูดข้างหูเขาว่า “ให้ข้าช่วยดีหรือไม่”
หยางชูชะงักไปชั่วขณะลมหายใจของนางรินรดข้างหูเขารู้สึกชาจนตัวสั่น เนื้อหาของคำพูดนั้นทำให้เขาคิดไปไกลจนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เขาถามด้วยความยากลำบาก “ท่าน…รู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้สิ” หมิงเวยตอบอย่างสบายๆ “ในหนังสือบอกว่าหากรู้สึกทรมานเช่นนี้โดยเฉพาะบุรุษวัยเลือดร้อนเช่นท่าน หากได้รับแรงกระตุ้นให้มองเห็นสิ่งที่คล้ายกัน…”
“ท่านเงียบซะ!”
ยิ่งนางพูดเท่าไรยิ่งฟังดูไม่เข้าท่าลางสังหรณ์บอกว่าถ้าปล่อยให้นางพูดจบ หยางชูที่ใกล้หมดการควบคุมได้หยุดนางอย่างหยาบคายแน่ เขาทั้งรักทั้งเกลียดคนในอ้อมกอดเขากัดฟันพูดว่า
“ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ”
“ข้าเปล่านะ!” หมิงเวยพูดอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้บอกหรือว่าจะช่วยท่าน หากอดทนต่อไปเช่นนี้จะไม่ดีต่อร่างกายเอาได้นะเจ้าคะ”
“….” หยางชูอยากจะบีบคอนาง และอยากจะถามว่านางคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่!
หากเป็นสถานการณ์ปกตินางควรตบหน้าเขาต่อว่าเขาว่าไร้ยางอายหรือไม่ก็วิ่งหนีด้วยความตกใจไม่ใช่หรือ จะมาช่วยอะไรเขากันไม่กลัวว่าเขาจะระงับตนเองไม่ได้หรืออย่างไร…แต่ดูเหมือนนางจะเต็มใจจริงๆ ดูกระตือรือร้นที่จะลองเป็นอย่างมาก
ไม่ได้ๆ จะให้นางเสียชื่อเสียงได้อย่างไร…
เดี๋ยวนะเหมือนนางเคยบอกว่าอย่างไรทั้งชีวิตนี้นางก็ไม่สามารถมีชื่อเสียงได้ ไม่ได้หมายความว่านางไม่ต้องถูกผูกติดกับชื่อเสียงหรอกหรือ
อา ไม่สนแล้ว! ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถประมาทได้! หากไม่มีการเตรียมการใดๆ ก็ดูขาดความรับผิดชอบเกินไป…
แต่ว่า…ในความคิดของหยางชู ดูเหมือนจะมีผู้ร้ายสองคนต่อสู้กันคนหนึ่งพูดแบบนี้อีกคนพูดแบบนั้นโต้เถียงกันจนหัวของเขาแทบระเบิด
แต่หมิงเวยยังคงพูดข้างหูว่า “ท่านไม่ต้องการจริงๆ หรือ” น้ำเสียงของนางดูมีความเสียดาย
หยางชูรู้สึกว่ามีดอกไม้ไฟได้ปะทุขึ้นตรงหน้า เขาไม่คิดอะไรอีกแล้วหยางชูอุ้มนาง และลุกขึ้นยืนจากนั้นเตะเก้าอี้ออกไปแล้วรีบเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็เดินมาถึงข้างเตียงแล้วโยนนางลงบนเตียงอย่างแรงจากนั้นก็ตามขึ้นไป
“จงใจยั่วข้างั้นหรือ…หืม” เขาพูดเสียงแหบพร่าหางเสียงของเขาราวกับขนนกที่กวัดแกว่งข้างหู หมิงเวยอยากยกมือลูบหูตนเอง
นางคิดมาตลอดว่าเสียงของเสวียนเฟยไพเราะน่าฟัง น้ำเสียงนั้นทั้งต่ำและนุ่มจนทำให้รู้สึกคันที่หู แต่เสียงของหยางชูโน้มเอนไปทางเสียงของบุรุษรุ่นเยาว์ มีความชัดเจน และต่ำเล็กน้อย แม้ว่าจะฟังสบายหู แต่กลับฟังดูมีความหยอกล้อผู้คน
ในตอนนั้นเองอาจเป็นเพราะความมืดโดยรอบที่ทำให้ได้ยินชัดเจนมากขึ้นหรือเพราะได้รับผลกระทบจากสภาพของเขาในตอนนี้ นางจึงมีอาการชาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
มือของหมิงเวยที่ลูบหูอยู่ถูกเขาคว้าไว้ ร่างกายอันหนักอึ้งทาบทับลงมา ริมฝีปากของพวกเขาพัวพันกันอีกครั้งรุนแรงเสียจนแทบจะกลืนกินนางอย่างตะกละตะกลาม
“เดี๋ยว…” หมิงเวยอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่หยางชูไม่ให้โอกาสนางเลย เขามัวแต่จูบนางอยู่อย่างนั้นจนทำให้นางรู้สึกสับสน
จริงๆ แล้วเรื่องนี้…ค่อนข้างมีความสุขมาก แต่ส่งผลต่อสติสัมปชัญญะมากเกินไป…
เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้นางสับสนเล็กน้อย เขาจูบนางอยู่สักพักก็หยุดลง และหลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็จูบต่อ ฝ่ามือเลื่อนไปรอบเอวของนางเห็นได้ชัดว่ากังวลใจ แต่ไม่กล้าที่จะวางไว้ตำแหน่งอื่น
ไม่รู้ว่านานเพียงใดกว่าเขาจะสงบลงในที่สุด ร่างสูงพลิกกายลงมานอนด้านข้าง ลำคอชุ่มไปด้วยเหงื่อ หมิงเวยเอื้อมมือออกไปกุมมือที่ชื้นเหงื่อของเขาไว้
นางคิดอยู่สักพักแล้วถามออกไป “ดีขึ้นหรือไม่”
หยางชูยื่นแขนออกมาโอบกอดนางแล้วพูดว่า “เมื่อครู่ท่านไม่กลัวจริงๆ หรือ”
หมิงเวยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อันที่จริง…รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยเจ้าค่ะ”
หยางชูเงียบไปนานแล้วเขาก็กัดฟันพูด “ท่านอย่าพูดอะไรแปลกๆ สิ!”
“แปลกตรงไหนกันเจ้าคะ” หมิงเวยสงสัย “เรื่องต่างๆ บนโลกนี้ส่วนใหญ่ข้าสามารถสำรวจได้ด้วยตัวเองมีเพียงเรื่องทางเพศเท่านั้นที่ข้าลองไม่ได้จะให้ปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ไป ถือว่าพลาดมากข้าไม่ควรผิดหวังหรอกหรือ”
หยางชูตกตะลึง และพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “สำหรับท่านแล้วนี่เป็นโอกาสที่จะแสวงหาความรู้งั้นหรือ”
“พูดเช่นนั้นดูไม่ยุติธรรมเท่าไรนะเจ้าคะ” หมิงเวยพลิกตัวกลับมานางเอื้อมมือออกไปโอบหลังเขาแล้วพิงคอของเขา
“ข้าแค่กระหายความรู้เกี่ยวกับท่านไม่รู้จบ อยากรู้ความชอบของท่าน ความโกรธของท่าน ข้าอยากมีส่วนร่วมด้วยเจ้าค่ะ”
พอได้ยินนางพูดเช่นนั้นความโกรธที่สะสมอยู่ก็หายไปทันที หัวใจของเขาอ่อนยวบลงอย่างอธิบายไม่ถูกจนแทบอยากจะประคองส่งมอบให้ต่อหน้านางแล้ว
แต่ในตอนนี้ความเงียบให้คำตอบได้ดีกว่าเสียง
ทั้งสองนอนเงียบอยู่ครู่หนึ่งรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน เสียงจากด้านนอกค่อยๆ เงียบลง ทั้งผู้คน และม้าในที่แห่งนี้เริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา หยางชูพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปลุกตนเองเขาผลักนางเบาๆ
“ข้าจะส่งท่านกลับไปพักผ่อน”
หมิงเวยเกือบจะเคลิ้มหลับหลายวันมานี้นางวิ่งไปมาจนในที่สุดก็ถึงที่หมาย เมื่อเข้าไปในพื้นที่ปลอดภัยทำให้นางไม่อยากเคลื่อนไหวอีกเลย
“ข้าไม่อยากขยับ…อยากนอนที่…” นางพูดเสียงฮึมฮัม
หยางชูทั้งฉุนทั้งขำ “นอนอะไรของท่าน ท่านตั้งใจจะให้ข้าไม่ได้นอนหลับดีๆ ใช่หรือไม่”
นางหาวเหมือนคนที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วพูดว่า “บางทีท่านอาจเปลี่ยนใจตอนดึก ต้องการขึ้นมาก็ได้”
“….”
หยางชูถูกนางทำให้ตนเองไม่มีอาการง่วงเลยสักนิด เขานอนลงบนเตียง สายตามองเพดานสักพักก็หันหน้ากลับมามองนาง
ผ่านไปนานในที่สุดเขาก็ยอมประนีประนอมตบนางเบาๆ “ท่านอยากนอนก็ถอดเสื้อนอกออกก่อนเถิดจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด”
หมิงเวยตื่นขึ้นอย่างไม่เต็มใจนางพูดโดยที่ยังไม่ลืมตา “อา ข้านึกว่าท่านจะช่วยข้าถอด อ้อ ถอดออกครึ่งหนึ่ง…”