คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 362 วางหมาก
หมิงเวยยิ้มเยาะ “ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ข้าแค่อธิบายเหตุผล…”
ซูถูไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย “ท่านเป็นผู้ใดกันแน่มาที่ทุ่งหญ้าเพื่ออะไรกัน”
หมิงเวยมองไปรอบๆ “ลำบากหน่อยนะเจ้าคะ ที่นี่ไม่มีแม้แต่ทางออกพวกเราจะไม่ติดอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่”
“ท่านอยากให้ข้าใช้กำลังงั้นหรือ”
“เหตุใดต้องโกรธถึงเพียงนั้นด้วย อย่างไรเราก็ยังออกไปไม่ได้ชั่วคราวพวกเรามาเล่นหมากรุกกันไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”
ซูถูเงียบ ผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า “นี่คือจุดประสงค์ของท่านหรือ”
เมื่อเห็นเขาสงบลงหมิงเวยจึงยิ้ม “เรื่องมาถึงจุดนี้แล้วท่านโกรธไปก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ พวกเรามาพูดคุยกันไม่ดีกว่าหรือ” ซูถูมีสีหน้าเย็นชา
ตอนนี้ซูถูอยากจะสับนางเป็นหมื่นๆ ชิ้น แต่เหตุผลที่นางกล่าวมาก็ถูกในเมื่อติดอยู่ที่นี่แล้วโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากระงับความโกรธได้ในที่สุด เขาก็หันศีรษะและมองไปรอบๆ
นี่คือถ้ำหินธรรมชาติซึ่งเหมือนกับถ้ำข้างบนที่ล้อมรอบด้วยอัญมณี มีเหมืองอัญมณีอยู่บนทุ่งหญ้า และมีหลายแห่งบนเขาเทียนเสินซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เป็นเพราะอัญมณีเหล่านี้นี่เองที่นำแสงสว่างมาสู่พวกเขา
เขาเดินไปรอบๆ และพบว่ารอบตัวเขาไม่มีทางออกเช่นนั้นหากต้องการออกไปมีเพียงแค่…ซูถูเงยหน้ามองด้านบนซึ่งมืดมิดจนมองไม่ชัด สูงเกินไปที่จะใช้วิชาตัวเบา
ดูเหมือนว่านอกจากองค์หญิงหย่งชิงจะไม่คิดปล่อยพวกเขาไปพวกเขายังทำได้เพียงรออยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง
มีน้ำล้อมรอบ แต่ไม่มีอาหารถ้าประหยัดแรงอาจอยู่ได้นานถึงสิบวัน…
ซูถูคิดถึงความเป็นไปได้หมิงเวยยังคงนั่งอยู่บนพื้นแล้วเรียกเขา “อย่าคิดให้เปลืองสมองเลยเจ้าค่ะ ในเมื่อนางขังพวกเราไว้ที่นี่หมายความว่าไม่มีทางอื่นแล้ว มาๆๆ มาเล่นหมากรุกกันก่อน”
ซูถูหันกลับมาและเห็นว่านางวาดกระดานหมากรุกบนพื้น เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีไปชั่วขณะ
“ท่านไม่ใจร้อนสักนิดเลยหรือ” เขาถาม
“ใจร้อนไปทำไมกันเจ้าคะ” หมิงเวยหยิบชิ้นส่วนอัญมณีที่มีสีเดียวกันออกมาแล้วแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม “ทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ให้น้อยลงไม่รู้ว่าต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเพียงใดคิดหาวิธีฆ่าเวลาไปก่อนดีกว่า”
“….”
ซูถูทำได้เพียงนั่งลงอย่างที่นางพูดการทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์เป็นเพียงการสิ้นเปลืองพลังงานจริงๆ
“ท่านเป็นผู้ใดกันแน่” เขาถามคำถามเดิมอีกครั้ง
“ข้าแซ่หมิง นามว่าเวย”
“ข้าถามสถานะของท่าน”
หมิงเวยยิ้มแล้วเดินหมากตัวแรก “ข้าเป็นคนแคว้นฉีธรรมดาบิดามารดาเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่ที่บ้านของท่านลุง” ซูถูมองนางอย่างเย็นชา
หมิงเวยเคาะพื้นเร่งเขา “ท่านวางสิเจ้าคะ!”
ซูถูหยิบอัญมณีที่หักขึ้นมาแล้วถามว่า “แค่นี้เองหรือเรื่องที่ท่านทำไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปของแคว้นฉีควรทำ”
“ท่านคิดผิดแล้วเจ้าค่ะ” หมิงเวยพูด “ความเป็นความตายของเเผ่นดินทุกคนมีส่วนร่วม”
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง และซูถูพูดขึ้นอีกครั้ง “ท่านไม่คิดที่จะช่วยข้าตั้งแต่เริ่มใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ” ซูถูเงยหน้ามองหน้านาง นางกล้ายอมรับด้วยหรือ
หมิงเวยคิด “จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องทั้งหมดอันที่จริงข้าเคยคิดว่าจะช่วยท่านหรือช่วยเผ่าฉีหูดีเดิมทีข้าโน้มเอนไปทางเผ่าฉีหู แต่ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาหาเรื่องตาย…”
ซูถูพูดเสียงเย็น “แต่สุดท้ายท่านก็ไม่ได้ช่วยข้า”
หมิงเวยพูดจากใจจริง “ท่านคิดเช่นนั้นมันก็ไม่ถูกร่วมมือกับหญิงชราผู้นั้นมีอะไรดีกัน อารมณ์ของนางแปรปรวนขนาดหาคนแก้แค้นยังหากไม่ถูก แม้ท่านจะได้ประโยชน์ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็จะไม่มีอะไรดีในอนาคต อำนาจทั้งแปดเผ่าซับซ้อนแค่ไหนท่านน่าจะรู้ดีกว่าข้า แม้ท่านจะใช้พระประสงค์ของทวยเทพรวมทั้งแปดเผ่าเป็นหนึ่ง แต่ต้องใช้เวลานานในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างแต่ละเผ่า และรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน เรื่องนี้ซับซ้อนพอแล้วให้สตรีบ้าคลั่งผู้นั้นออกความเห็นอยู่ข้างกายเกรงว่ามันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้เจ้าค่ะ”
“อย่าพูดไพเราะ แต่ไร้ความจริงใจต่อหน้าข้า” ซูถูไม่ขยับเขยื้อน “ตอนนี้ท่านยั่วยุนาง เรื่องนี้ไม่ถูกต้องเลือดของนักรบทั้งแปดจะกระจายไปทั่วพื้นดินบนเขาเทียนเสิน นี่เป็นชีวิตของมนุษย์ท่านคิดว่าตนเองพูดเพียงไม่กี่คำแล้วจะทำให้ข้าวางหนี้เลือดนี้ลงหรือ”
ความมุ่งมั่นแรงกล้าเสียจริง! หมิงเวยถอนหายใจในใจ และมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “องค์ชายซูถูมีประโยคหนึ่งที่ท่านคงไม่เคยได้ยิน”
“อะไรหรือ”
“เลือดที่ติดค้างจากประวัติศาสตร์ในที่สุดจะได้รับการกู้คืนในทางที่โหดร้ายมากขึ้นเจ้าค่ะ” ซูถูตกใจ
หมิงเวยวางตัวหมาก “แม้ว่าชาวหูเหรินทั้งแปดเผ่าจะมีต้นกำเนิดเหมือนกัน แต่ก็มีความบาดหมางกันจากรุ่นสู่รุ่น แม้ว่าท่านจะใช้พระประสงค์ของทวยเทพรวมพวกเขาในวันนี้ แต่ก็ยังมีอันตรายที่ซ่อนอยู่นับไม่ถ้วนรอซุ่มโจมตี ความเกลียดชังต้องมีทางออก หากท่านไม่ให้ทางออกพวกเขาก็จะหาทางออกด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับการจัดการแม่น้ำของจงหยวน การบังคับปิดกั้นแม่น้ำจะนำไปสู่การล่มสลายที่รุนแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น” ซูถูก้มหน้าคิดเงียบๆ
หมิงเวยลอบยิ้มแล้วเดินหมากต่อ
ผ่านไปสักพักซูถูก็พูดขึ้นว่า “ท่านพูดไร้สาระอีกแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีความบาดหมางกันมานานหลายชั่วอายุคน ตราบใดที่พวกเขารวมเข้าด้วยกันก็จะมีวิธีอื่นในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ข้าไม่กล้าพูดว่าจะแก้ไขได้ทุกอย่าง แต่ก็ดีกว่าหันกระบี่ใส่กันจนกลายเป็นทะเลเลือด! นี่เป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดแล้วแม้ท่านจะพูดมากกว่านี้อย่างไรท่านก็คือศัตรูของทุ่งหญ้า!”
หมิงเวยถอนหายใจอีกครั้งวีรบุรุษในอนาคตของราชวงศ์เว่ยตะวันตกนั้นสมคำเล่าลือจริงๆ จิตใจที่มั่นคงหลอกล่ออย่างไรก็ไม่หวั่นไหว
“ท่านยอมรับแล้วหรือว่าท่านมาเพื่อสร้างปัญหาจริงๆ” ซูถูถามอีกครั้ง
หมิงเวยพูด “ข้าไม่ยอมรับตั้งแต่เมื่อไรหรือเจ้าคะ องค์ชายเจ็ดข้าขอถามท่าน ข้าไม่ยอมรับหรือ”
“ท่านเดินทางไกลมาที่ทุ่งหญ้าเพื่อให้ตอนเหนือของพวกเราเกิดความวุ่นวายใช่หรือไม่”
หมิงเวยส่ายหน้า “ท่านคิดเยอะเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาที่นี่เพื่อมาสังเกตสถานการณ์เพื่อหาโอกาสเพียงแค่ข้าบังเอิญได้เข้ามามีส่วนร่วม ท่านก็เห็นว่าพวกเรามีวาสนาต่อกัน ข้าบังเอิญได้พบกับน่าซู และบังเอิญที่น่าซูเองก็ต้องการข้าเช่นกัน นั่นแสดงว่าพระเจ้าให้โอกาสแก่ข้า”
ซูถูเงียบลง ทั้งสองเล่นหมากรุกอยู่พักหนึ่งหมิงเวยก็พูดขึ้นว่า “ท่านอย่าคิดเยอะไปเลยเจ้าค่ะ พวกเราติดอยู่ที่นี่ออกไปไม่ได้เรื่องข้างนอกก็เข้าร่วมไม่ได้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับว่าสตรีบ้าคลั่งผู้นั้นคิดอย่างไร ท่านไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนแล้วหรือ แม้จะไม่มีพระประสงค์จากทวยเทพก็มีวิธีรวมแปดเผ่าให้เป็นหนึ่งใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“แล้วเหมือนกันตรงไหน” ซูถูถามเบาๆ
นั่นเป็นแผนที่เลว! แม้จะเริ่มที่เขาเทียนเสิน กระบวนการรวมแปดส่วนจะกลายเป็นการนองเลือดซึ่งจะสูญเสียนักรบไปมากแค่ไหน ต้องใช้เวลานานเพียงใดในการกำจัดความเกลียดชังระหว่างกัน มีคนตายมากเกินไปไม่มีผู้ใดเลี้ยงแกะ แปดเผ่ายังหวังว่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกหรือ
เขาลงแรงมากมายเช่นนั้นเพื่ออะไรกันไม่ใช่เพื่อปกป้องพวกเขาไว้หรือ ไม่ใช่เพื่อป้องกันไม่ให้เป่ยหูสูญเสียมากเกินไปไม่ใช่หรือ ตอนนี้แผนทั้งหมดของเขาถูกคนตรงหน้าทำให้ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
……………