คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 376 ท่าทาง
ซูถูผู้นั้น…เอาร่างกายเข้าแลกจะได้ผลหรือ
“ล้อเล่นน่ะ” หมิงเวยหัวเราะ โหวเหลียงร้องไห้ด้วยความโกรธเคืองเวลานี้นางยังจะมาล้อเล่นอีก!
“ท่านมีวิธีอื่นหรือไม่” เขามองนางอย่างมีความหวัง
หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่มีวิธีอื่นแล้วพวกเราวิ่งต่อไปเถอะ วิ่งได้ไกลแค่ไหนก็แค่นั้น ไม่แน่ว่าวิ่งไปเราอาจได้เจอกองทัพซีเป่ยที่ออกมาลาดตระเวนก็ได้”
“….”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเรารีบไปเถอะ” เป็นตัวฝูที่พูด “วิ่งไปได้ไกลกว่านี้โอกาสรอดจะมากขึ้น”
“ถูกต้อง” หมิงเวยตบท้องม้า “ไป!”
โหวเหลียงทำได้แค่วิ่งต่อไปเขาวิ่งตามหลังทั้งสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ
สวรรค์อวยพรให้เวลาพวกเขามากขึ้นด้วยเถิด…
…………
อีกด้านหนึ่งหยางชูได้นำทุกคนออกจากเป่ยเทียนเหมิน
ในวันนั้นเขาได้รับหมายมอบอำนาจโอนกองทหารจากเหลียงจางดึงทหารม้ามาได้หนึ่งพันนาย เมื่อออกจากประตูใหญ่พวกเขาก็วิ่งด้วยความเร็วสูงตลอดทาง
แม้ว่าระดับของเหลียงจางจะไม่ค่อยดีนัก แต่กองทัพซีเป่ยก็ยังแข็งแกร่ง
สำหรับทหารม้าพันนายนี้มีผู้บังคับบัญชาระดับล่าง และหน่วยสอดแนมบางส่วนเพื่อสำรวจเส้นทาง หยางชูไม่จำเป็นต้องกังวล และเตรียมการไว้อย่างเหมาะสม
ยกเว้นหนึ่งเรื่องที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาระดับล่างไม่พอใจ
“คุณชายหยาง เหตุใดพวกเราต้องติดธงนักรบเกราะเหล็กด้วย”
แม้เขาจะโหยหานักรบเกราะเหล็กมากเพียงใด แต่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่การแอบอ้างจะมีประโยชน์อะไรกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้กองทหารกลุ่มนี้จะดูมีลับลมคมนัย
หยางชูตอบ “หากพวกท่านต้องการทำสงครามก็สามารถถอนธงนี้ออกได้”
“….”
เขาพูดอย่างจริงจัง “ข้าเองก็เหมือนท่านใช้ชื่อของนักรบเกราะเหล็ก หากข่าวแพร่กระจายไปยังเมืองหลวง ฝ่าบาทเห็นก็รู้ว่าเป็นของปลอมถูกหรือไม่ แต่หูเหรินไม่รู้นักรบเกราะเหล็กสามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย เรื่องเช่นนี้เหตุใดจะต้องไม่ทำด้วยเล่าช่วยให้พวกท่านไม่ต้องเป็นแพะรับบาปในภายหลังไม่ดีหรือ”
“แต่ว่า…”
“แน่นอนข้าหวังว่าพวกท่านจะไม่ถอนตัวการต่อสู้กับหูเหรินเพื่อส่งเสริมชื่อเสียงเป็นสิ่งที่บุุรุษควรทำ แม่ทัพเซี่ยงท่านคิดว่าอย่างไร”
แม่ทัพเซี่ยงที่ยังอายุน้อยยังคงกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะเชื่อฟังท่านขอรับ”
ต่อสู้กับหูเหรินงั้นหรือฟังแล้วเลือดพลุ่งพล่าน แต่ผู้ใดจะรับผิดชอบกันเล่า แม่ทัพเหลียงในฐานะผู้บัญชาการแน่นอนว่าต้องเป็นคนรับผิดชอบ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะโชคร้ายตามไปด้วย…
แม่ทัพเซี่ยงยังอยากมีอนาคตที่ดีไม่หาเรื่องตายจะดีกว่า
เขาต้องอยู่ในนามของนักรบเกราะเหล็กก็อยู่ไปเถอะ เล่นสนุกเป็นเพื่อนคุณชายหากพบเจอพวกหูเหรินจริงๆ ระงับตนเองไว้ก็พอแล้ว สถานการณ์ของหูตี้ในตอนนี้พวกเขาคงไม่อยากต่อสู้นักหรอก
“จริงสิ ปกติทหารม้าฝึกไปเพื่ออะไรหรือ”
แม่ทัพเซี่ยงก็ตอบไปโดยไม่คิดอะไร “ยิงปืน ตั้งกระบวนแถว ขี่ม้า…”
“การส่งออกคำสั่งคือฟังเสียงกลองใช่หรือไม่”
“ใช่ขอรับ”
“ข้าก็เคยเรียนมาเหมือนกันเมื่อก่อนท่านย่าเคยสอนข้าไม่รู้ว่ามันเหมือนของท่านหรือเปล่า” แล้วหัวข้อสนทนาก็หยุดลง
แม่ทัพเซี่ยงตอบทีละคำถามจนกระทั่งหน่วยสอดแนมพบเบาะแสการสนทนาก็จบลง
อืม…คุณชายหยางผู้นี้รู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับในสนามรบจริงๆ ปู่ของเขาคือโป๋วหลิงโหว ส่วนย่าคือองค์หญิงหมิงเฉิงเขาเก่งกว่าเด็กอวดดีที่ตนจินตนาการไว้มากจริงๆ
หลังจากฟังข้อมูลแม่ทัพเซี่ยงมีสีหน้าจริงจัง “คุณชายหยาง มีการเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าน่าจะเป็นบุคคลที่ท่านกำลังตามหา”
หยางชูดูสงบและถามเขาว่า “ตำแหน่งของนางอยู่ที่ใด ตำแหน่งของกองทัพหูเหรินด้วย พวกเขาพบนางแล้วหรือยัง”
………..
นกอินทรีบินอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลาสองวันเต็มๆ หมิงเวยรู้ว่าตนเองหนีไม่พ้นแล้วจริงๆ เมื่อเห็นบาดแผลของตัวฝูนางถอนหายใจและหยุดลง
“ไม่ต้องวิ่งแล้วอีกไม่นานพวกเขาก็มาถึงแล้ว”
โหวเหลียงตกตะลึง “แม่นางรู้ได้อย่างไร”
“นกอินทรีร้องบ่อยมาก” นางพูด
โหวเหลียงเงยหน้ามองนกอินทรีตัวใหญ่และถอนหายใจ “ไม่รู้ว่ายอมแพ้ตอนนี้ซูถูจะยินดีไว้ชีวิตพวกเราหรือไม่”
“ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้” หมิงเวยพลิกตัวลงจากหลังม้านางจับหน้าอกแล้วไอออกมา
“คุณหนู…” ตัวฝูมองนางอย่างเป็นกังวล
นางยิ้มปลอบก่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ซูถูเกลียดข้าเข้ากระดูก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางรอด เพียงแต่หากถูกเขานำตัวกลับไปเป็นเชลยของหูตี้ก็คงหนีไม่พ้น”
โหวเหลียงรีบพูดว่า “มีชีวิตก็ดีแล้ว!” พอถูกตัวฝูเหลือบมองก็หัวเราะแห้งๆ “มีชีวิตอยู่ถือว่ายังมีความหวังใช่หรือไม่ หากคุณชายรู้ต้องรีบส่งคนมาช่วยอย่างแน่นอน”
ตัวฝูดูสงบลงนางพูดว่า “ท่านโหว คุณธรรมของท่านมีไม่มากหรอกเก็บไว้ใช้เถอะ”
“ฮ่าๆๆ! แม่นางตัวฝูมีอารมณ์ขันเสียจริง” โหวเหลียงดูผ่อนคลายเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็ยิ้มแห้งๆ ออกมาอีกครั้ง
“แม่นางหมิง” เขายังคงคาดหวังว่าหมิงเวยจะจริงจัง
หมิงเวยจิบน้ำแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วงพวกเราอาจจะไม่ตาย”
อาจจะ หมายความว่ามีโอกาสตายได้…
การมาของซูถูเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อหนีไม่ได้หมิงเวยก็คิดถึงการแสดงครั้งต่อไป ความอาฆาตแค้นนั้นของจริง แต่การสร้างความประทับใจให้แก่ซูถูก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
โหวเหลียงมองนางเดินไปเดินมาสุดท้ายก็เลือกที่จะนั่งบนเนินเขาเล็กๆ แล้วถามว่า “แม่นางหมิงคิดวิธีได้แล้วหรือ มีอะไรบ้าง”
หมิงเวยเงยหน้าแล้วยิ้ม “ไม่มี! แค่รอความตายหาท่าทางที่ดีก่อน!”
นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไม่รู้ว่านกอินทรีหายไปเมื่อไร ดูเหมือนว่ากองทัพจะปรากฏตัวขึ้นในไม่ช้า
…………
“พี่เจ็ด!” น่าซูป้อนเนื้อชิ้นโตให้นกอินทรีเป็นรางวัลแล้วพูดว่า “นางยังอยู่ในทุ่งหญ้าพวกเราคงได้พบนางเร็วๆ นี้” ซูถูพยักหน้า
ไหล่ของเขายังคงได้รับบาดเจ็บ แต่เขายังคงยืนกรานที่จะขี่ม้าด้วยตัวเอง
“จะฆ่าพวกเขาจริงๆ หรือ” น่าซูถาม
“แน่นอน” ซูถูพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เจ้าก็เห็นความอันตรายของสตรีผู้นั้นแล้ว หากไม่ฆ่านางภายภาคหน้าคงนอนไม่หลับ” น่าซูดูหดหู่เล็กน้อย
ซูถูเหลือบมอง “ทำไม เจ้าอาลัยอาวรณ์งั้นหรือ”
น่าซูพูดเสียงเบา “ก่อนหน้านี้พวกนางเป็นคนดีมากรู้ว่าข้าโกหก แต่ก็ยังดีกับข้า”
“หึ! เพราะพวกนางต้องการใช้เจ้าไง” ซูถูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้าต้องการสาวใช้ผู้นั้นข้ายกให้เจ้าได้ แต่สตรีผู้นั้นจำเป็นต้องฆ่าทิ้ง”
น่าซูเสียใจมากเขาส่ายหัว “ช่างเถอะ ท่านฆ่าแม่นางหมิงตัวฝูจะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวให้นางมาอยู่ข้างกายอันตรายเกินไป” อารมณ์ของซูถูผ่อนคลายลงเล็กน้อยเด็กคนนี้เข้าใจถึงความสำคัญดี
“เจ้าเห็นสตรีจงหยวนครั้งแรกก็อยากรู้อยากเห็นเช่นนี้แหละ หากชอบจริงๆ ละก็ต่อไปเจ้าจะรับทาสหญิงจากจงหยวนมาสักสองสามคนก็ได้”
น่าซูต้องการอธิบายว่า “ไม่เหมือนกัน พวกนาง…” เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าเขาไม่สามารถหาคำที่เหมาะสมได้จึงทำได้เพียงส่ายหัวอย่างเสียใจ “ช่างเถอะ ตามนั้นแล้วกัน”
ถึงแม้การที่แม่นางหมิงกับตัวฝูตายไปจะทำให้เขาเสียใจมาก แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเผ่าหมาป่าหิมะอีกแล้ว
“ไปกันเถอะ!” ซูถูพูด “ข้ารอพบพวกนางไม่ไหวแล้ว!”
…………