คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 386 ทูต
อาหารอันโอชะนำมาวางบนโต๊ะไม่ขาดสาย
ตัวฝูถอนหายใจ “แม่ทัพเหลียงผู้นั้นเป็นคนดีจริงๆ!”
หมิงเวยยิ้มแล้วมองน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมตรงหน้า “เจ้ายังบาดเจ็บไม่หายดีพวกเราเองก็รีบเดินทางด้วย ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวตอนนี้ต้องบำรุงร่างกายให้ดีๆ”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” ตัวฝูดื่มน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมจนหมดอย่างมีความสุข
หลายวันมานี้พวกเขามีช่วงเวลาที่ดีต้องการอะไรเพียงแค่เอ่ยปาก พ่อบ้านก็จัดหามาให้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแพงหรือหายากเพียงใดก็จะถูกส่งไปหาพวกเขาในภายหลัง
ตอบสนองทุกคำขอแน่นอนว่าต้องได้คืบจะเอาศอก ด้วยเหตุนี้เงินที่ใช้ไปในช่วงสองสามวันนี้เท่ากับค่าใช้จ่ายหนึ่งเดือนในจวนผู้บัญชาการทัพ
เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเหลียงจางประหยัดเขาเป็นใหญ่ในเป่ยเทียนเหมิน ต้องการความมั่งคั่งและอำนาจ มีอะไรให้ประหยัดกัน แต่ไม่ว่าจะฟุ่มเฟือยเพียงใด เขาก็ไม่คิดกินอาหารอย่างอุ้งเท้าหมี! ล่าได้ก็กินในตลาดมีคนขายก็ซื้อ
แล้วหยางชูเล่า เขามักจะเลือกของดีๆ หากหาไม่ได้ก็จะหาซื้อในราคาที่สูง เงินจำนวนนี้ไม่ใช่จ่ายมากเกินไปหรือ เหลียงจางมองใบเสร็จรับเงินที่พ่อบ้านนำมาให้เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาเต้นตุบๆ
พ่อบ้านพูดอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ทัพ พวกเราพอแค่นี้ดีหรือไม่ขอรับ เป็นเช่นนี้จ่ายไม่ไหวจริงๆ เงินเดือนของท่านสำหรับหนึ่งปีเพียงพอแล้วที่ให้พวกเขาใช้จ่ายไปในสองสามวัน”
เหลียงจางอยากจะโกรธแค้น แต่เงินก็ถูกโยนออกไปแล้วจะให้หยุดตอนนี้หรือ หากเด็กคนนั้นก่อเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร เขาก่อเรื่องพอสมควร แต่ฝีมือของเขานั้นก็ดีจริง หากบังคับให้อยู่เกรงว่าจะทำไม่ได้ปล่อยให้เขากลับเกาถางเพราะสิ่งที่เขารอคอยได้มาแล้วหากไปจับกุมอีกรอบคงไม่ง่ายดายเช่นนี้…
เขาลูบหน้าอกแล้วพูดว่า “อดทนไว้ อดทนอีก แค่ไม่กี่วันเท่านั้น”
“ท่านแม่ทัพ…”
เหลียงจางกัดฟัน “เมื่อเขาออกเดินทางข้าได้รีบนำเรื่องนี้ขึ้นรายงานต่อฝ่าบาท ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้วพระราชโองการของฝ่าบาทน่าจะใกล้ถึงแล้ว รอให้มาถึงก่อนเถอะ หึ!”
เด็กคนนี้คิดว่าจะล้มเขาได้งั้นหรือ สูญเสียความโปรดปรานจนถูกไล่ให้มาอยู่ที่เกาถางแล้วยังกล้าก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้เพื่อสตรีคนเดียวถึงขั้นเอากระบี่จ่อคอเขาแล้วบังคับให้มอบทหารให้ รู้หรือไม่ว่าตนใส่ความคิดลงในสาสน์ไปมากเพียงใด เขียนละเอียดทุกคำให้ฝ่าบาทได้เห็น
หากฝ่าบาทรู้ว่าเขากล้าที่จะแทรกแซงในกองทัพต้องทรงพิโรธมากเป็นแน่เมื่อถึงเวลานั้นมีแต่ตนนี่แหละที่สบายใจ!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เหลียงจางจึงรู้สึกสบายใจขึ้น และเรียกองครักษ์มา “ทางฝั่งเรือนนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนต้องคอยจับตามองให้ดีคนของตระกูลหยางไม่สามารถได้รับการปฏิบัติเหมือนคนทั่วไปได้”
องครักษ์ตบหน้าอกและรับปากว่า “ท่านวางใจได้เลยขอรับ ข้าน้อยรับปากว่าจะไม่มีแมลงวันตัวไหนสามารถหนีจากสายตาของเราได้!”
“ระวังหน่อย อย่าให้พวกเขาจับได้ล่ะ”
“ขอรับ”
วันแรก หยางชูขอเอ็นกวางและอุ้งเท้าหมี และยังขอให้เปลี่ยนอุปกรณ์ห้องนอนทั้งหมดเหลียงจางก็รับปาก
วันที่สอง เขาบอกตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องการทานโสมพันปี เหลียงจางก่นด่าในใจ แต่ก็หยิบโสมที่ตนเก็บไว้ออกมา แม้ว่ามันจะอายุเพียงห้าร้อยปี แต่ก็พอได้อยู่
หึ! เหตุใดถึงมีแค่ห้าร้อยปีน่ะหรือ แค่โสมอายุร้อยปียังหายากเลย!
วันที่สาม หยางชูบอกว่าเขาเบื่อและต้องการออกไปเดินเล่น เหลียงจางชักแม่น้ำทั้งห้าให้เขาอยู่เล่นหมากรุก ผลลัพธ์กลายเป็นถูกเขาชวนเล่นหมากรุก
วันที่สี่…ความโกรธของเหลียงจางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ระงับมันไว้
เมื่อถึงวันที่ห้า หยางชูร้องต้องการไปเหลียงจางจึงต้องเกลี้ยกล่อมเขาเป็นการส่วนตัว
“ไอหยา หลานหยางเป็นเพราะอาดูแลหลานได้ไม่ดีหรือหลานถึงต้องการจากไปแล้ว”
หยางชูตอบ “ท่านอา ถึงแม้สิ่งของจะเป็นรอง แต่ก็สามารถทนได้ พอนึกถึงสถานที่อย่างเป่ยเทียนเหมินท่านอาก็พยายามสุดความสามารถแล้ว”
มุมปากเหลียงจางกระตุก “เช่นนั้นหลานสามารถอยู่ต่อได้อีกกี่วันหรือ”
สีหน้าหยางชูดูทนไม่ได้ “หลานไม่สามารถอยู่ในที่ของคนอื่นได้จริงๆ! ต่อให้เป็นรังเงินรังทองก็ไม่เท่ากับรังหมาของเรา[1] ใช่หรือไม่ขอรับ”
เส้นเลือดบนหน้าผากของเหลียงจางนูนขึ้นยังมีหน้ามาพูดอีก! ใช้เงินของคนอื่นไม่เจ็บปวดสุดท้ายก็ไม่ดีเท่ารังหมาของตนเองงั้นหรือ
ในใจโกรธมากเพียงใด แต่ใบหน้าของเหลียงจางยังคงเปื้อนยิ้ม “พูดเช่นนั้น หลานไม่อยากรอหมอเทวดาจงแล้วหรือ หลังจากที่รอมาหลายวันเหตุใดถึงรีบร้อนตอนนี้เล่าบางทีท่านหมออาจมาถึงในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้”
หยางชูหมดหนทาง “รอวันแล้ววันเล่าเมื่อไรจะได้พบกันเล่า ช่างเถิดขอรับ หลานทิ้งองครักษ์ไว้ที่นี่ก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นคอยเชิญไปที่เกาถาง”
“แต่…หมอเทวดาค่อนข้างแปลกอาเกรงว่าเขาคงไม่ยินยอม”
เขาไม่พอใจ “หลานเป็นคนเชิญ เหตุใดเขาจะไม่ยินยอมเล่าขอรับ”
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละหากเชิญไม่ได้ขึ้นมาเล่า หากหลานไม่คิดถึงตนเองก็คิดถึงแม่นางผู้นั้นเถอะ”
หยางชูลังเลสักพักแล้วโบกมือ “ไม่ดีกว่าขอรับ อยู่ที่นี่หลานกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ละวันช่างผ่านไปอย่างยากลำบาก”
เหลียงจางสูดหายใจเข้าลึกๆ “หลานชายอยากกินอะไร พูดมาเลย! หากอาสามารถอาจะหามาให้”
“จริงหรือขอรับ”
“จริง”
หยางชูยิ้มออกมา “อันที่จริงสาเหตุหลักคือยาที่หลานทานประจำหมดไปแล้ว หากไม่มียานั่นหลานจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ…”
เหลียงจางถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เป็นแค่ยาเม็ดใช่หรือไม่ อาจะให้คนจ่ายยามาให้หลานเอาใบสั่งยามาให้ก็พอ”
“ดีเลยขอรับ” หยางชูดึงใบสั่งยาออกมาจากแขนเสื้อของเขาราวกับเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว “นี่ขอรับ”
เหลียงจางรับไปดูแล้วเส้นเลือดบนหน้าเขาก็ปูดขึ้นอีกครั้ง
“ท่านอา เป็นอะไรหรือขอรับ”
เหลียงจางพยายามทรงตัวให้มั่นคงเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หากเขาเปลี่ยนใจตอนนี้แล้วลงมือฆ่าอีกฝ่ายได้หรือไม่ โสม เขากวางอ่อน บัวหิมะ ถังเช่า…มีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้น! เขาไม่เชื่อว่าต่อให้มีใบสั่งยาแล้วจะสามารถหาวัตถุดิบอันล้ำค่าทั้งหมดได้ในคราวเดียว!
แต่หยางชูยังคงพูดพล่ามอยู่นั่น “ท่านอาดีเพียงนี้ หลานช่างมีตาหามีแววไม่ หลังจากนั้นคงต้องติดต่อกับท่านอาบ่อยๆ…”
เหลียงจางลังเลต่อให้เปลี่ยนใจตอนนี้หรืออดทนต่อไปดี หากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็สามารถประหยัดเงินได้มาก แต่หากอดทนอีกสักหน่อยพระราชโองการคงมาถึง…
คิดสิ่งใดได้สิ่งนั้นเขาเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้พ่อบ้านก็เข้ามาหาอย่างเร่งรีบ “ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพขอรับ! ท่านทูตมาขอรับ!”
เหลียงจางรู้สึกปลาบปลื้ม “เร็ว รีบไปเชิญท่านทูตมาที่นี่เร็ว!”
เขาพูดพลางถอยหลังสองก้าวไปยืนอยู่ข้างหลังองครักษ์มองดูหยางชูอย่างระแวดระวังแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลานหยางคงคิดถึงฝ่าบาทมากรอเดี๋ยวก่อน ไม่แน่ว่าอาจมีข่าวของหลาน”
ตามหลักเหตุผลเมื่อท่านทูตมาถึงเขาควรออกไปต้อนรับ แต่เหลียงจางกลับไม่ขยับตัวซ้ำยังส่งสายตาให้ทหารชั้นยอดที่ช่วงสองสามวันนี้เดินวนรอบๆ เรือนทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจมาล้อมพวกเขาไว้
หยางชูดูประหลาดใจมาก “ท่านอาทำอะไรน่ะขอรับ ท่านไม่ออกไปต้อนรับท่านทูต แต่เหตุใดดูเหมือนจะลงมือกับหลานอย่างไรอย่างนั้นเช่นนี้ไม่ได้เรียกว่าการต้อนรับแล้ว”
เหลียงจางตัดสินใจนั่งไขว่ห้างลงบนเก้าอี้ผู้บัญชาการยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ หลังจากทนเป็นไอ้โง่อยู่หลายวันในที่สุดก็ได้ระบายความโกรธออกมา “หลานหยางไม่ต้องใจร้อน อีกไม่นานหลานก็ทราบแล้วอย่าโทษอาเลยนี่เป็นพระราชโองการ”
พูดจบเขาก็เห็นท่านทูตที่ถูกเชิญมาที่เรือนรับรองแขกจึงรีบเข้าไปทักทายอย่างยินดี “ที่แท้ก็เป็นหลิวกงกงนี่เอง ไม่เจอกันเสียนานเลยไม่ต้องห่วงขอรับ เด็กคนนี้ข้าควบคุมเอาไว้แล้วท่านค่อยๆ ประกาศได้เลย”
หลิวกงกงผู้นี้แปลกใจเขาไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “แม่ทัพเหลียง ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ ควบคุมตัวอะไรกัน อา..คุณชายสามท่านอยู่ที่นี่นี่เอง!” พูดจบก็คำนับให้อย่างแข็งขัน
…………
[1] ต่อให้เป็นรังเงินรังทองก็ไม่เท่ากับรังหมาของเรา : คนคนหนึ่งที่รักบ้านเกิดของตัวเอง ต่อให้สถานที่ต่างแดดเลิศหรูขนาดไหนเขาก็ไม่อยากไปอยู่