คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 422 แก้แค้น
จงซู่มองทั้งสามคนที่เดินกลับมาก็รู้สึกโล่งใจ “พวกท่านกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้วเหตุการณ์ครั้งใหญ่เมื่อครู่คงไม่ได้เกิดจากฝีมือคนใช่หรือไม่”
หยางชูรู้สึกหนักอึ้งและพยักหน้า “ตอนนี้เราไม่มีทางให้ถอยกลับแล้วจริงๆ หิมะถล่มครั้งใหญ่ได้ปกคลุมเส้นทางข้างหน้าไว้หมดแล้ว หากต้องการกลับคงต้องรอฤดูใบไม้ผลิ”
ฤดูใบไม้ผลิทางซีเป่ยมาช้า และตอนนี้เพิ่งผ่านปีใหม่ไปจะรอจนถึงเดือนสามให้หิมะละลายได้อย่างไร
จงซู่พูดด้วยเสียงสงบ “เช่นนั้นก็ไปชิงเนินกรวดกลับมาก่อนแค่สามเดือนพวกเรารอได้”
หยางชูถูกความสงบของอีกฝ่ายปลอบโยนในใจเขาคิดว่าอย่างไรก็เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงความอดทนเช่นนี้หาดูได้ยาก
เขาพูดเรื่องการปรากฏตัวของซูถูที่นี่และบอกว่า “น่าเสียดายที่ไม่สามารถฆ่าซูถูตายที่นี่ได้ เขาจะไม่ปล่อยให้พวกเราใช้เวลาสามเดือนอย่างสบายใจอย่างแน่นอน”
จงซู่พยักหน้าช้าๆ “กลายเป็นศัตรูที่ยากจะรับมือเสียแล้ว แม้แต่ความคิดของข้าเขายังดูออก ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้ถูกต้องแล้วใช้โอกาสนี้เอาชนะความเย่อหยิ่งของเขามันจะง่ายขึ้นมากในอนาคต”
หยางชูตกใจ “แม่ทัพจง…”
เขาคิดว่าหลังจากแผนการของซูถูในครั้งนี้จงซู่จะโทษตัวเองจึงคิดคำพูดปลอบโยน ไม่คาดคิดว่าปฏิกิริยาของจงซู่จะแตกต่างไปจากที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
จงซู่เดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงหัวเราะ “เรื่องจบลงแล้วหดหู่ใจไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้นกลยุทธ์ทางทหารคือเมื่อเผชิญหน้ากันไม่มีทางให้ถอยกลับ ผู้ที่กล้าหาญเท่านั้นจะมีกลยุทธ์ที่จะสามารถเอาชนะได้ ผู้ใดจะเป็นฝ่ายตกหลุมพรางก่อนจนกว่าจะรู้แพ้ชนะเท่านั้นถึงจะแน่ใจ” หมายความว่าความกล้าสำคัญกว่าแผนชั่วร้าย
หยางชูคิดเงียบๆ จงซู่ไม่ได้พูดอะไรอีก และสั่งการรองแม่ทัพข้างกาย “เนินกรวดอยู่ไม่ไกล วันนี้ตั้งค่ายเร็วหน่อยพรุ่งนี้ออกเดินทางยามสี่ และโจมตีเมืองก่อนรุ่งสาง!”
“ขอรับ!”
…………
ซูถูออกแรงปีนขึ้นไปบนหน้าผามีคนจากข้างบนตอบรับและดึงเขาขึ้น
“องค์หญิงล่ะ” เสียงหนึ่งถาม
ซูถูพูดด้วยความเศร้าโศก “ไม่คิดว่าพวกเขาทั้งสามคนจะเพ่งเล็งจงจี๋ก่อน จากนั้นไล่ตามพวกเราไม่ห่างทำให้ท่านย่าตกลงตามไปด้วย ปาตง เจ้าเรียกทุกคนรวมตัวกันไปที่หิมะต้องหาท่านย่าให้เจอ!”
องครักษ์นามปาตงคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดเกลี้ยกล่อม “ต้าห่าน ตอนนี้ไม่สามารถขอรับ! หิมะถล่มแล้วพวกเราต้องรอการเคลื่อนไหวสงบลงก่อนถึงจะลงมือค้นหาไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายอย่างเปล่าประโยชน์”
ซูถูพูดเสียงขรึม “ท่านย่าตกอยู่ในอันตรายหากช้าเพียงนิดคงเป็นอันตรายมากกว่านี้”
“แต่ตอนนี้ถึงเราอยากจะออกค้นหาก็ไม่สามารถทำได้ ท่านก็เห็นว่าทางนั้นหิมะถล่มหนักจนพวกเราไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้”
เส้นทางบนภูเขาในจุดที่หิมะถล่มนั้นแย่มาก หิมะที่เงียบสงัดในอดีต แต่ในเวลานี้กลับกลายเป็นมังกรร้ายที่กรีดร้องพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้คนที่พบเห็นเกิดความกลัว
ซูถูเม้มปากและไม่พูดอะไร เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ข้ารับใช้เก่าขององค์หญิงหย่งชิงก็วิตกกังวล “พวกท่านไม่ช่วยหรือ ไม่ได้นะ! ต้าห่านไม่ใช่เพราะเพื่อช่วยท่านองค์หญิงถึงเอาตัวเข้าไปในที่ที่อันตรายหรอกหรือ ท่านจะมององค์หญิงตายโดยไม่ช่วยอะไรเลยหรือ”
ปาตงไม่พอใจเขาหันศีรษะไปมองแล้วตำหนิว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับต้าห่านด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่พวกเราก็เห็นอย่างชัดเจนแล้วนี่ว่ามือของต้าห่านได้รับบาดเจ็บ ในสถานการณ์เช่นนี้จะช่วยองค์หญิงได้อย่างไร ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หิมะถล่มหนักเช่นนี้หากเจ้ามีความสามารถก็ลงไปช่วยเองเลยไป!”
พวกข้ารับใช้เก่าเงียบไปเมื่อเห็นว่าหิมะปกคลุมเต็มภูเขา แม้จะช่วยชีวิตได้จริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดกว่าจะหาทางออกมาได้จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าและคุกเข่าลง “องค์หญิง!”
บ่าวรับใช้ขององค์หญิงหย่งชิงคุกเข่าลงทีละคนเพื่อไว้ทุกข์
ซูถูปล่อยให้พวกเขาร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเสียงสงบลงเขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ อย่าเสียแรงไปกับการร้องไห้เลยข้าจะค้นหาร่างของท่านย่าในภายหลัง”
บ่าวรับใช้เฒ่าเช็ดน้ำตาสีหน้าแสดงถึงความเกลียดชัง และพูดอย่างเคียดแค้นว่า “ต้าห่านโปรดล้างแค้นให้องค์หญิงด้วย! จับคนร้ายมาสับเป็นชิ้นๆ!”
เหล่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขาตะโกนว่า “ได้โปรดต้าห่านแก้แค้นให้องค์หญิงด้วย!”
ตะโกนเช่นนี้อยู่หลายครั้งด้วยสีหน้าวิงวอนในที่สุดซูถูก็พูดขึ้นว่า “องค์หญิงเป็นย่าของข้า ข้าจะล้างแค้นให้นางอย่างถึงที่สุดนี่เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว พวกเจ้าไม่ต้องขอร้องลุกขึ้นเถอะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดบ่าวรับใช้แก่ก็รู้สึกซาบซึ้งจึงโขกหัว “ขอบคุณต้าห่าน ขอเพียงต้าห่านแก้แค้นให้องค์หญิงบ่าวจะเชื่อฟังและขอยอมเป็นม้ารับใช้ท่าน”
ซูถูเผยรอยยิ้มจางๆ แต่ไม่นานก็หายไป และกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ รอให้หิมะสงบลงก่อนพวกเราค่อยออกค้นหาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องไม่ให้ท่านย่าเป็นศพในที่รกร้างโดยเด็ดขาด”
“ขอรับ”
…………
ในฐานะแม่ทัพที่มีชื่อเสียงเจตจำนงอันแข็งแกร่งของจงซู่จะไม่ถูกเปิดเผยจนกว่าเขาจะพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
หลังจากหิมะถล่มเขาไม่หวั่นไหวและเดินต่อไปที่เนินกรวด เมื่อรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นแผนของซูถู เขาวางแผนที่อย่างรวดเร็ว และโจมตีเนินกรวดเพื่อยึดกลับคืนมา
เหล่าทหารรีบทานอาหารจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน และทั้งค่ายตกอยู่ในความเงียบสงบ แต่จงซู่ยังไม่ได้นอน
เขากำลังรอข่าวจากหน่วยสอดแนม และเขาต้องรู้สถานการณ์เนินกรวดเพื่อที่จะได้กำหนดกลยุทธ์ได้ ในสงครามไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ล้วนขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่อยู่ตรงนี้
หยางชูเดินเตร่อยู่นอกกระโจมสักพักไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ รองแม่ทัพของจงซู่เดินออกมาจากด้านใน เมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่ก็งุนงง และถามด้วยความสงสัย
“คุณชายหยางมาทำอะไรที่นี่หรือขอรับ หรือว่ามาหาท่านแม่ทัพแล้วเหตุใดไม่เข้าไปล่ะขอรับ”
“ข้า…” หยางชูไม่รู้จะพูดอะไร
จากนั้นก็ได้ยินเสียงจงซู่จากด้านใน “คุณชายหยาง ข้างนอกอากาศหนาว เข้ามาข้างในก่อนเถิด” หยางชูลังเล แต่สุดท้ายก็เข้าไปด้านใน
“แม่ทัพจง” เขาประสานมือคำนับ
ก่อนหน้านี้จงซู่เห็นเขาอยู่หลายครั้ง คุณชายเจ้าสำราญท่าทางหยิ่งผยองที่ทำให้คนอยากจะมีเรื่องด้วย เขาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจทำให้คนอิจฉาในความมีชีวิตชีวาของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน
“มาหาข้ามีอะไรหรือ”
“เอ่อ…” ใบหน้าของหยางชูร้อนเล็กน้อย
“หากไม่พูดข้าต้องขอพักผ่อนพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางตอนยามสี่ ตอนนี้ดึกแล้ว” ท่าทางของจงซู่เหมือนต้องการจะไล่เขาออกไป
“เดี๋ยวก่อนขอรับ!” หยางชูโพล่งออกมา
เขาก่นด่าในใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของจงซู่ก็รู้ว่าเขารู้อยู่แก่ใจเพียงแต่ไม่พูด รอให้เขาพูดออกไปอย่างตัวตลกก็เท่านั้น
ช่างมันเถอะ ตลกก็ช่างมัน อย่างไรก็จนแต้มแล้ว! ผิดพลาดแล้วก็ปล่อยมันไป หยางชูพูดว่า “แม่ทัพจง พรุ่งนี้ข้าไปกับท่านได้หรือไม่”
“อ้อ” จงซู่แตะคาง “พรุ่งนี้ข้ายุ่งมากไม่มีเวลามาสนใจท่าน!”
“ไม่ต้องห่วงข้า ข้าจะตามไปช่วยถือธงให้ก็ย่อมได้!” จงซู่หัวเราะออกมาดังๆ
หยางชูกังวล “ได้หรือไม่”
จงซู่หุบยิ้มอย่างยากลำบาก “ข้ารู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่เล่นหมากรุกกับแผนที่มันน่าเบื่อ อยากสัมผัสประสบการณ์จริงๆ ใช่หรือไม่”
หยางชูยิ้มเขาพูดเสียงเบา “ข้าเพียงแค่ดู สัญญาว่าจะไม่สอดมือเข้าไปรบกวน ข้ารู้ว่าสถานะของข้าไม่สามารถนำทัพได้”
จงซู่มองมาที่เขาและถอนหายใจ หยางชูคาดเดาความคิดของจงซู่ไม่ออกจึงรู้สึกประหม่า
“ช่างเถอะ” ในที่สุดจงซู่ก็อ่อนข้อไม่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจ “ท่านอยากมาก็มา ท่านสามารถเรียนรู้ได้มากเท่าที่ต้องการข้าไม่สนว่ามันจะมีประโยชน์ในอนาคตหรือไม่”
หยางชูรู้สึกดีใจ “ขอบคุณท่านแม่ทัพ!”
จงซู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้เขา “ไม่เรียกข้าว่าท่านอาแล้วหรือ เหตุใดตอนนี้ถึงไม่ใส่ใจความสัมพันธ์แล้วเล่า”
หยางชูหัวเราะอย่างเขินอายตอนนั้นที่เรียกท่านอาเป็นการดึงความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ เป็นความตั้งใจที่มีเจตนาร้าย…
……………