คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 429 รับคน
เชือกลากกัวสวี่กลับขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ผู้เป็นหลานชายดูตกตะลึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพึมพำ “เซียนหรือ…หรือว่าปีศาจ”
หมิงเวยขี่นกยักษ์ลงมาและเหลือบมองเขา “ใต้เท้ากัว หัวของหลานชายท่านถูกประตูหนีบไปแล้วหรือ”
กัวสวี่เพิ่งคิดว่าชีวิตตนเองจบสิ้นแล้ว เขาลูบหน้าอกด้วยความตกใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เมื่อเห็นหมิงเวยก็ถามด้วยความแปลกใจ “เจ้า…อนุที่อยู่ข้างกายคุณชายหยางไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
หมิงเวยหน้าตึงได้ยินดังนั้นนางจึงดึงเชือกกลับทันที
“ไอหยา!” กัวสวี่ถูกดึงจนล้มลงกับพื้น
“นี่เจ้าพูดไม่ได้หรืออย่างไร ข้าเป็นผู้อาวุโสนะ!” กัวสวี่คิดไม่ออกเขาพูดผิดตรงไหน
ผู้เป็นหลานกระซิบเตือน “ท่านลุงหกได้ยินว่าแม่ทัพจงสุภาพกับแม่นางผู้นี้มาก…”
เรื่องที่หมิงเวยไปยุ่งวุ่นวายในหูตี้นั้น จงซู่และเหลียงจางก็รู้เรื่องนี้ข่าวถูกส่งตรงไปยังฮ่องเต้ซึ่งฮ่องเต้เองก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลภายในเนื่องจากความคิดที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นกัวสวี่จึงไม่รู้ว่าหมิงเวยเป็นบุคคลเช่นไร
กัวสวี่เป็นคนฉลาด แต่เขาก็มีจุดอ่อนที่ค่อนข้างใหญ่คือเจ้าชู้ และจุดอ่อนอีกอย่างหนึ่งของเจ้าชู้ก็คือดูถูกสตรี แม้จะมีจุดอ่อนต่างๆ แต่เขาก็ตัดสินสถานการณ์ได้! คนบินได้ แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่เป็นคนที่จะไปยั่วได้ง่ายๆ เลย สุภาพสักหน่อยย่อมดีกว่าไม่ใช่หรือ
เขาเปลี่ยนทัศนคติทันที “แม่นางมีนามว่าอะไรหรือ”
“ข้าแซ่หมิง”
“ที่แท้ก็แม่นางหมิงนี่เอง ขอบคุณที่ช่วยข้าก่อนหน้านี้”
“ไม่เป็นไร” หมิงเวยตอบกลับเขาทันที
กัวสวี่มองไปที่นกไม้ตัวใหญ่ด้วยความสนใจ “สิ่งนี้บินได้ด้วยหรือ”
ที่นี่หนาวมากจนหมิงเวยขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับเขาจึงถามตรงๆ ไปว่า
“ทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ที่นี่”
ผู้เป็นหลานชายตอบ “พวกเรามาช่วยคน!”
ในตอนที่เขาพูดกัวสวี่ลูบเคราของตนเองด้วยท่าทางสูงส่ง หมิงเวยเกือบรู้สึกขบขันกับพวกเขา สองลุงหลานคู่นี้เคยมีประสบการณ์มาก่อนหรือไม่ ดูเหมือนผู้อาวุโสจะเป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกตกอับแล้วเหมือนขออาหารทานเหลือเกิน
“ช่วยคน” นางกลั้นยิ้มและถามอย่างเคร่งขรึม “ช่วยผู้ใดหรือ”
“แน่นอนว่าเป็นแม่ทัพจง…แล้วก็คุณชายหยาง” กัวสวี่มีไหวพริบดีเขาเลือกที่จะพูดถึงหยางชูด้วย
“พวกท่านน่ะหรือ”
เมื่อเจอสายตาที่ดูไม่เชื่อของนาง หลานชายจึงเสนอตัวอีกครั้ง “ท่านลุงหกของข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์หมิงจิ้งเชี่ยวชาญในเรื่องคานอวี่”
“อ้อ” หมิงเวยมองกัวสวี่ด้วยความชื่นชม นักปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ย่อมเป็นผู้รอบรู้อย่างแท้จริง
คานอวี่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในเรื่องฮวงจุ้ย แต่การสำรวจพื้นที่ที่แท้จริงเป็นมากกว่าแค่การดูสุสานบ้านเรือน คานคือฟ้า อวี่คือดิน สิ่งที่เรียกว่าคานอวี่คือดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ หิมะถล่มไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์แต่ยังรวมถึงภูมิศาสตร์ หากกัวสวี่เชี่ยวชาญเรื่องคานอวี่ก็ควรที่จะสำรวจเส้นทางได้
“แล้วท่านอาวุโสได้ข้อสรุปอย่างไรบ้าง”
กัวสวี่ตอบ “หิมะถล่มที่แม่ทัพจงพบก่อนหน้านี้ไม่น่าหนักนักก็แค่ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ จากนั้นเขาก็พบเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังเนินกรวด แต่น่าเสียดายที่ถนนสายนี้เขาพบกับหิมะถล่มขนาดใหญ่หลายแห่งที่เกิดจากอิทธิพลร่วมกันของหิมะถล่มเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ถนนสายนี้ถูกปิดสนิทแล้วข้าทำอะไรไม่ได้”
เขาพูดอย่างนั้น แต่จ้องไปที่หมิงเวย น่าเสียดายที่หมิงเวยไม่ติดกับดักเขา นางแค่ร้องอ้อแล้วเขย่าเชือกในมือ
กัวสวี่ไม่มีทางเลือกเขาหนาวมาก และรอคำตอบไม่ไหวทำได้แค่ทิ้งความเย่อหยิ่งในฐานะผู้อาวุโสออกไปและถามนางว่า “แม่นางเองก็เป็นคนต่างถิ่น! คุณชายหยางปลอดภัยดีหรือไม่”
“สบายดี”
“เช่นนั้น…แม่นางหมิงรู้ตำแหน่งของแม่ทัพจงหรือไม่”
หมิงเวยยิ้ม “รู้สิ ตอนนี้แม่ทัพจงอยู่ที่เนินกรวด และถูกกองทัพหูสองหมื่นนายล้อมอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างลำบาก”
กัวสวี่อ้าปากค้าง “กองทัพหูสองหมื่นนายแม่ทัพจงมีทหารกี่คนกัน”
“มีไม่เท่าไร บางคนถูกฝังอยู่ในหิมะถล่มครั้งก่อน และหลายคนเสียชีวิตในขณะที่พวกเขายึดเมืองตอนนี้พวกเขามีไม่เกินสามพันคน”
“สามพันต่อสองหมื่น…” ใบหน้าของกัวสวี่ซีดเผือด หมิงเวยทำให้พวกเขากลัวและต้องการจะจากไป
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกท่านได้รับข่าวแล้วก็รีบกลับไปเถอะอย่าเพิ่งหนาวตาย ข้าต้องกลับไปรายงานที่ไป๋เหมินเซี่ย” พูดจบนางก็ขี่นกยักษ์เตรียมจะออกเดินทางต่อ
กัวสวี่คว้าตัวนาง “แม่นาง เรื่องจดหมายให้หลานชายของข้าไปส่งดีกว่า!”
หมิงเวยเลิกคิ้ว “ท่านหมายความว่าอย่างไร” ปฏิกิริยานี้ต่างจากที่นางคาดเดาไว้
กัวสวี่พูด “ให้หลานของข้าส่งจดหมายกลับไปที่ไป๋เหมินเซี่ยแล้วข้าจะไปที่เนินกรวดกับท่าน!”
หมิงเวยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้สติ “ใต้เท้ากัว ท่านรู้สถานการณ์ที่เนินกรวดหรือไม่ ข้ายังไม่กล้าบอกตนเองเลยว่าจะมีชีวิตรอดท่านเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ท่านจะไปหาที่ตายหรือ”
กัวสวี่พูดอย่างหนักแน่น “สามพันต่อสองหมื่นพวกท่านยืนหยัดต่อไปไม่ไหวหรอก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวางแผนและขนส่งเสบียง มีแม่ทัพจงนั่งประจำการอยู่ เรื่องการวางแผนไม่น่าเป็นห่วง แต่เรื่องขนส่งเสบียงเป็นจุดแข็งของข้า หากเป็นเวลาอื่นพวกท่านคงไม่มีโอกาสให้คนที่เคยดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสมาดูแลหน่วยขนส่งเสบียงสำหรับทหารม้าสามพันนายหรอก”
มันก็…มีเหตุผลอยู่!
“อย่างไรข้าก็เป็นขุนนาง” กัวสวี่ยังคงใช้วาทศิลป์โน้มน้าวต่อไป “ท่านรู้หรือไม่ว่ารายงานของผู้บัญชาการจะถูกส่งกลับมายังราชสำนักซึ่งมักจะถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ แต่สำหรับขุนนางแล้วต่างออกไป ถึงแม้จะเป็นศัตรูทางการเมือง แต่ความน่าเชื่อถือของพวกเขาจะเหนือกว่าผู้บัญชาการทหาร หากพวกท่านปกป้องเมือง แม่ทัพจงเป็นคนรายงานด้วยตนเองเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเป็นข้ารายงานล่ะ ข้าพูดเรื่องปกป้องเมืองของพวกท่านเกินจริงไปสักหน่อยพร้อมหลักฐานก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยในความดีความชอบอันยิ่งใหญ่นี้ของแม่ทัพจง”
หมิงเวยลูบคางมีเหตุผลอยู่!
“แม่นางหมิง” กัวสวี่ทำได้เพียงอ้อนวอนนาง “เพื่อเห็นแก่ความตายโดยสมัครใจของข้าท่านให้ข้าไปด้วยเถิด”
หมิงเวยเห็นแล้วรู้สึกขบขัน “ได้ เห็นแก่ท่านที่น่าสงสารเช่นนี้”
ได้วิ่งน้อยลงก็ดีกลับไปยังไป๋เหมินเซี่ยต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน!
นางส่งจดหมายของจงซู่และบอกสถานการณ์ทั้งหมดแก่หลานชายของกัวสวี่ และสุดท้ายก็ขู่ออกไปว่า “อย่าก่อเรื่องล่ะ ในเมื่อข้าออกมาได้ในครั้งแรกก็ออกมาเป็นครั้งที่สองได้ หากข้าพบว่าท่านไม่ได้แจ้งข่าวให้ดีๆ ล่ะก็ ชีวิตของอาท่านต้องชดใช้ให้พวกข้า!” เป็นหลานจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไรเขาได้แต่ตอบรับรัวๆ
เมื่อส่งหลานชายของเขาออกไปหมิงเวยนั่งบนนกตัวใหญ่อีกครั้ง “ผู้อาวุโสกัว ท่านปิดใบหน้าของท่านไว้ ลมหนาวบนท้องฟ้าเย็นจนแข็งถึงกระดูกหากตกลงไปข้าช่วยไม่ได้นะ”
กัวสวี่ดีใจมากเขาดึงหมวกหนังของตนเองไว้แน่นพันผ้าพันคอหลายทบ จากนั้นก็ใช้เชือกผูกเอวแล้วปีนขึ้นไปบนนกตัวใหญ่
…………
หยางชูไม่คิดว่าหมิงเวยจะออกไปข้างนอกเพียงหนึ่งวันแล้วกลับมา แถมยังมาพร้อมผู้อาวุโสผู้หนึ่ง
กัวสวี่ตัวเย็นยะเยือกคล้ายศพที่แข็งตัวแล้วไม่ปาน หมิงเวยเรียกทหารเข้ามาพากัวสวี่ไปทำตัวให้อบอุ่น จากนั้นก็ไปอธิบายสถานการณ์ให้หยางชูทราบด้วยตนเอง หมิงเวยไม่เข้าใจว่าเหตุใดกัวสวี่ยืนยันที่จะมาที่เนินกรวด แต่หยางชูเข้าใจ
“เขาต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความดีความชอบ ช่างเป็นผู้อาวุโสที่ติดงานราชการเป็นนิสัยจริงๆ!” เขาถอนหายใจ
“อากาศหนาวเช่นนี้ยังคิดจะมาหาความดีความชอบอีกหรือ” หมิงเวยสงสัย “พวกเรามีเพียงสามพันคนที่คอยคุ้มกันเมืองเขาไม่กลัวว่าจะตายอยู่ที่นี่หรือ”
“ความมั่งคั่งมักมาจากภัยอันตราย” หยางชูพูด “ผู้ที่สามารถมีตำแหน่งสูงในราชสำนักได้ก็ไม่ต่างจากคนที่พร้อมจะเสี่ยง หากเขาชนะเดิมพันเขาก็จะเก่งกว่าแม่ทัพจง ไม่ต้องพูดถึงการกลับไปยังราชสำนักเลย เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงบารมีเพิ่มพูน คุณสมบัติเพียบพร้อม เป็นไปได้ว่าเขาจะได้ตำแหน่งโส่วเซียง”
“…” หมิงเวยพูดอย่างมั่นใจ “เช่นนั้นข้าจะทำให้เขาออกไป”
“อย่าเลย” หยางชูยิ้ม “เขาอยากมาก็ให้เขามาความดีความชอบทางทหารสำหรับผู้บัญชาการแล้วมีความสำคัญมาก แต่ถ้ามีมากก็สร้างปัญหาได้เช่นกัน สำหรับท่านอาจารย์แล้วไม่จำเป็นต้องมีความดีความชอบทางทหารมากเกินไปยิ่งไปกว่านั้นข้ามีหน้าที่รับผิดชอบกองทัพชั่วคราวกำลังต้องการใครสักคนรับรองข้าอยู่พอดี”
………….