คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 430 เยี่ยมคนป่วย
ไม่ง่ายเลยกว่าทหารจะช่วยกัวสวี่ให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นผู้อาวุโสกัวห่อตัวอยู่ในผ้านวมหดคอทานข้าวต้ม เมื่อนึกถึกความผิดที่เขาก่อในครั้งนี้เขาถึงกับทอดถอนใจเป็นหมื่นพันครั้ง ลำบากมามากมายเพียงนี้หากไม่สามารถสร้างความดีความชอบได้เขาจะลำบากมาก! หลังจากทานข้าวต้มแล้วกัวสวี่ที่ได้รับความอบอุ่นกลับมาก็ลากทหารระดับล่างมาพูดคุย
หลังจากถามคำถามเริ่มต้นเช่น “ครอบครัวของเจ้ามีกี่คน มีที่กี่ไร่ มีวัวกี่ตัว” ไปแล้วกัวสวี่ก็ถามด้วยท่าทีอัธยาศัยดีว่า “พวกเจ้าต่อสู้มาอย่างหนักเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าทำสงครามอย่างไร ข้าชื่นชมทหารอย่างพวกท่านมากถนนถูกตัดขาดทั้งยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ช่างเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญจริงๆ”
หลังจากได้รับคำชมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ทหารนายนั้นรู้สึกเขินอายไม่ว่าอีกฝ่ายถามอะไรเขาก็ตอบตามนั้น เมื่อถูกถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้นำเผ่าหูคนใหม่อย่างซูถู ความคิดของผู้อาวุโสกัวก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ปกป้องเนินกรวดภายใต้การรุมโจมตีของทหารเผ่าหูสองหมื่นนายความดีความชอบนี้สามารถนำไปที่ราชสำนักได้ แต่ถ้าหากสามารถสังหารซูถูได้…
หมิงเวยไม่รู้เลยว่าใต้เท้ากัวผู้นี้มีความทะเยอทะยานมากก่อนหน้านี้เกือบตายบนถนน และเมื่อมาถึงเนินกรวดก็ขบคิดเรื่องสังหารซูถู ขนาดหมิงเวยยังไม่กล้าคิดเรื่องนี้เลย!
ทางด้านหยางชูหลังจากเสร็จสิ้นการรายงานกับจงซู่ก็เดินทางมาหากัวสวี่
“ใต้เท้ากัวดีขึ้นหรือไม่ท่านอาจารย์ให้มาเชิญ”
“ท่านอาจารย์” กัวสวี่สับสนได้ยินว่าเด็กคนนี้ไม่ชอบเรียนแล้วอาจารย์มาจากที่ใดกัน
“อ้อ ข้าลืมบอกท่านไป แม่ทัพจงรับข้าเป็นศิษย์” ดวงตาของกัวสวี่เบิกกว้างขึ้นทันที นี่มันอะไรกันจงซู่รับหยางชูเป็นศิษย์ จงซู่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือว่าหยางชูรนหาที่ตายกัน
เขาไม่รู้เรื่องราวภายในเกี่ยวกับชาติกำเนิดของหยางชู แต่ในฐานะคนที่อยู่ในวงการข้าราชการมานานคาดเดาปฏิกิริยาของฮ่องเต้ และเผยกุ้ยเฟยในเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เป็นเรื่องยากสำหรับคุณชายหยางที่จะเข้าไปแทรกแซงในอำนาจทางทหาร ถ้าเขากล้าที่จะเข้าไปแทรกแซง ฮ่องเต้อาจปล่อยวางได้ แต่ไท่จื่อกับซิ่นอ๋องคงไม่อยู่เฉยแน่
อีกอย่างก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองฝ่ายยังไม่ถูกกันอยู่เลยเหตุใดพออยู่ที่เนินกรวดถึงได้มาดีกันได้ อาจารย์และลูกศิษย์ในวงการของชนชั้นข้าราชการแทบไม่ต่างอะไรจากบุตรกับบิดา
เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หยางชูยกมือเช็ดน้ำตาใบหน้าของเขาดูเศร้าโศก “ใต้เท้ากัวเดิมทีข้าคิดว่าท่านมายังกองทัพซีเป่ยเพื่อสร้างความดีความชอบไม่คาดคิดว่าท่านจะเดินทางมาที่เนินกรวดแม้จะเจอปัญหาและอันตรายหากไม่พูดความจริงกับท่านข้ารู้สึกไม่สบายใจ!”
กัวสวี่ตกตะลึงกับการร้องไห้ของเขา หยางซานร้องไห้เพื่ออะไรอีกอย่างปากของเด็กคนนี้น่ารำคาญจริงๆ ประโยคหลังไม่ใช่เรื่องดีเลยไม่ต้องพูดถึงครึ่งประโยคแรกเลยเรื่องที่เขามาเพื่อหาความดีความชอบไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้!
ใบหน้าของเขายังคงกังวล “คุณชายหยางเป็นอะไรหรือค่อยๆ พูดก็ได้ พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วพวกเราร่วมทุกข์ด้วยกัน”
“ใต้เท้ากัวกล่าวเช่นนั้นข้าก็สบายใจ” หยางชูใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา ดวงตาของเขาแดงก่ำเขากลั้นน้ำตาพูดว่า “ท่าน…อยู่บนเรืออับปางในตอนที่โจมตีเมือง แม่ทัพจงถูกหน้าไม้ยิงตอนนี้อาการไม่ดี…”
“อะไรนะ” กัวสวี่ตกใจ “เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าแม่ทัพจงได้รับบาดเจ็บ แต่ยังขี่ม้าเข้าเมืองได้ เหตุใดจู่ๆ อาการถึงไม่ดีขึ้นล่ะ”
หยางชูพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “นั่นเพราะต้องแสดงท่าทีเข้มแข็งให้ทุกคนเห็น ไม่เช่นนั้นหากแม่ทัพใหญ่บาดเจ็บหนักกองทัพจะสั่นสะเทือนได้ กองทัพอาจล้มลงก่อนที่ผู้อื่นจะต่อสู้”
“นั่น…ก็จริง”
กัวสวี่ตอบรับไปเช่นนั้น แต่ในใจเขาสงสัยมากหยางชูผู้นี้ทำตัวเหลวไหลตอนอยู่เมืองหลวงผู้ใดจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรผิดอีกหรือไม่
“ไม่เช่นนั้นด้วยความสัมพันธ์ของพวกเราแม่ทัพจงจะรับข้าเป็นศิษย์ได้อย่างไร” หยางชูเช็ดดวงตาทำให้หางตากลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง
“การออกไปครั้งนี้ข้าเองก็อยากได้ความดีความชอบกลับไปด้วยเพื่อให้ฝ่าบาทเรียกข้ากลับเมืองหลวงไม่คิดว่าตนเองไม่รอบคอบจนติดอยู่ที่เนินกรวดกับแม่ทัพจง วันนั้นที่เข้าไปในเมืองแม่ทัพจงก็มีอาการไม่สู้ดีเพราะกลัวว่าจะสั่นคลอนกำลังใจของกองทัพจึงบอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์เพื่อให้ข้าดูแลกองทัพแทนเขา เช่นนี้ผู้อื่นจะได้ไม่สงสัย เฮ้อ…ข้าคิดว่าตระกูลจงกำลังต่อสู้กับข้าเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อย แต่ไม่มีวางอำนาจบารมีอะไรเลย ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายแล้วแม่ทัพจงจะเชื่อใจข้าถึงเพียงนี้เรื่องก่อนหน้านี้เป็นอันหมดไปยิ่งไปกว่านั้นหากไม่มีแม่ทัพจง ไม่รู้ว่าข้าจะมีชีวิตรอดหรือไม่เรื่องเล็กน้อยก่อนหน้าจะโต้เถียงให้ลำบากทำไมกัน” กัวสวี่ได้ยินเสียงถอนหายใจของหยางชูในใจก็รู้สึกเหยียดหยาม
โง่! เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกคนกำลังจะตาย รับเจ้าเป็นศิษย์ให้เจ้านำกองทัพแทน แม้ว่าจะผ่านไปได้อย่างปลอดภัย แต่หากเรื่องนี้ไปถึงเมืองหลวงคงมีคนทนไม่ได้แน่!
แต่จงซู่กำลังจะตายจริงๆ หรือ แกล้งกันหรือไม่
กัวสวี่หน้านิ่วคิ้วขมวด “เช่นนั้นข้าขอพบแม่ทัพจงสักหน่อย”
หยางชูเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงและฝืนยิ้ม “ทำให้ใต้เท้ากัวเห็นเรื่องตลกแล้ว เชิญ”
กัวสวี่ก้าวเข้าไปในห้องที่จงซู่รักษาตัว กลิ่นของเลือดและยาก็พุ่งเข้าจมูกของเขาทันที องครักษ์คนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามีตาสีแดงเหมือนหยางชูได้ยินหยางชูแนะนำตัวให้ตนก็รีบคำนับทันที
กัวสวี่มองจงซู่ที่อยู่บนเตียงใบหน้าของเขาซีดไร้สีเลือด ริมฝีปากและขอบตาของเขาถูกแต่งแต้มด้วยรอยช้ำดูเหมือน….
หยางชูเปิดผ้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายดึงผ้าพันแผลออกจากบาดแผลแล้วพูดว่า
“เชิญใต้เท้ากัวดู ซูถูผู้นั้นน่ารังเกียจจริงๆ เขาได้วางยาพิษลูกธนูของเขาด้วย!”
กัวสวี่ตั้งใจมอง และเห็นว่ามีบาดแผลลึกบนไหล่ของจงซู่ ผิวหนังเป็นสีคล้ำ มีเลือดสีดำรั่วไหลออกมาเล็กน้อย
กัวสวี่ฝืนมองอย่างอดกลั้น แต่เขาไม่เข้าใจทักษะทางการแพทย์จากนั้นเขาก็ถามว่า “แพทย์ทหารล่ะ เหตุใดถึงปล่อยเอาไว้เช่นนี้”
“แพทย์ทหารกำลังคิดที่จะเอาพิษออกอยู่!” หยางชูตอบเบาๆ
ทั้งสองพูดคุยกันจงซู่ตื่นขึ้นอย่างเงียบๆ และเห็นกัวสวี่จึงเอ่ยเสียงแหบแห้ง
“ใต้เท้ากัว โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่ได้คารวะท่าน”
กัวสวี่รีบตอบ “แม่ทัพจงกำลังต่อสู้เพื่อบ้านเมืองอย่าไปสนใจเรื่องนี้เลย” และพูดอีกว่า “ท่านแม่ทัพต้องอดทนไว้นะ! ชีวิตของพวกเราในเมืองนี้ต้องพึ่งท่านแล้ว!”
จงซู่พูดเสียงอ่อนแรง “ข้าเกรงว่าข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้ ใต้เท้ากัวข้าไม่คิดว่าท่านจะมาที่นี่ คนเกียรติยศสูงเช่นท่านช่างน่าซาบซึ้งอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าสถานการณ์ตอนนี้จะทำร้ายท่าน…”
“แม่ทัพจงพูดอะไรน่ะพวกเราฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน”
จงซู่รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก “ใต้เท้ากัวพูดเช่นนั้นข้าก็วางใจ เรื่องนี้ขอร้องท่านช่วยปกปิดไว้ด้วย ช่วยลูกศิษย์ของข้าปกป้องเมืองหากสามารถช่วยชีวิต…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เขาก็ขยับริมฝีปากอย่างลำบากและหลับตาลง
“ท่านแม่ทัพหมดสติ!” องครักษ์คนสนิทตะโกน “รีบไปตามหมอเร็ว!”
เกิดความยุ่งเหยิงอยู่ในห้อง และหยางชูก็เชิญเขาออกไปอย่างสุภาพ
“ร่างกายของท่านยังไม่ฟื้นตัวดีตอนนี้ที่นี่ยุ่งมากเชิญท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
กัวสวี่ยืนอยู่นอกห้องสักพักฟังเสียงวุ่นวายด้านในจากนั้นเดินออกไปก่อน ก่อนจากไปเขาพูดกับองครักษ์ที่เฝ้าประตูว่า “หากแม่ทัพจงฟื้นแล้วให้แจ้งข้าด้วย”องครักษ์รับปากเขา
เมื่อเห็นร่างของกัวสวี่หายไปเขาจึงรีบเปิดประตูและพูดว่า “เขาไปแล้ว”
ภายในห้องแพทย์ทหารได้ล้างบาดแผลของจงซู่อย่างไม่เร่งรีบ ยาสีดำไหลลงบนจาน และจงซู่ผู้ซึ่งควรจะหมดสติได้ลืมตาขึ้น
“ท่านอาจารย์ เขาจะเชื่อหรือไม่” หยางชูถาม
จงซู่ตอบ “หลังบาดเจ็บข้าไม่ได้ปรากฏตัวเลย เขาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ” และพูดกับหยางชูว่า “คนผู้นี้เข้ามาในราชสำนักตั้งแต่อายุยังน้อยพูดคล่องโน้มน้าวจิตใจเก่ง แต่จิตใจไม่ดี หากพวกเราคิดตั้งรับโจมตียังต้องพึ่งพาเขา”
………….