คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 435 เอาความดีความชอบ
คุณชายหยางกับใต้เท้ากัวทะเลาะกันอีกครั้ง
คราวนี้สาเหตุมาจากคุณชายหยางบ่นว่าหนาวเกินไปและขอให้นำหนังมาทำเสื้อผ้าใหม่ ใต้เท้ากัวบอกว่าเขาไม่เห็นอกเห็นใจคนของเขาหรืออย่างไร ไม่เห็นหรือว่าคนอื่นแม้แต่เสื้อผ้าเก่ายังไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้
คุณชายหยางเริ่มโมโหและประชดว่าใต้เท้ากัวซื้อใจคน คนของเขาจำเป็นต้องให้คนอื่นมาต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมด้วยหรือ
จากนั้นทั้งสองก็ถูกแม่ทัพจงเชิญตัว เหล่าทหารสงบลงมาก พวกเขาเหลือบมองกันจากนั้นก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง
ทั้งสองเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว แต่มาทะเลาะกันทั้งวันเพื่อเสื้อผ้าอาหาร ไร้เดียงสาจริงๆ ได้ยินมาว่าสาเหตุของการทะเลาะวิวาทของพวกเขาคือคุณชายหยางแอบกินหม้อไฟในหอสังเกตการณ์เมื่อไม่นานมานี้แล้วใต้เท้ากัวมาเห็นเข้า
โชคดีที่แม่ทัพอยู่ด้วยจะทะเลาะก็ทะเลาะไปถ้าไม่เสียเวลาหน้าที่ของตนก็ไม่เป็นไร หยางชูและใต้เท้ากัวเข้าไปในห้องรักษาตัวของจงซู่
กัวสวี่พูดก่อนว่า “ข้าได้ติดต่อต้าห่านของเผ่าเก๋อซาง แต่เผ่าหมาป่าหิมะดูเหมือนจะจับตาดูพวกเราอย่างใกล้ชิด คุณชายหยาง ท่านเห็นว่า…”
หยางชูกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ข้าทำตามคำแนะนำของใต้เท้ากัวแล้ว ออกไปก่อกวนค่ายของทหารเผ่าหูทุกคืนแค่นี้ยังไม่พอหรือ”
เมื่อต้องขอร้องกัวสวี่จะมีท่าทีใจดีเป็นพิเศษ “ลำบากคุณชายแล้วเพียงแต่เรื่องนี้ไม่ง่ายเพียงนั้น หลายวันมานี้ข้าคอยจับตาดูพบว่าผู้นำเผ่าหูซูถูนั้นเก่งกาจมาก การเคลื่อนไหวของเผ่าเก๋อซางไม่สามารถซ่อนตัวจากเขาได้ อีกอย่างพวกเราทำได้แค่ติดต่อเผ่าอื่นภายใต้จมูกของเขาเท่านั้นเรื่องนี้อันตรายอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่เราสามารถใช้ประโยชน์ได้คือช่วงเวลาที่ซูถูประมาทเลินเล่อ นี่เป็นโอกาสเดียวสำหรับพวกเราที่จะตั้งรับเพื่อโจมตี”
กัวสวี่ไม่เคยสุภาพกับทหารเช่นนี้มาก่อนพูดได้ว่าพูดด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อตนด้วยซ้ำ
หยางชูเพียงแค่ยกมุมปากและพูดว่า “ใต้เท้ากัวเพียงแค่ออกความคิด ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้ากำลังต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเขา! ทุกวันนี้มีหลายคนเสียชีวิตในสนามรบและข้ารู้สึกเป็นทุกข์มาก”
มุมปากของกัวสวี่กระตุกเขาสาปแช่งในใจ
ยามปกติเล่นเนื้อเล่นตัวก็ช่างไป แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้หากพวกเขาทำสำเร็จ ซีเป่ยจะไม่มีปัญหาชายแดนอย่างน้อยยี่สิบปี! มีคนตายกี่คนแล้วอย่างไร ในสงครามจะไม่มีคนตายได้อย่างไรกัน คราวนี้สถานการณ์อันตรายแล้วไม่ตายหมดก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!
แต่ใต้เท้ากัวไม่กล้าดุเขา หากคุณชายหยางผู้นี้อารมณ์เสียอย่างไม่มีเหตุผลคงไปลงกับผู้อื่นเป็นแน่ เพื่อประโยชน์ในการเลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงานของตน เขาจึงต้องทน!
กัวสวี่ยิ้มอย่างจริงใจ “คุณชายหยางวางใจเถอะ หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทขอความดีความชอบให้พวกท่าน ท่านลองคิดดูเรื่องวาทศิลป์ข้าถนัดนัก ส่วนเรื่องสังหารศัตรูคงต้องรบกวนพวกท่านแล้ว นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่หากทำสำเร็จคุณชายอาจได้ถูกแต่งตั้งเป็นโหว เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะได้กลับเมืองหลวง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พูดเรื่อยเปื่อยหรอกนะ”
หยางชูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “มันก็มีเหตุผล…”
กัวสวี่ยังคงพยายามต่อไป “เพราะฉะนั้นคุณชายต้องอดทนไว้ก่อน หากเราทำสำเร็จในครั้งเดียวก็ไม่ต้องทนทุกข์อยู่ที่นี่แล้ว เฮ้อ..อย่าพูดว่าท่านไม่คุ้นเคยจนถึงทุกวันนี้ข้าเองก็ไม่ชินกับมันด้วยเช่นกัน!”
“ก็ได้…” หยางชูพูดอย่างไม่เต็มใจคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเพิ่มเงื่อนไขว่า “เอาเป็นว่าท่านแสดงความดีความชอบแทนข้าแล้วยังมีคนของข้า ท่านกินเนื้อแล้วให้พวกเขาทานน้ำแกงหรือ”
“คุณชายหยางพูดอะไรน่ะ อยากกินเนื้อทุกคนก็มากินด้วยกันจะให้พวกทหารทานน้ำแกงได้อย่างไร ท่านวางใจเถอะ!”
หยางชูพอใจ “พูดได้ดี ได้! เอาตามที่ใต้เท้ากัวว่ามาข้าคงต้องสู้สุดชีวิต ท่านพูดมาได้เลยว่าต้องทำอะไร”
กัวสวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดคำขอของตน “ข้านัดกับพวกเขาไว้ว่าเตรียมเสี่ยงบุกค่ายศัตรู หากซูถูจ้องมองอยู่เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเชิญคุณชายหยางทำเรื่องใหญ่เพื่อดึงความสนใจของซูถูออกไป เพื่อที่เขาจะได้ไม่มีเวลาจับตามองเผ่าเก๋อซาง”
หยางชูเลิกคิ้ว “คนที่ออกจากเมืองเพื่อลอบโจมตีควรมีจำนวนไม่มาก ท่านคิดทำเรื่องใหญ่มันค่อนข้างยาก ซูถูมีผู้ใต้บังคับบัญชามากมายจะรั้งเขาไว้ได้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ต้องรบกวนคุณชายหยาง” กัวสวี่ยิ้มและถามจงซู่ที่นอนอยู่บนเตียง “แม่ทัพจง ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร”
จงซู่ดูไร้เรี่ยวแรงเมื่อได้ยินเสียงของเขาก็พยายามดึงสติ “นี่เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ ไม่ว่าความเสี่ยงจะใหญ่เพียงใดมันก็คุ้มค่า”
กัวสวี่ดีใจอย่างไรเขาก็เป็นแม่ทัพใหญ่ต้องรู้สถานการณ์โดยรวม
“คุณชายหยาง แม่ทัพจงเองก็ว่าเช่นนั้น ท่าน…”
“ได้ๆ!” หยางชูพึมพำ “ไม่ใช่ท่านที่ต้องสู้สุดชีวิตท่านก็พูดได้สิ”
“ข้าเองก็พยายามสุดชีวิตเช่นกัน!” กัวสวี่มีใบหน้าเศร้าสร้อย “เข้าไปในค่ายศัตรูให้คนอื่นอยากตัดหัว แต่มันเป็นเพียงเรื่องของความคิด คุณชายหยางข้าก็เสี่ยงไม่น้อยไปกว่าท่าน!”
หยางชูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็จริง”
เขาแสร้งทำเป็นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หากต้องการรั้งซูถูมีเพียงวิธีเดียว”
“วิธีอะไรหรือ”
“ไปฆ่าเขา!” ดวงตาของกัวสวี่เป็นประกาย “เป็นวิธีที่ดี!”
“ใต้เท้ากัว!” หยางชูยังคงแสดงความไม่พอใจ “ท่านคิดว่าฆ่าเขามันง่ายนักหรือ ข้างกายซูถูมีองครักษ์เผ่าหมาป่าหิมะซึ่งล้วนเก่งกาจกล้าหาญมาก หากต้องทำเช่นนั้นจริงๆ แม้แต่องครักษ์ข้างกายท่านอาจารย์ข้าคงต้องยืมตัวไปด้วย พวกเขาล้วนเป็นทหารชั้นยอด แต่ละคนราวกับปีนขึ้นมาจากเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดและศพ หากเสียไปหนึ่งคนมันก็เป็นการสูญเสียสำหรับต้าฉีด้วย!”
กัวสวี่พูดซ้ำอีกครั้งว่า “ท่านวางใจเถอะ ข้าต้องแสดงความดีความชอบเพื่อพวกเขา หากมีชีวิตได้เลื่อนตำแหน่ง ตายได้รับพระราชทานตำแหน่ง ความดีความชอบที่ยกให้ได้ข้ายกให้หมด!”
“ท่านพูดแล้วนะ”
“ข้ารับปาก”
หยางชูถอนหายใจ “ได้ เพื่อประโยชน์ในหน้าที่ของใต้เท้ากัวคงต้องสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ขอบคุณมากๆ” หลังจากพูดคุยเรื่องนี้ เมื่อกัวสวี่ออกมาจากห้องของจงซู่ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ อะไรคือเพื่อหน้าที่การงานของเขาเพียงแค่เข้าไปในค่ายของศัตรู ยั่วยุให้เผ่าหูแค้นกันเอง แน่นอนว่าเป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ส่วนพวกเขามีหน้าที่นำทหารโจมตีไม่ใช่หรือ
ช่างมันเถอะ บางทีพวกเขาอาจกลัวขุนนางดังนั้นจึงต้องรับประกันใช่หรือไม่
อืม..แม้เขาจะลุ่มหลงในการเป็นชนชั้นสูง แต่เขาก็มีศีลธรรมให้ความดีความชอบทั้งหมดกับพวกเขาก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
เมื่อกัวสวี่ออกไปก็เกิดเสียงหัวเราะลั่นในห้อง
จงซู่ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดหน้าจากองครักษ์คนสนิทมาเช็ดแป้งสีขาวบนใบหน้า จากนั้นก็ยิ้มให้เขา “ที่แท้ก็เตรียมการมานานแล้ว ให้ใต้เท้ากัวเป็นแพะเป็นหนี้น้ำใจเขาจริงๆ”
หยางชูหุบยิ้มแล้วพูดเสียงขรึม “ขุนนางเหล่านี้ใฝ่ฝันที่จะเข้าไปในค่ายของศัตรูใช้วาทศิลป์ให้อีกฝ่ายถอยทัพ วีรชนลือนามตลอดกาล อันที่จริงเรื่องไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น หากไม่มีอำนาจทหารอยู่เบื้องหลังพวกเขาผู้ใดจะฟังคำสั่งพวกเขากันเล่า ผู้อาวุโสกัวมีชื่อเสียงหากสำเร็จผู้ใดจะรู้ว่าเพื่อถูกบันทึกในประวัติศาสตร์จะฉกชิงความดีความชอบของทหารมา นักกวีอ้าปากพูดก็ดูทึ่งถูกเขียนเป็นบทความก็แพร่กระจายไปทั่วหล้าล้วนเป็นความน่าเกรงขามอันชอบธรรมของเขา ส่วนผู้หลั่งเลือดและหยาดเหงื่อจริงๆ ก็กลายเป็นส่วนเสริมให้เด่น ในเมื่ออาจารย์มอบคนของท่านให้แก่ข้าแน่นอนว่าข้าปล่อยให้พวกเขาล้มลงไม่ได้”
จงซู่รู้สึกพอใจ “แม้ท่านจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแปลกๆ อยู่เสมอ แต่ทักษะการอ่านใจช่างแม่นยำ องค์หญิงใหญ่และผู้เฒ่าโหวไม่ได้สอนท่านเสียเปล่าข้ารับท่านเป็นศิษย์ก็ไม่เปล่าประโยชน์เช่นกัน”
หยางชูพูด “ซูถูรับมือได้ยากมากข้าคิดว่าเขาอาจจะรู้แผนของพวกเรา ด้วยความทะเยอทะยานของเขาจะต้องคิดแผนซ้อนแผนเป็นแน่ กลายเป็นว่าล่อพวกเราลงอ่าง ครั้งนี้ต้องอันตรายมากแน่หากข้าไม่สามารถกลับมาได้รบกวนท่านอาจารย์ช่วยดูแลขุนศึกของข้าด้วยขอรับ”
จงซู่ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “ท่านไม่ต้องกังวลตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะปกป้องพวกเขาจนถึงที่สุด”
…………