คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 445 ข่าวลือ
ฤดูใบไม้ร่วงมาติดต่อกันไม่ขาด หน้าจวนหลู่เฉียนผู้ดูแลต้อนรับไม่รู้ว่าต้องออกมาไล่คนกี่ครั้งแล้ว
“ท่านฟู่ ผู้อาวุโสยุ่งมากจริงๆ ท่านกลับไปเถอะ”
เหมือนกับครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาในจวนหลู่เซียง ฟู่จินถือร่มมาหา เขาทั้งรูปหล่องดงาม กิริยาท่าทางสูงสง่าดั่งสุภาพบุรุษ
เขายิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “เจ้าพูดมาแล้วข้าเองก็ได้ยิน”
“แล้วเหตุใดท่านถึงไม่กลับไป”
“ผู้อาวุโสยุ่งมาก แต่ข้าเองก็มีเรื่องสำคัญมากเช่นนั้นรออยู่ที่นี่ดีกว่า” ฟู่จินยิ้มแล้วเดินเข้าไปข้างใน “ที่นี่ฝนไม่ตก ลมฤดูใบไม้ร่วงเย็นนิดหน่อย แต่ร่างกายแข็งแรงพอก็ไม่เป็นไร”
ช่าง…เอาอกเอาใจเก่งจริงๆ! มุมปากผู้ดูแลกระตุกหากเขากล้าปล่อยให้ฟู่จินยืนรออยู่ที่นี่ ข่าวลือคงลามไปทั่วเมืองหลวงก่อนคืนนี้เป็นแน่
ฟู่จินผู้นี้ครั้งแรกที่เขามายังจวนหลู่เซียงมีคนไม่มากที่รู้จักเขา แต่ในเวลาเพียงสองปีไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเขาแล้ว ทุกคนรู้ว่าฟู่จินคืออาจารย์พิเศษของไท่จื่อ แม้แต่ฮ่องเต้ยังเรียกเขาเข้าวังเพื่อพูดคุย
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาไท่จื่อและซิ่นอ๋องได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ท่านฟู่เองยืนหยัดอยู่ข้างกายไท่จื่อ
เขายืนอยู่ตรงประตูจวนหลู่เซียงอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้จะให้ผู้อื่นมองผู้อาวุโสหลู่เฉียนว่าอย่างไรให้พูดอีกอย่างก็คือเขาต้องการให้ผู้อื่นเกิดความสงสัยงั้นหรือ
ไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเรื่องของผู้อาวุโสหลู่เฉียนกับคนของไท่จื่อได้ถูกเอาไปพูดเป็นตุเป็นตะแน่นอน แต่ก็แปลกข่าวลือในเมืองหลวงได้แพร่กระจายไปอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีมานี้…
ผู้ดูแลไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเองจึงรีบเข้าไปส่งข่าวสักพักก็มีข้อความจากข้างในส่งออกมาเชิญฟู่จินเข้าไปข้างใน
ฟู่จินพยักหน้าขอบคุณ “ลำบากเจ้าแล้ว” เขากวาดสายตาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากราวกับจะพูดว่าอย่างไรก็ต้องเข้าไปอยู่แล้วจะห้ามไปทำไมกัน
บ่าวรับใช้พาเขาเข้าไปในห้องหนังสือ ผู้อาวุโสหลู่เฉียนกำลังจุดไฟ สองปีผ่านไปเขาดูแก่ขึ้น ผมเริ่มล้านจนแทบปักปิ่นไม่ได้แล้ว
ฟู่จินอาศัยอยู่ในจวนหลู่เซียงมาระยะหนึ่งตอนนี้เขาเหมือนกับว่ากำลังกลับบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน เขาสั่งเด็กรับใช้ให้เตรียมอาหาร และเครื่องดื่มอย่างไม่เกรงใจ
ถั่วลิสงของจวนหลู่เซียงคั่วได้ดีทั้งกรอบทั้งหอม นอกจากนี้ยังมีผัดถั่วงอกซึ่งกรอบอร่อยมาก น่าเสียดายที่ไม่มีหัวหมูตุ๋นจากวางจี้ไม่เช่นนั้นคงทานอย่างเอร็ดอร่อยกว่านี้
หลู่เฉียนกำลังพลิกหน้าหนังสือ แต่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามา รอให้เขาลิ้มรสสุราเสร็จจึงพูดว่า “ข้าคิดว่าชีวิตนี้ท่านคงไม่ก้าวเข้ามาที่นี่อีก”
ฟู่จินจิบสุรา กินถั่ว แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “ท่านดูถูกข้ามากไปแล้ว ข้าดูเป็นผู้ที่ไม่คิดถึงมิตรภาพเก่าๆ เลยหรือ”
หลู่เฉียนพ่นลมหายใจ “ข้าหวังว่าท่านจะไม่คิดถึงมิตรภาพเก่าๆ”
ระยะเวลาสองปีได้รับการยืนยันเรื่องหนึ่ง นั่นคือผู้ใดก็ตามที่อยู่ใกล้เขาจะโชคร้าย ดูอย่างไท่จื่อสิเป็นรัชทายาทอยู่ดีๆ เดิมทีเป็นตำแหน่งที่มั่นคง แต่ตอนนี้กลายเป็นเช่นไร
เห็นได้ชัดว่าทั่วทั้งเมืองหลวงแม้แต่ฮ่องเต้ก็เคารพเขาในฐานะอาจารย์ พอนึกถึงไท่จื่อก็ต้องส่ายหัวมีอาจารย์เช่นนี้เหตุใดถึงได้น่าผิดหวังเช่นนี้!
หลู่เฉียนรู้ว่าเด็กคนนี้น่ากลัวมานานแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าเขาน่ากลัวจนกระทั่งตอนนี้ คลื่นลูกใหม่แม่น้ำแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า[1] คลื่นลูกเก่าอย่างเขาผ่านมาได้จนถึงตอนนี้ช่างเหนือบ่ากว่าแรงจริงๆ
“ท่านมาทำอะไร” เขาถาม
ฟู่จินตอบ “ท่านไม่ได้รู้อยู่แก่ใจแล้วหรือ”
หลู่เฉียนเงียบอยู่นาน ฟู่จินยืนหยัดมั่นคงในฐานะอาจารย์ของไท่จื่อแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับขุนนางในราชสำนัก แม้แต่ฮ่องเต้ยังคิดว่าเขาเป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรจึงทำให้อีกฝ่ายไม่กลัวที่เขาเดินทางมายังจวนหลู่เซียงซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก
หลู่เฉียนโยนเอกสารในมือต่อหน้าเขา “หากท่านมาเพราะเรื่องนี้เกรงว่าข้าคงช่วยไม่ได้”
ฟู่จินหยิบเอกสารขึ้นมา และเห็นว่ามันถูกเขียนเกี่ยวกับกบฏในเฉิงโจวก็ยิ้ม “ผู้อาวุโสถ่อมตัวเกินไปแล้ว ถ้ามีผู้ใดในโลกนี้ที่สามารถช่วยข้าได้นอกจากผู้อาวุโสก็ไม่มีใครอื่นแล้ว”
ใบหน้าแก่ชราของหลู่เฉียนตอนนี้ดูโหดเหี้ยมขึ้นสองส่วนอำนาจควบคุมราชสำนักสำแดงขึ้นมาโดยไม่ต้องสงสัย
เขาพูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่สนใจสิ่งที่ท่านทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และไม่ต้องการให้ท่านสร้างเรื่องใหญ่โตในตอนนี้ เด็กน้อย ท่านคิดว่าข้าแตะต้องท่านไม่ได้หรือ ศักดิ์ศรีอาจารย์ของท่านคงไม่ได้มากมายเพียงนั้น!”
ฟู่จินยังคงยิ้ม และพูดด้วยสีหน้ารนหาที่ตาย “นั่นเป็นเรื่องภายในของท่าน ข้าคิดว่าผู้อาวุโสคงเห็นชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าจะไท่จื่อหรือซิ่นอ๋องล้วนไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับหน้าที่อันหนักหน่วงนี้”
หลู่เฉียนแค่นหัวเราะ “ในทุกราชวงศ์มีฮ่องเต้กี่พระองค์ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงกัน ตราบใดที่มีขุนนางเข้าประจำตำแหน่ง ทุกคนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ แคว้นเราก็ไม่ถือว่าล้มเหลว นอกจากนี้หากไม่มีทั้งสองพระองค์ก็ยังมีอันอ๋อง!”
“ที่ท่านพูดมารู้สึกละอายใจบ้างหรือไม่” ฟู่จินยิ้มไปพูดไป “ฮ่องเต้ไม่สนใจเรื่องต่างๆ อำนาจอยู่ในมือของข้าราชบริพารที่แท้ท่านมีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจหรือ”
คำพูดนี้ไม่ต่างอะไรจากการพูดแทงใจดำ คนอารมณ์ดีอย่างหลู่เฉียนตอนนี้อดไม่ได้ที่จะโกรธ
เขาตะโกน “ท่านกล้าพูดให้ร้ายข้าหรือ!”
“ดูจากสิ่งที่ท่านพูดมาข้าจะกล้าได้อย่างไร” ฟู่จินลดเสียงลงและพูดช้าๆ “ผู้อาวุโสท่านผ่านมาสองรัชสมัยแล้ว ท่านก็รู้ดีว่าฮ่องเต้มีอำนาจสามารถควบคุมทิศทางของแผ่นดินได้ แต่หากเขาไม่มีคุณสมบัติก็คงเหมือนผลักเรือใหญ่นี้ลงคูไป เรือใหญ่อย่างแคว้นต้าฉีผ่านมาไม่ได้ง่าย! ตอนนั้นไม่สามารถรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งได้ และตอนนี้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถก้าวหน้าหรือถอยหนี ฮ่องเต้ที่แค่ปกป้องเมืองคงไม่เพียงพอ ท่านเคยช่วยเหลือฮ่องเต้ไท่จู่ท่านไม่คิดถึงฮ่องเต้เช่นนั้นหรือ”
หลู่เฉียนแค่นหัวเราะตอบ ฮ่องเต้ไท่จู่ เขาละอายใจที่จะเปรียบเทียบเด็กคนนั้นกับฮ่องเต้ไท่จู่!
“ยิ่งไปกว่านั้นท่านไม่คิดว่าสถานการณ์นี้จะเป็นพระประสงค์ของสวรรค์บ้างหรือ ท่านลังเลที่จะเลือก แต่ดันมีคนอื่นช่วยท่านเลือกซะอย่างนั้น”
ฟู่จินค่อยๆ ผลักเอกสารออกไป มันระบุชัดเจนว่ากลุ่มกบฏเฉิงโจวอ้างว่าตำแหน่งปัจจุบันไม่ถูกต้อง การลอบทำร้ายซือฮว๋ายไท่จื่อทำให้ไท่จื่อ และครอบครัวเสียชีวิตต่อมาได้ทำร้ายสายพระโลหิตของไท่จื่ออีกด้วย พวกเขากำลังพยายามทำให้ทุกอย่างถูกต้องให้ฮ่องเต้นำทายาทของซือฮว๋ายไท่จื่อกลับมา
เพียงแค่นั้นเองไม่มีอะไร ผู้คนประเภทนี้ปรากฏขึ้นหลายครั้งในแต่ละราชวงศ์ สิ่งที่ทำให้ปวดหัวมากที่สุดคือข่าวลือล่าสุดจากแหล่งที่ไม่รู้จักกล่าวว่าคุณชายสามจากตระกูลหยางที่ถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงนั้นเป็นลูกหลานของซือฮว๋ายไท่จื่อ
หลู่เฉียนถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ท่านบอกความจริงมาท่านเป็นคนปล่อยข่าวลือเหล่านั้นออกมาหรือไม่”
ฟู่จินส่ายหน้า “ไม่”
“สองปีมานี้ท่านจัดการเรื่องต่างๆ ทำให้เรื่องอื้อฉาวระหว่างไท่จื่อและซิ่นอ๋องแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทำให้สูญเสียอำนาจบารมีอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้ท่านบอกว่าข่าวลือพวกนั้นไม่เกี่ยวกับท่านหรือ”
ฟู่จินพูดอย่างจริงใจ “ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ ท่านลองคิดดูว่าก้าวนี้อันตรายแค่ไหน! ทางนั้นมีพวกกบฏอยู่แล้วตอนนี้ก็มีข่าวลือเช่นนี้ซึ่งเท่ากับทำให้เขาถูกแขวนอยู่บนกองไฟ ในสายตาของคนผู้นั้นมีโอกาสสูงที่จะยอมรับมันหรือมีโอกาสสูงที่ทนลำบากทำเพียงครั้งเดียวหลังจากนั้นก็จะสบายไปตลอดงั้นหรือ จากที่ข้าคิดดู ตอนนี้ปีกของเขายังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์ซึ่งก็ไม่ต่างจากการมองหาความตาย”
หลู่เฉียนเงียบ “หากข้าทำมันจริงๆ ข้าจะมาหาท่านทำไมกัน อันที่จริงก้าวนี้ด้วยความสามารถของข้าไม่สามารถผ่านด่านนี้ได้อย่างปลอดภัยแน่ ผู้อาวุโส หากท่านไม่ลงมือสายเลือดนี้คงสูญสิ้นแล้วจริงๆ”
……………
[1] คลื่นลูกใหม่แม่น้ำแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า : คนรุ่นใหม่ที่ความสามารถมากกว่า สดใหม่กว่า เข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าที่แก่ตัว โรยราไป