คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 457 ปกป้องเขา
จงซู่ไม่มีเวลามานั่งสับสนปัญหานี้ เพราะซูถูมาแล้ว จงซู่โจมตีครึ่งทางและเข้าไปพัวพันกับทหารที่เหลือของเผ่าหูภายใต้คำสั่งของซูถู พัวพันกันตลอดทางไปจนถึงกองกำลังที่เหลียงชวน
ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กัน การต่อสู้นั้นดุเดือดจนจงซู่ถอนหายใจ
ไม่ว่าฮ่องเต้จะคิดอย่างไรเขาหวังที่จะวางรากฐานสำหรับสงครามครั้งนี้และเตรียมพร้อมสำหรับการออกรบทางใต้ นี่คือความฝันสามชั่วอายุคนของตระกูลจง และเป็นเจตจำนงของฮ่องเต้ไท่จู่ด้วย ไม่เพียงแต่จงรุ่ยเท่านั้นที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของจงซู่ กัวสวี่เองก็สังเกตเห็นเช่นกัน
ตาแก่นี่คิดเล็กคิดน้อยมากรู้ว่าในกองทัพซีเป่ยมีเรื่องกับจงซู่ไม่ใช่เรื่องที่ดี หากตนต้องการเอาเปรียบจะต้องสร้างคุณงามความดีได้จริง ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไร
สงครามนี้กินเวลาสองเดือนจนสามารถเห็นทิวทัศน์ปลายฤดูใบไม้ร่วง อาจเป็นเพราะจงซู่กำลังกลั้นความโกรธ กองทัพแคว้นฉีโจมตีอย่างบ้าคลั่งภายใต้คำสั่งของเขา
ซูถูไม่อยากล่าถอย แต่เขาไม่สามารถควบคุมเผ่าอื่นได้ปีกซ้ายปีกขวาของเขาจึงถูกโจมตี เขาพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่อยากถอยแล้วก็ไม่หลบด้วย
ไม่รู้ว่าจงซู่ไปกินยาอะไรมาถึงได้ดูเหมือนไม่กลัวตายเช่นนี้ เขาเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงจึงมีรูปแบบการโจมตีที่หนักหน่วงไม่ต้องพูดถึงซูถูในตอนนี้เลย ซูถูในอีกแปดปีสิบปีข้างหน้าก็ไม่มีทางต้านทานอีกฝ่ายได้
ทันทีที่กองทัพหูถอยกลับเหลียงชวนก็ตกอยู่ในมือของกองทัพแคว้นฉี
กองทัพแคว้นฉีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่แม่ทัพทุกคนก็รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายต่อแคว้นฉีอย่างไร นี่เป็นชัยชนะสงครามกับหูเหรินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังสิ้นสงครามก่อตั้งแคว้น! พวกเขาจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
ในงานเลี้ยงฉลองกัวสวี่อารมณ์ดีมาก
ในการต่อสู้ครั้งนี้จงซู่ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะได้รับความดีความชอบเป็นอันดับแรก แต่คนที่สองรองจากจงซู่ก็น่าจะเป็นเขา
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเขาและจงซู่ได้บรรลุข้อตกลงกันนานแล้ว เขาช่วยประนีประนอมความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพซีเป่ยและราชสำนัก และจงซู่จะแบ่งความดีความชอบให้แก่เขา
ไอหยา ด้วยความดีความชอบนี้กลับเมืองหลวงสะสมคุณสมบัติและประสบการณ์สักสองสามปีก็สามารถจินตนาการถึงตำแหน่งโส่วเซียงได้เลย
จะว่าไปหลู่เซียงก็อายุเจ็ดสิบปีแล้วอีกไม่กี่ปีก็คงเกษียณ กัวสวี่คิดแล้วก็หัวเราะออกมา
“ใต้เท้ากัว” เสียงของจงรุ่ยขัดจังหวะความฝันของเขา
กัวสวี่ยิ้มแล้วคารวะให้เขา “แม่ทัพน้อย ยินดีด้วย!”
ไม่ต้องสนว่าใครเป็นใครวันนี้ทุกคนร่วมกันแสดงความยินดีก็พอ จงรุ่ยตอบรับพอเป็นพิธีและพูดเสียงเรียบ “ท่านพ่อให้มาเชิญท่านขอรับ”
กัวสวี่คิดเขาจะแบ่งความดีความชอบใช่หรือไม่ ฮ่าๆๆ ดีเลย!
“เชิญแม่ทัพนำทาง” กัวสวี่เดินตามจงรุ่ยทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในกระโจม ภายในกระโจมมีคนสามคนนั่งอยู่ นอกจากจงซู่แล้วยังมีทหารร่วมรบคนสนิทของเขาแล้วก็หยางชู
จงซู่จ้องมองแผนที่อย่างเหม่อลอยเห็นได้ชัดว่าชนะการต่อสู้ครั้งใหญ่ แต่ใบหน้าของเขาไม่มีความสุขเลย
“แม่ทัพจง” เสียงของกัวสวี่ดึงสติของจงซู่กลับมาเขายิ้มให้อย่างสุภาพ “ใต้เท้ากัว”
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายกัวสวี่จึงเก็บรอยยิ้มกลับไปแล้วถามเสียงจริงจัง “แม่ทัพจงเรียกข้ามามีเรื่องอะไรหรือ”
สายตาของจงซู่ยังไม่ละออกจากแผนที่เขาลูบหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “ข้าอยากคุยกับท่านว่าจะเขียนรายงานสงครามอย่างไรดี”
มาแล้ว แบ่งความดีความชอบ!
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกัวสวี่อีกครั้งเขารู้ว่าอารมณ์ของจงซู่ไม่ปกติ แต่หลังสงครามครั้งใหญ่มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะเฉื่อยชาเล็กน้อย เช่นเดียวกับเขา หากต้องใช้สามร้อยเพลงรบวันต่อมาก็คงยืดเอวตรงไม่ได้…
“แม่ทัพจงมีความเห็นว่าอย่างไร” น้ำเสียงของกัวสวี่อ่อนโยนมาก
จงซู่เรียกกำลังใจ และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “สงครามครั้งนี้ยากลำบากนัก ข้าจะมอบความดีความชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าซึ่งตามความเห็นของข้าแล้วการโจมตีศัตรูในวันนี้คุณชายสามตระกูลหยางจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรก หากไม่ใช่เพราะเขาและนักรบเกราะเหล็กแบ่งกองกำลังออกเป็นสองทาง ใช้ค่ายกลห่วงคู่ทำลายปีกซ้ายและปีกขวา พวกเราคงไม่สามารถยึดเหลียงชวนได้ง่ายดายเช่นนี้”
ทันทีที่พูดจบไม่ใช่แค่กัวสวี่ที่ตกใจ หยางชูเองก็ตกใจด้วย
จงซู่อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกว่าแม้ว่าตนจะเสียชีวิตที่นี่ก็จะไม่ได้ความดีความชอบทางการทหารแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น จงซู่จะแบ่งความดีความชอบให้เขางั้นหรือ
กัวสวี่คิดว่าตนเองได้ยินผิด “แม่ทัพจง ท่านว่าอะไรนะ”
จงซู่พูดช้าๆ เน้นย้ำทุกคำ “การโจมตีศัตรูในวันนี้คุณชายสามจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรก”
“…” กัวสวี่มองไปรอบๆ เมื่อไม่มีบุคคลภายนอกในกระโจมเขาก็ถามออกไปตรงๆ “แม่ทัพจงท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ความหมายตามนั้น” จงซู่พูดเสียงอ่อน “รายงานสงครามวันนี้ นอกจากความดีความชอบในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว คุณชายสามมีความดีความชอบอันดับหนึ่ง”
กัวสวี่โกรธจัด และยืนขึ้นอย่างโกรธเคือง “จงซู่ ท่านได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วจะถีบหัวส่งหรือ ก่อนหน้านี้ท่านสัญญากับข้าว่าอย่างไร ตอนนี้ชนะศึกชี้ขาดแล้วจะโยนข้าทิ้งหรือ” เขาคิดว่าตนมีท่าทีโกรธเช่นนี้แล้วจงซู่จะอธิบายอย่างแน่นอน
ไม่คาดคิดว่าคำพูดที่ตอบกลับเขานั้นยังคงเป็นน้ำเสียงอันแสนเย็นชาของจงซู่ “ใช่! ข้าตัดสินใจยกความดีความชอบให้เขาท่านจะว่าอย่างไร”
สิ้นเสียงนั้นจงรุ่ยก้าวมาข้างหน้าราวกับจ้องพร้อมตะครุบดั่งพญาเสือ มือกดกระบี่ข้างเอว
กัวสวี่เข้าใจทันทีว่าจงซู่จริงจัง ตาแก่นี่เกิดบ้าอะไรขึ้นมาก่อนหน้าก็พูดออกมาแล้วว่าไม่สามารถมอบความดีความชอบให้คุณชายหยางได้ เขาเป็นบ้าอะไร
“ท่านอาจารย์…” หยางชูมีสีหน้าสับสน ก่อนหน้านี้ไม่พูดอะไรเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น!
กัวสวี่เหลือบมองเขาแล้วประมวลผลในใจอย่างรวดเร็ว คุณชายหยางไม่รู้ นั่นหมายความว่าเป็นการพิจารณาของจงซู่เอง น่าแปลกที่จงซู่ไม่ใช่ชาวบ้านไร้การศึกษาที่สามารถต่อสู้ได้ก่อนหน้านี้พูดเสียดิบดี เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนความคิดขึ้นมาเรื่องนี้ต้องมีสาเหตุ
เขาปรับอารมณ์ในใจอยู่หลายรอบก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “แม่ทัพจง ท่านกับข้าทำงานด้วยกันมากว่าครึ่งปี ฝ่าอันตรายมาด้วยกัน มิตรภาพแน่นแฟ้น ข้ารู้ว่าท่านต้องมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลช่วยบอกอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่”
กัวสวี่พูดอย่างจริงใจ แต่เพื่อให้จงซู่ไม่มีความคิดฆ่าปิดปากเท่านั้นแหละ อย่างไรก็ควรตอบ
จงซู่จะตอบกลับ เขาส่งสายตาซึ่งจงรุ่ยก็ยกม่านเดินออกไปแต่โดยดี
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของจงรุ่ย “พวกเจ้าไปเถอะ ข้าจะเฝ้าที่นี่เอง”
กัวสวี่มีลางสังหรณ์ไม่ดี เรื่องใหญ่เพียงนั้นเลยหรือถึงต้องให้จงรุ่ยเป็นคนเฝ้าด้วยตนเอง
ในขณะที่กัวสวี่กำลังคาดเดาจงซู่พูดขึ้นช้าๆ ว่า “มีบางเรื่องที่ใต้เท้ากัวอาจไม่รู้ ประมาณสามสี่เดือนก่อนกบฏเฉิงโจวยกธงโดยอ้างว่าตำแหน่งปัจจุบันไม่ถูกต้อง และต้องการเรียกตำแหน่งคืนให้ซือฮว๋ายไท่จื่อ หลังจากนั้นข่าวลือก็แพร่กระจายไปทั่วหล้าว่าซือฮว๋ายไท่จื่อยังไม่สิ้นทายาทยังเหลือบุตรชายของหย่งซีอ๋องที่ยังมีชีวิตอยู่ และถูกเลี้ยงดูในจวนโป๋วหลิงโหว”
หย่งซีอ๋อง คือหลานชายคนโตของฮ่องเต้ในปีนั้นเลือดบนหน้ากัวสวี่หายไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่หยางชู อ้าปาก แต่ไม่พูดอะไร
ในกองทัพหลายวันมานี้ช่องทางข่าวทั้งหมดอยู่ในมือของจงซู่ เรื่องใหญ่เช่นนี้เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ! ที่แท้คุณชายหยางไม่ใช่บุตรนอกสมรส แต่เป็นบุตรของหย่งซีอ๋อง หลานชายของไท่จื่อองค์ก่อน
นี่มัน…สมองของกัวสวี่ยุ่งเหยิงจนน่ากลัว แต่ท้ายที่สุดในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสเขาก็สงบลงได้ในที่สุด
เขาพูดว่า “แม่ทัพจง ท่านทำเช่นนี้ไม่อยากให้คุณชายหยางมีชีวิตอยู่ต่อหรือ”
“ไม่” จงซู่พูดเสียงเย็นชา “ข้าต้องปกป้องเขา!”
กัวสวี่ตกตะลึง “แม่ทัพจง!”
ปกป้องอย่างลับๆ ก็ช่างไป แต่คำพูดนี้เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“เพราะฉะนั้นใต้เท้ากัววิธีของท่านล่ะ” จงซู่ถามเสียงเหี้ยมมือของเขาจับที่กระบี่