คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 458 กระโดดลงหลุม
บ้าไปแล้ว! เข้าบ้าไปแล้ว!
กัวสวี่ตะโกนในใจ นี่มันการแสดงอะไรกันจงซู่อยากตายหรืออย่างไร
ไม่สิ นี่มันน่ากลัวกว่าความตายเสียอีก เขากำลังทุบชามข้าว[1]ตนเอง เขากำลังทำลายรากฐานของตระกูลจง!
“แม่ทัพจง ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่”
จงซู่ตอบโดยไม่กะพริบตา “ข้ารู้”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าหลังจากทำเช่นนี้ตระกูลจงจะไม่สามารถกลับสู่ตำแหน่งเดิมได้อีก”
จงซู่ยกมุมปากยิ้มเยาะแล้วพูดเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้า “ตระกูลจงเคยมีตำแหน่งด้วยหรือ พูดไปพูดมาก็ไม่พ้นคำว่าเชื่อมั่นสองคำนี้ หากเชื่อมั่นพวกเรา ตระกูลจงจะมั่นคงไม่สั่นคลอน หากไม่เชื่อมั่นทำดีแค่ไหนก็เลือนหายไปในพริบตา”
“จงซู่!” กัวสวี่คิดในใจเขาบ้าไปแล้ว กล้าพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร
ที่เกินไปก็คือบังคับให้ตนบ้าไปด้วยกัน! จงซู่ไม่ได้พูดอะไร แต่มองเขาเงียบๆ มือยังคงจับกระบี่ไม่คิดปล่อย เป็นการข่มขู่ที่ชัดเจนมากกัวสวี่ต้องพิจารณาอย่างจริงจังถึงผลที่ตามมาของการไม่ทำตามเขา
ที่นี่คือค่ายใหญ่ของกองทัพซีเป่ยทั้งด้านในด้านนอกล้วนเป็นคนของจงซู่ หากเขาต้องการฆ่าตนจริงๆ ก็ไม่มีทางรอดอื่นแล้ว กัวสวี่บอกตัวเองให้สงบสติอารมณ์ และคิดก่อนว่าจงซู่ต้องการทำอะไร
“ท่านจะปกป้องเขาอย่างไร” เขาถาม “ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วแล้วท่านต้องการให้เบื้องบนสงสัยเขาหรือ”
จงซู่พูดอย่างเฉยเมย “หากมาถึงจุดที่ต้องการเอาชีวิตแล้วสงสัยไม่สงสัย มันมีความหมายอะไรกัน”
กัวสวี่เป็นคนระดับไหนแล้วเขาประมวลสมองอย่างรวดเร็วก็เข้าใจในความหมายในคำพูดนั้นทันทีซึ่งทำให้เขาตกใจมาก
“ท่าน ท่านจะบอกว่า…” มือที่ชี้จงซู่สั่นระริกในใจมีอยู่ร้อยพันคำพูด แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยน “ท่านบ้าไปแล้ว!”
มาถึงจุดที่ต้องการเอาชีวิตหมายความว่าพวกเขามั่นใจว่าฮ่องเต้ต้องการฆ่าเขา วันที่ถูกลอบฆ่านั้นกัวสวี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ในตอนนี้นึกได้ไม่ยากว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร
อย่างนี้นี่เอง!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากวันนั้นตนไปถามคุณชายหยางเรื่องนั้น เด็กนั่นถึงพูดจาบ่ายเบี่ยง
ในเมื่อจงซู่รู้ว่าฮ่องเต้คิดจะฆ่าหยางชู แต่ยังต้องการปกป้องเขานั่นเป็นการต่อต้านฮ่องเต้ เขาเป็นแม่ทัพการต่อต้านฮ่องเต้จะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร นอกเสียจากเปลี่ยนฮ่องเต้…กัวสวี่ตกใจกับความคิดของตนเอง
“จงซู่ แม่ทัพจง ตาเฒ่าจง!” กัวสวี่พูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด “ท่านใจเย็นก่อน หลายปีมานี้กว่าตระกูลจงจะผ่านมาได้ไม่ง่ายเลยเรื่องนี้จะเกี่ยวพันทั้งตระกูล พวกท่านปกป้องชายแดนมาหลายสิบปีบุตรชายจำนวนมากเสียชีวิตในสนามรบ ไม่ใช่เพื่อที่จะเป็นกบฏหรอกนะ”
จงซู่มองเขาอย่างแปลกใจ “กบฏอะไรกัน”
กัวสวี่ตกตะลึง “ท่านไม่ได้คิดก่อกบฏหรือ”
จงซู่เลิกคิ้ว “กบฏอะไร ตระกูลจงปกป้องแคว้นมาต่อรุ่นสู่รุ่นท่านคิดจะกล่าวหาข้าหรือ”
กัวสวี่สับสน “เช่นนั้นท่าน…”
เมื่อเห็นว่ามีปัญหาในการสื่อสารระหว่างทั้งสองคน ทหารคนสนิทที่เข้าร่วมกองทัพของจงซู่หัวเราะ “ใต้เท้ากัว ท่านเข้าใจผิดแล้วแม่ทัพจงหมายถึงให้ท่านบันทึกความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการต่อสู้ครั้งนี้ให้คุณชายหยางเพื่อเป็นการปกป้องเขา”
“อ้อ…” กัวสวี่เข้าใจแล้ว
อ้อ หมายความเช่นนั้นนี่เอง! เขากลัวแทบตายคิดว่าจงซู่จะสนับสนุนให้เด็กนั่น…
ยังดีๆ แต่ให้ความดีความชอบ!
ถูกผลที่น่ากลัวกว่านั้นทำให้ตกใจแล้ว ตอนนี้กัวสวี่รู้สึกว่าความดีความชอบในครั้งนี้ไม่ได้ก็ช่างมันเถอะเขาจะงอก็ได้จะยืดก็ได้ เมื่อเห็นว่าต้องเสียเปรียบต้องก้มหัวให้คนรุ่นหลานก็ยังไม่สายเกินไปสำหรับบุรุษที่จะแก้แค้นอยู่ดี
หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินจงซู่พูดว่า “ใต้เท้ากัว รายงานสงครามฉบับนี้ท่านเป็นคนเขียนเถอะ!” ทหารคนสนิทยื่นพู่กัน และหมึกให้เขาแล้วผายมือด้วยรอยยิ้ม
“เชิญขอรับ”
“…” กัวสวี่ค้นพบว่ามันไม่ถูกต้อง “ตาเฒ่าจง ท่านคิดจะให้ข้ากระโดดลงหลุมไปด้วย! หากข้าเขียนรายงานสงครามฉบับนี้หมายความว่าข้าจะเป็นผู้รับรองใช่หรือไม่”
จงซู่พูด “ใต้เท้ากัว หลายวันก่อนน่าซูพาคนมาจับท่าน และหลังจากนั้นเรื่องได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายหยางได้แพร่กระจายผ่านปากของนักเล่าเรื่องแล้ว”
ดวงตาของกัวสวี่เบิกกว้าง “จงซู่!”
เขาคิดวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว! บุญคุณที่ถูกช่วยชีวิตรวมทั้งรายงานสงครามนี้ จงซู่ผลักเอาความรับผิดชอบของตนเองออกไปจนหมดสิ้น แต่เป็นเขาที่จะทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคืองใจ!
ร้ายกาจมาก!
ร้ายกาจกว่าเขาเสียอีก!
มือของจงซู่ยังคงจับกระบี่แน่นแววตาของเขามืดมนกว่าเมื่อครู่ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการคุกคาม “ใต้เท้ากัว ท่านจะเขียนหรือไม่”
“…เขียน!”
กัวสวี่เริ่มต้นเขียนรายงานด้วยความเศร้า และโกรธเคืองเต็มหัวใจ เขาจะเลือกอะไรได้ล่ะ หากไม่เขียนจงซู่สามารถฆ่าเขาได้ในพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ถูกเปิดเผยออกหมดแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาตัวออกจากเรื่องนี้ หลุมนี้ต่อให้ไม่อยากกระโดดก็ต้องกระโดดลงไป
แม้ว่าเขาจะกลับเมืองหลวงฮ่องเต้ก็คงคิดว่าเขาจะปกป้องหยางชู
กัวสวี่รู้ดีกว่าพวกเขาฮ่องเต้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หลังจากเทศกาลล่าสัตว์ในปีนั้น อาการปวดพระเศียรรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ของพระองค์ก็เริ่มไม่แน่นอน
ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ ถึงแม้จะใจดีเพียงใด ความสงสัยของเขาก็มีมากกว่าคนทั่วไป ทำให้พระองค์สงสัยได้ตนจะล้างตนเองให้สะอาดได้อย่างไร
จึงทำได้เพียงช่วยหยางชู และโน้มน้าวให้ฮ่องเต้คิดว่าเขาไม่มีอันตราย ไม่อย่างนั้นหยางชูจะถูกตัดสินให้ตาย และเขาเองก็ต้องถูกฝังอยู่ข้างกันแน่
กัวสวี่เขียนเสร็จก็โยนพู่กันทิ้ง “พอใจหรือยัง!”
จงซู่อ่านจบ และพูดคุยกับทหารคนสนิทอย่างระมัดระวังจากนั้นก็ให้เขาเปลี่ยนแปลงบางจุด เมื่อพอใจแล้วก็ให้กัวสวี่ทำการคัดลอกอีกฉบับ จากนั้นทั้งสองก็ประทับตราร่วมกัน
กัวสวี่พูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ข้ากลับไปได้หรือยัง”
จงซู่คารวะ “ขอบคุณใต้เท้ากัวมากที่ให้ความช่วยเหลือ”
กัวสวี่กระตุกมุมปากจากนั้นก็หันตัวเดินจากไป ตอนนี้เขาไม่อยากพูดกับตาเฒ่าจอมหลอกลวงคนนี้แม้แต่คำเดียว!
จงรุ่ยเดินเข้ามา “ท่านพ่อ เขาเขียนแล้วหรือ”
“ทนไม่ไหวก็ไม่เขียน” จงซู่ยื่นรายงานสงครามให้เขา “จดหมายเร่งด่วนส่งให้ถึงเร็วที่สุด”
รายงานด่วนจะถูกส่งไปยังราชสำนักโดยเร็วที่สุดผู้อาวุโสทั้งหลายจะทำการตรวจสอบซึ่งฮ่องเต้ไม่สามารถพูดอะไรได้
สงครามครั้งใหญ่เช่นนี้ความดีความชอบทางทหารเช่นนี้ตราบใดที่เรื่องนี้ถูกเผยต่อสาธารณะชนแล้วก็ไม่มีทางยับยั้งได้ เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้ฮ่องเต้อยากฆ่าเขาก็คงไม่ง่ายดายเพียงนั้น
หยางชูเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เหตุใดเขาจะไม่เข้าใจความตั้งใจของจงซู่ หลายวันมานี้เขาไม่ใช่ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนขอเพียงต่อสู้เสร็จค่อยว่ากัน แต่ไม่คิดว่าเมื่อได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ จงซู่จะใช้โอกาสครั้งใหญ่นี้ในการแก้ปัญหา
“ท่านอาจารย์…” หยางชูไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี สิ่งที่จงซู่ทำภายนอกดูเหมือนไม่มีความผิด แต่ก็เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งฮ่องเต้แน่นอนว่าจะต้องสูญเสียความโปรดปรานจากฮ่องเต้ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญต่อตระกูลจงมากไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัดเจน
บุญคุณครั้งนี้ไม่รู้จะชดใช้อย่างไรจงซู่กลับถอนหายใจแล้วพึมพำ “เช่นนี้ดีแล้วจะได้ไม่ขัดต่อเจตจำนง…”
หกวันหลังจากนั้นรายงานด่วนก็ไปถึงเมืองหลวง
ในตอนนี้กบฏเฉิงโจวอยู่ในความสงบ แต่อย่างไรข่าวลือก็รุนแรงมากขึ้นจนไม่มีทางที่จะสงบลงได้
รายงานของหวงเฉิงซือถูกวางบนโต๊ะทรงอักษรแล้วเป็นการยืนยันว่ากลุ่มกบฏกลุ่มนี้เป็นเศษซากของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋องเพื่อให้ฮ่องเต้เกิดความเกลียดชังและยืมมือสังหารคน แต่ฮ่องเต้ก็เกิดความเกลียดชังไปแล้วเห็นได้ชัดว่ายืมมือสังหารคน และต้องการลับมีดในมือด้วย
แต่เขาเป็นฮ่องเต้จะเอาแต่ใจไม่ได้หรือ
……………
[1] ชามข้าว : งานที่ทำเพื่อดำรงชิวิต