คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 467 ถอนหมั้น
หมิงเวยไม่คิดว่าจะกลับมาช้าเพียงนี้ เดิมทีมีกำหนดจะเดินทางก่อนที่หิมะจะตก ผู้ใดจะรู้ว่าหิมะที่ซีเป่ยบอกจะตกก็ตกเมื่อพวกเขาถอนตัวจากเหลียงชวน พวกเขาเพียงกลับไปยังเกาถางทันเวลา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็กลับเมืองหลวงไม่ทัน
เมื่อนึกถึงร้านค้าที่กว้างใหญ่ในเกาถางวางตั้งแต่ไม่เก็บก็ไม่ได้จึงใช้เวลาช่วงฤดูหนาวเพื่อทำความสะอาด
ฟู่จินส่งจดหมายฉบับยาวมาให้ฉบับหนึ่ง จดหมายฉบับนี้ไม่มีเรื่องไร้สาระต่างจากที่ผ่านมามันเป็นเรื่องที่สำคัญทั้งหมด
เขาวิเคราะห์สถานการณ์ในเมืองหลวงอย่างละเอียด และบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะเผชิญสถานการณ์เช่นไรหากพวกเขากลับมาที่เมืองหลวง นอกจากนี้ยังมีวิธีจัดการกับเกาถางเช่นเดียวกับการติดต่อกับตระกูลจง และคนอื่นๆ
พระราชโองการของฮ่องเต้ที่เรียกเขากลับสู่ราชวงศ์นั้นเพื่อยืนยันตัวตนของเขา แต่ในขณะเดียวกันมันก็ผูกมือเท้าของเขาไว้ด้วย
เขาไม่สามารถบัญชาการทหารได้อีกต่อไปนับประสาอะไรกับการติดต่อกับขุนนางคนสำคัญ หากเขากล้าทำเช่นนั้นฮ่องเต้ไม่ต้องพูดอะไร ขุนนางเหล่านั้นจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก่อนแน่นอน
เพราะตัวตนของเขาน่าอึดอัดเกินไป ตัวอย่างของจวิ้นอ๋องสองพระองค์ก่อนหน้านี้ทำให้เขาจะได้รับการปฏิบัติที่เข้มงวดมากขึ้น
แต่ก้าวนี้จะไม่เดินก็ไม่ได้ ซ่อนตัวในความมืดมิดเพื่อพัฒนากำลังนั้นเป็นเรื่องดี แต่เขาจะไม่ได้ชื่อเสียง และเมื่อโอกาสมาถึงเขาจะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เพื่อตำแหน่งด้วยซ้ำ
เกาถางไม่สามารถละทิ้งได้ สองปีหลังจากนี้เส้นทางการค้านี้ผูกติดอยู่กับพวกเขาอย่างแน่นหนา และจะกลายเป็นแหล่งความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา ดังนั้นนายอำเภอเฝิงอี้จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ หลังจากนี้เขาจะต้องให้ความใส่ใจคนที่รับตำแหน่งนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ดูแลสนามเลี้ยงม้าจะต้องเป็นคนรู้จัก
โชคดีที่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลสนามเลี้ยงม้าไม่ใช่ตำแหน่งสำคัญ จงซู่รับปากว่าจะจัดการแทนเขาให้โดยให้เขาทิ้งคนมารับตำแหน่งนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ และนักเรียนของหยางชูกับจงซู่ไม่ถูกพูดถึงอีกเลย หลังจากกลับเมืองหลวงให้รักษาความสัมพันธ์ไม่ให้ใกล้ชิดไม่ให้ห่างเหินเกินไปจะเป็นการดีกว่า ด้วยเหตุนี้จนถึงฤดูใบไม้ผลิพวกเขาถึงได้เตรียมรถเตรียมม้าเดินทางไปยังเมืองหลวง
หยางชูไม่ได้ไปกับจงซู่ เขาไม่คิดที่จะเกี่ยวข้องกับจงซู่อีกไม่เดินบนเส้นทางเดียวกันจะดีที่สุด เป็นผลให้ฝ่ายหนึ่งออกเดินทางจากไป๋เหมินเซี่ย ส่วนอีกฝ่ายออกจากเกาถาง
ขบวนรถของหยางชูมาถึงเมืองหลวงเร็วกว่าจงซู่หนึ่งวันในตอนที่กองทัพซีเป่ยก้าวเข้ามาในเมืองหลวงพวกเขาก็มาถึงแล้ว หมิงเวยพาตัวฝู และโหวเหลียงกลับจวนตระกูลจี้
โหวเหลียงต้องการไปกับหยางชูมากกว่า อย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นเยวี่ยอ๋อง กลับเมืองหลวงต้องมีจวนเป็นของตนเอง ถึงตอนนั้นเขาอาจได้ตำแหน่งในราชการก็เป็นได้ แต่หมิงเวยก็ทำลายความฝันของเขาอย่างไร้ความปรานี
บุรุษผู้นี้ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ทำตัวไม่ดี แต่คุณธรรมของเขานั้นไร้ค่า แทนที่จะอยู่กับหยางชูจนถูกเกียรติยศ และความมั่งคั่งกัดกิน สู้พากลับมาให้นางใช้สอยดีกว่า
แม่นมถงอายุมากแล้วถึงเวลาที่ต้องดูแลตนเอง ซู่เจี๋ย และปิงซินไม่มีประสบการณ์เพียงพอ และพวกเขาขาดความกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งต่างๆ โหวเหลียงผู้ไร้คุณธรรมผู้นี้บังเอิญสามารถช่วยนางทำเรื่องที่มีลับลมคมนัยได้พอดี
ดังนั้นโหวเหลียงจึงทำได้เพียงตามหมิงเวยกลับมาด้วยความเศร้า ความฝันการเป็นข้าราชการของเขา…พังลงอีกแล้ว…แต่เมื่อคิดดูแล้วเขาก็สมดุลดี
ครั้งนี้พื้นเพของเขาได้รับการชำระจนสะอาดแล้วคนข้างกายแม่นางหมิงมีน้อยเขาจึงใช้ความคิดให้ตนกลายเป็นคนสนิทของนางโดยไว การเป็นคนสนิทของแม่นางหมิง แม้จะไม่มีตำแหน่งราชการ แต่ก็ดูจะได้รับค่าตอบแทนดีกว่า
อย่างเช่นคุณชายหยาง…อ้อไม่สิ เยวี่ยอ๋องจะเกรงใจเขามากขึ้น
เมื่อสมาชิกในตระกูลจี้กลับมาที่จวน หมิงเวยก็รออยู่ที่นั่นแล้วสองปีที่ไม่ได้เจอกัน แต่ก็ยังสนิทสนมอบอุ่นใจกันดี
จากนั้นทุกคนก็ทานข้าวด้วยกัน จี้เสียวอู่เองก็กลับมาแล้ว คู่หมั้นของเขาก็กลับบ้าน นักพรตซีเฉิงจึงให้เขาลาเป็นพิเศษ เดิมทีหมิงเวยคิดว่าเขาโตขึ้นมาก หลังจากทานข้าวเสร็จ…อืม อย่างที่คาดไว้แม้แต่สถานะของจูเอ๋อร์ก็ยังสูงกว่าเขา…
หลังทานอาหารเสร็จจี้เสียวอู่ก็รีบเร่งสร้างความสัมพันธ์กับน้องสาวของตน
ทั้งสองกำลังนั่งอยู่บนหลังคาข้างบ้านสีหน้าของเขาดูสิ้นหวัง
“พี่ห้าฝึกวิชาเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” หมิงเวยแบ่งพุทราให้เขา
“ดี ดีมาก!” จี้เสียวอู่รับพุทราจากนางมากัดแล้วถาม “เจ้าจะถอนหมั้นใช่หรือไม่”
หมิงเวยคายเมล็ดออกมาแล้วถาม “พี่ห้าอยากถอนหมั้นหรือ ข้าไม่มีปัญหา ไปบอกท่านลุงได้เลย!”
จี้เสียวอู่ “เจ้าควรเป็นคนพูดเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ”
หมิงเวยกะพริบตา “เป็นท่านที่อยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ”
“นี่!” จี้เสียวอู่โกรธ “เจ้าสมคบคิดกับคนป่าเถื่อนนั่น เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องของข้าได้”
“ดูพี่ห้าพูดเข้า” หมิงเวยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมืออย่างเอื่อยเฉือย “ท่านไปถอนหมั้นเป็นข้าที่ถูกปฏิเสธ หมายความว่าเป็นปัญหาของข้า หากข้าไปถอนหมั้นกลายเป็นว่าข้าดูถูกพี่ห้า พี่ห้าอยากถูกหัวเราะเยาะหรือ”
นางกระซิบเสียงเบา “ท่านลองคิดถึงความต่าง คนที่ถูกถอนหมั้นจะมีชื่อเสียงไม่ดี ถูกหรือไม่ข้ารู้สึกผิดถึงได้มอบโอกาสให้ท่านเป็นฝ่ายถอนหมั้น!”
จี้เสียวอู่เกาหัว ฟังดูสมเหตุสมผลมาก!
ก่อนหน้านี้หลานสาวของพี่สะใภ้ข้างบ้านถูกถอนหมั้น ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหารือเรื่องแต่งงานใหม่จะเห็นได้ว่าชื่อเสียงการหย่าร้างของสตรีนั้นไม่ดีเลยจริงๆ
แต่…
“คนผู้นั้นได้รับตำแหน่งอ๋องแล้วหากชื่อเสียงของเจ้าไม่ดีจะถูกปฏิเสธหรือไม่”
หมิงเวยเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขา สองปีที่ไม่ได้เจอกันนางเองก็เติบโตขึ้น
เดิมทีใบหน้านั้นใบหน้าอ่อนเยาว์อยู่สามส่วน ตอนนี้งดงามสดใสเต็มที่แล้ว
รอยยิ้มใต้แสงจันทร์ดั่งดอกไม้บานสะพรั่งนางงามที่สุดในแผ่นดินซึ่งบรรยายอย่างไรก็ไม่หมด
“พี่ห้าดีกับข้าจริงๆ เจ้าค่ะ” หมิงเวยจับมือของเขา และพูดอย่างอารมณ์ดี “แต่เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล ถ้าไม่มีการทดสอบเขาจะแสดงความจริงใจออกมาได้อย่างไร”
จี้เสียวอู่พยักหน้า
ใช่! ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นหญิงที่งามมากหากเขาต้องการแต่งงานด้วยต้องมีราคาที่ต้องจ่ายถูกหรือไม่
ใช่ มันเป็นอย่างนั้น!
“เช่นนั้นข้าจะไปคุยกับท่านพ่อ” จี้เสียวอู่ตั้งท่าต่อสู้
“ไปเถอะเจ้าค่ะ!” หมิงเวยยิ้มตาหยี “ข้าจะสนับสนุนท่าน!”
จี้เสียวอู่เมื่อได้กำลังใจจากนางเขาก็รีบกระโดดลงจากหลังคาวิ่งไปยังจวนข้างเคียงแล้วตะโกน “ท่านพ่อ ข้าต้องการถอนหมั้น!”
หมิงเวยค่อยๆ กระโดดลงจากหลังคา และรับน้ำชามาจากแม่นมถงจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของจี้เสียวอู่
“ท่านพ่อ ท่านตีข้าทำไมกัน”
“น้องหญิงเป็นคนพูดเอง! นางต้องการถอนหมั้น!”
“ข้าไม่ได้โกหกนะ!”
“จริงๆ…”
“คุณหนูต้องการถอนหมั้นหรือเจ้าคะ” แม่นมถงถาม
หมิงเวยวางชาลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “ถอนไม่ถอนก็ไม่ต่างกัน แต่หากไม่ถอนหมั้นล่ะก็ชื่อเสียงของตระกูลจี้คงไม่ดี”
นางกับหยางชูยังต้องติดต่อกันก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนจึงพอยอมรับได้ ตอนนี้สถานะของเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนางเองก็อายุเพิ่มขึ้นจะต้องเป็นที่นินทาแน่นอน
“แต่คุณชายห้า…”
“ต่อให้ไม่ถอนหมั้นข้าก็ไม่มีอนาคตร่วมกับพี่ห้าอยู่ดี” หมิงเวยพูด “แม่นมท่านไม่เห็นหรือ พี่ห้ามีใจบริสุทธิ์ไม่สนใจเรื่องความรักข้าคิดว่าเขาคงออกบวชเร็วๆ นี้”
“นั่น…” แม่นมถงเคยคิดว่าจี้เสียวอู่อาจออกบวช แต่นางก็คิดว่านายท่านจี้คงไม่อนุญาต
“ทุกคนต่างมีเส้นทางที่อยากจะเดินไป และคนอื่นๆ ก็ห้ามไม่ได้หากอนาคตพี่ห้ามีความคิดอยากแต่งงานก็ลาสึกได้!”
แม่นมถงถอนหายใจ ตระกูลจี้เป็นคนดีจริงๆ น่าเสียดายที่ไม่มีวาสนากับคุณหนู