คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 477 เปลี่ยน
อันอ๋องดึงแขนเสื้อของหยางชูอย่างตื่นเต้น “เจ้าคิดว่าพวกนางจะจับได้หรือไม่”
หยางชูแค่ชำเลืองมองจากนั้นก็คลี่พัดแล้วพัดอย่างเกียจคร้าน “ไม่”
อันอ๋องแปลกใจ “ยังไม่ทันเปิดป้ายเลยเจ้าบอกว่าไม่ใช่แล้วหรือ”
หยางชูกระตุกมุมปาก “ดวงตาของข้ามองออก”
เมื่อได้รับการเตือนอันอ๋องก็นึกขึ้นมาได้ เจ้าเด็กนี่มีดวงตาที่พิเศษ ช่วงแรกๆ ที่เล่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเล่นไพ่ใบไม้หรือไพ่หม่าเตี้ยวเขาแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่าเขาสามารถแยกความแตกต่างระหว่างไพ่แต่ละใบจากด้านหลังได้
น่าเสียดายที่เขารู้ช้าไปหากแพ้เร็วแบบนี้เขาคงไม่กล้าเดิมพัน ทั้งสองคนเปิดป้ายแล้วพบว่าไม่มีอะไรอย่างที่คาดไว้จึงถอยออกมาอย่างผิดหวัง
…………
เหวินอิ๋งเดินตามมารดาเข้าไปในเสวียนตูกวัน ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับแขกพาพวกเขาไปยังเอ่อร์ฝาง วางกาน้ำชาแล้วถอยออกไป
เฉิงเอินโหวฮูหยินอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “พวกเราบริจาคน้ำมันไปมากมายเพียงนั้นได้แค่ห้องแค่นี้เองหรือ”
เอ่อร์ฝางมีขนาดเล็กมากจนเมื่อผู้เป็นนายนั่งลงก็ไม่มีที่ว่างอื่นแล้ว เหล่าสาวใช้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยืนอยู่ข้างนอก
ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตา “เสวียนตูกวันไม่ยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งอีกทั้งไม่ขาดแคลนเงิน เจ้าคิดว่าจะซื้อได้ด้วยน้ำมันไม่กี่ขวดหรือ”
เมื่อเห็นแม่สามีไม่พอใจเฉิงเอินโหวฮูหยินก็เก็บอาการ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ยังดีที่เห็นแก่ไท่จื่อ…”
“หากไม่ใช่ไท่จื่อพวกเราคงไม่ได้ห้องเช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเสียงเรียบ “รู้หรือไม่ว่าครั้งนี้มีผู้จ้องตำแหน่งเยวี่ยอ๋องเฟยมากมายเพียงใด คุณหนูในห้องหอที่อยู่ในวัยเหมาะสมทั้งเมืองหลวง คนที่มีภูมิหลังครอบครัวต่ำหน่อยมีผู้ใดบ้างไม่อยากลอง แม้แต่จวนตระกูลหลู่ยังส่งคนมา”
เฉิงเอินโหวฮูหยินประหลาดใจ “ตระกูลหลู่ไม่ใช่ว่าถือตัวมากหรือ ขนาดตำแหน่งไท่จื่อเฟยยังไม่เต็มใจ”
“ตระกูลหลู่ไม่ได้มีเพียงทายาทสายตรง ตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่มีเครือญาติมากมาย ดูมีสถานะสูงส่ง แต่มันก็แค่ผิวเผินเท่านั้น ชื่อของพวกนางจำไม่ได้ด้วยซ้ำ มีการเข้ารับคัดเลือกหวางเฟยเช่นนี้จะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร”
เหวินอิ๋งได้ยินก็กำเสื้อผ้าแน่น นางอายุสิบเก้าปีถือว่าเป็นสาวแก่แล้ว ครอบครัวไม่สามารถรั้งนางจนถึงอายุยี่สิบได้ ดังนั้นปีนี้จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของนาง
หากครั้งนี้ไม่สำเร็จนางจะต้องเลือกคนหนึ่งจากตระกูลที่ดี จริงๆ ตระกูลเหล่านั้นก็ไม่เลวเพียงแต่ไม่มีทายาทคนใดได้รับบรรดาศักดิ์เลย ซึ่งเหวินอิ๋งอยากเป็นไท่จื่อเฟย มีหรือมองแล้วจะชื่นชอบ
เฉิงเอินโหวฮูหยินเห็นท่าทีของบุตรสาวก็พูดปลอบโยน “ก็จริงอยู่ แต่สถานะของเยวี่ยอ๋องน่าอึดอัดนิดหน่อยไม่ใช่ว่าทุกคนจะพอใจมีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก เมืองหลวงกว้างใหญ่เช่นนี้แวดวงชนชั้นสูงก็มีไม่น้อยจะมีสตรีที่มีอายุเหมาะสมเพียงไม่กี่คนได้อย่างไร พวกระดับสูงที่อยากมีความสัมพันธ์กับเขานั้นน้อย แต่เหล่าชนชั้นกลางไม่สนใจ ร้อยคนหรือ มันดีเกินกว่าจะคิดได้
เหวินอิ๋งมองออกไปข้างนอก “น่าจะเริ่มแล้วมีคนจับได้หรือยังนะ”
“น่าจะไม่…”
เพิ่งพูดจบก็มีบ่าวจากข้างนอกเข้ามารายงาน “ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยิน แย่แล้วขอรับ!”
โหวฮูหยินที่อยู่ด้านในพูดอย่างโกรธเคือง “อะไรแย่แล้ว พูดมาดีๆ!”
บ่าวคนนั้นพูดเสียงหอบ “เพราะว่ามีคนเยอะไปจึงมีการเปลี่ยนวิธีจับขอรับ!”
ทั้งห้องตกตะลึง “อะไรนะ”
พวกนางไปเข้าหาไท่จื่อแล้ววิธีโกงก็คิดเรียบร้อยแล้วจะเปลี่ยนตอนนี้เนี่ยนะ
“เปลี่ยนเป็นอะไร” เฉิงเอินโหวฮูหยินรีบถาม
……………
ห้องโถงใหญ่ไม่คาดคิดว่าสตรีในเมืองหลวงจะมีมากมายเพียงนี้ ตามจำนวนที่ขันทีแจ้งมา วันนี้พวกเขาคงไม่ได้ทำอะไรเลยหากดูคนเขย่ากล่องยันฟ้ามืดก็คงไม่เสร็จจะให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเรื่องน่าเบื่อเช่นนี้ได้อย่างไร
เสวียนเฟยเดินเข้ามาถาม ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ “มีคนมากมายเช่นนี้เชียวหรือ”
เสวียนเฟยตอบ “พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ในเสวียนตูกวันเต็มไปด้วยผู้คนทุกหนแห่ง” เขาชะงักและพูดต่อว่า “ฝ่าบาท เกรงว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีไม่เช่นนั้นคงจับไม่เสร็จพ่ะย่ะค่ะ”
“ตามที่ท่านเห็นคิดว่าควรทำอย่างไร”
“ให้จับพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ”
“จับพร้อมกันอย่างไรหรือ”
เสวียนเฟยหันไปหานักพรตผู้ดูแลสถานที่และรับกล่องเซียมซีมา “กระหม่อมให้ลูกศิษย์นำกล่องเซียมซีธรรมดาออกไปสองสามอันให้พวกนางจับหนึ่งครั้ง ผู้ใดที่จับได้เป็นคนแรกจะได้เข้าไปในห้องเพื่อจับป้ายหงส์ ด้วยวิธีนี้จะจำกัดคนเข้าห้องโถงได้ ฝ่าบาทและเหนียงเหนียงก็จะได้ชมอย่างละเอียดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หันไปหาเผยกุ้ยเฟย “สนมรักว่าอย่างไร”
เผยกุ้ยเฟยยิ้ม “มันน่าเบื่อที่จะดูทั้งวันวิธีของท่านราชครูก็ไม่เลวเจ้าค่ะ”
ฮุ่ยเฟยเองก็พูดว่า “หากเป็นการจับสองรอบก็นับเป็นโชคชะตาจริงๆ”
ฮ่องเต้พยักหน้าแล้วหันไปหาหยางชูเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังตกตะลึงก็ถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมรึ กังวลว่าคนผู้นั้นจะไม่ใช่คู่ลิขิตของเจ้าหรือ เจิ้นบอกแล้วหากเจ้าชอบจะรับเข้าจวนย่อมได้ให้เกียรติเพิ่มขึ้นหน่อยก็ไม่เป็นไร ด้วยภูมิหลังทางครอบครัวของนางแต่งตั้งเป็นชายารองก็ไม่นับว่าอยุติธรรม”
หยางชูเม้มปากเขาพูดด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น “จับก็จับไป นางต้องจับได้แน่!”
ฮ่องเต้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วสั่งเสวียนเฟย “ตามนั้นแล้วกัน!”
ไท่จื่อที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างกายมาตลอดตาลุกวาวเขาลุกขึ้น “เสด็จพ่อ ในเมื่อต้องใช้เวลาสักพัก เช่นนั้นลูกขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ฮ่องเต้ตอบรับ
ไท่จื่อเจียงเชิ่งออกจากประตูหลัง และเห็นเหวินยวนยืนรออยู่ที่นั่น
“อาจารย์ฟู่ล่ะ”
เหวินยวนเห็นอะไรบางอย่างจากท่าทางกังวลใจของเขาจึงรีบพูดขึ้น “รออยู่ที่เรือนข้างๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” ทั้งสองรีบไปที่เรือนข้างเคียงและเข้าไปในเอ่อร์ฝาง
“ไท่จื่อ” ฟู่จินยืนขึ้นมองเขาที่คิ้วขมวดอย่างแปลกใจ
“มีการเปลี่ยนแปลง คนเยอะมาก ต้องจับสองครั้ง…”
หลังจากฟังไท่จื่อเล่าวิธีจับฉลากแบบใหม่แล้วฟู่จินก็ถาม “ตอนนี้พวกเขาเอากล่องเซียมซีออกมาหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาออกมาแล้ว” ไท่จื่อลังเล “น้องหญิงจะสามารถจับได้หรือไม่”
ฟู่จินพูด “เวลาสั้นมากทำให้ไม่สามารถใช้กลอุบายกับป้ายได้ต้องเปลี่ยนวิธีอื่น”
“อาจารย์…”
ฟู่จินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูด “ไท่จื่ออย่าได้กังวล เรื่องนี้มีกระหม่อม พวกเรายังมีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการได้ไท่จื่อกลับไปไม่ต้องทำอะไร”
ท่าทีของเขาทำให้อารมณ์เครียดของไท่จื่อค่อยๆ คลายลง เขาพูดว่า
“รบกวนอาจารย์แล้ว”
ฟู่จินยิ้ม “โปรดจำไว้เสมอว่าท่านเป็นทายาทของราชวงศ์ เป็นว่าทีฮ่องเต้ในอนาคต เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นคนจัดการท่านไม่จำเป็นต้องกังวล”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ไท่จื่อก็รู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นงั้นข้ากลับไปก่อน รบกวนอาจารย์ด้วย”
ฟู่จินคำนับส่งอีกฝ่าย ระหว่างทางเหวินยวนถามว่า “ไท่จื่อ อาจารย์ฟู่จะทำได้จริงๆ หรือ พวกเขาเอากล่องเซียมซีออกมาแล้วอีกไม่นานก็จะนำออกสู่ภายนอก ไม่มีเวลามากแล้ว! กระหม่อมคิดอย่างไรก็คิดหาวิธีไม่ออก”
ไท่จื่อพูด “อาจารย์ฟู่บอกว่าทำได้อย่างไรก็ต้องทำได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะมีชื่อเสียงในเมืองหลวงได้อย่างไร”
เมื่อคิดไท่จื่อก็รู้สึกชื่นชม “คนเช่นนี้วิ่งวุ่นเพื่อข้าช่างโชคดีจริงๆ”
เหวินยวนกล่าวชมเชย “ท่านคือโอรสสวรรค์ในอนาคตเป็นเจ้าแห่งโชคชะตาใต้หล้า ย่อมมีผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศอยู่เคียงข้างกาย”
………….