คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 482 ถูกเลือก
น้ำเสียงของหยางชูมีความโกรธแฝงอยู่ “ไท่จื่อ!”
ไท่จื่อดูไม่ทุกข์ร้อน “นอกจากนี้เจ้าแน่ใจเพียงนั้นเลยหรือว่าป้ายที่น้องหญิงเลือกเป็นป้ายหงส์ แน่ใจหรือว่าหวางเฟยคือนาง”
เมื่อถูกเขาเตือนสติทุกคนก็นึกขึ้นได้ว่าคำพูดของหยางชูมีบางอย่างผิดปกติ!
เขาพูดว่าเป็นไปได้หรือที่หวางเฟยของเปิ่นหวางแม้แต่ลำดับการของการมีมารยาทก็ยังไม่เข้าใจ หมายความว่าเหวินอิ๋งที่เลือกป้ายนั้นอาจเป็นผู้ถูกเลือก
ดังนั้น…แววตาของอันอ๋องมีความสงสัยเขาถามเสียงเบา “เจ้าเป็นคนจัดการหรือ”
หยางชูตะโกนขึ้นราวกับเขาถูกปรักปรำ “ไม่ใช่! ท่านอย่าพูดไร้สาระ!”
แต่ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ผู้อื่นยิ่งไม่เชื่อ ทางด้านเสวียนเฟยสีหน้าเปลี่ยนเขาหันไปประสานมือทางฉากกั้น
“ฝ่าบาท…”
“ท่านราชครูไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” ฮ่องเต้พูดตัดบทแล้วหันไปทางไท่จื่อกับหยางชู “พวกเจ้าสองคนหยุดทะเลาะกันเปิดป้ายก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
“ฝ่าบาท!” หยางชูขึ้นเสียง
“ทำไมหรือ” น้ำเสียงของฮ่องเต้หนักขึ้น “หรือที่คุณหนูสามตระกูลเหวินกล่าวมามีปัญหาหรือ”
หยางชูตอบด้วยความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม “ไม่…”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเสียงหัวเราะของกุ้ยเฟยก็ดังขึ้น “ฝ่าบาทจริงจังเกินไปแล้ว เด็กคนนี้ตกใจกลัวไปหมดแล้ว ทุกสายตาจับจ้องอยู่เขาจะทำอะไรได้เพคะ เป็นเพราะพวกเขาเชื่อในโชคลาภมากเกินไป”
ฮ่องเต้ปรับน้ำเสียงของเขาให้อ่อนลง “เลือกหนึ่งจากร้อย โอกาสมีเท่ากัน หากคิดว่าป้ายในมือไม่ดีก็แค่เปลี่ยนเป็นอันอื่นก็พอ”
ฮ่องเต้กล่าวเช่นนั้นพวกเขาจะทำอะไรได้อีกหยางชูถึงไม่เต็มใจก็ทำได้เพียงตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ…”
ซิ่นอ๋องมองเขาจากนั้นก็มองไท่จื่อแล้วยิ้มไม่พูดอะไร ที่แท้ผู้ที่ลงมือไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่เป็นสอง
ใช่แล้ว คนอารมณ์ร้อนดื้อด้านอย่างเขามานั่งปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมได้สิแปลกน่าเสียดายที่ให้ผู้อื่นแย่งไป
สำหรับตนแล้วกลับเป็นเรื่องที่ดีจากอารมณ์ของเด็กนี่ การที่ไท่จื่อยื่นมือเข้าไปพัวพันทำให้เขาขุ่นเคืองแน่นอน หลังจากนี้คงต่อกรกับไท่จื่อทุกหนแห่ง ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ใช่ว่ารอให้กุ้ยเฟยยืนอยู่ข้างตนอย่างนั้นหรือ
หึๆ รอก่อน อีกสักครู่ค่อยเปิดเผยเรื่องที่พวกเขาทำไว้เสด็จพ่อต้องกริ้วมากแน่…
“เปิดป้ายเถอะ” ฮ่องเต้พูด
เสวียนเฟยตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ”
เขาหมุนตัวกลับมา “คุณหนูหมิง เหลือท่านเพียงผู้เดียวแล้ว หากท่านคิดว่าป้ายในมือไม่ดีก็เปลี่ยนเป็นอันอื่นเถิด”
หมิงเวยก้มหน้าพูดเสียงเบา “ช่างเถอะ อันนี้ก็ได้เจ้าค่ะ”
นางยื่นป้ายที่เหวินอิ๋งยัดมาให้โดยไม่คิดจะมองมันสักนิดราวกับว่าป้ายไหนก็เหมือนกัน
เสวียนเฟยหยิบป้ายแรกขึ้นมา “ป้ายนี้เป็นของคุณหนูเซี่ย”
คุณหนูเซี่ยตอบเสียงเบา “เจ้าค่ะ”
เสวียนเฟยแกะกระดาษสีแดงออกส่วนปลายของป้ายว่างเปล่า
“อันดับที่สิบสี่” คุณหนูเซี่ยโค้งคำนับด้วยความผิดหวังและก้าวออกไป
“คุณหนูหลู”
คุณหนูหลูผู้นี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉางหลู นางมองไปยังป้ายในมือของเสวียนเฟยด้วยความหวัง
เสวียนเฟยแกะกระดาษสีแดงแล้วหลุบตามอง “อันดับที่หกสิบเจ็ด”
ก่อนหน้านี้คุณหนูเก้าตระกูลหลูได้รับการสนับสนุนจากลูกพี่ลูกน้องของนางให้มาลองดู แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะจับได้ป้ายอันดับแรก และยังคิดว่าเมื่อโอกาสมาถึง โชคชะตาอาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่คิดว่าจะล้มเหลวมันขึ้นลงพลิกผัน แปรปรวนรวดเร็วมากจนนางเกือบร้องไห้ แต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทต่อหน้าฮ่องเต้จึงทำได้เพียงกลั้นน้ำตาและคารวะ “เจ้าค่ะ”
เสวียนเฟยแกะป้ายอันที่สาม…คุณหนูหลู่ได้อันดับแปด ว่างเปล่าเช่นกัน
เสวียนเฟยแกะจนถึงคนที่สิบเอ็ดล้วนไม่ใช่ป้ายหงส์ จนมาถึงป้ายอันที่สิบสอง ป้ายของเหวินอิ๋ง
หลังจากที่เปลี่ยนป้าย และเห็นว่าป้ายสิบเอ็ดอันแรกว่างเปล่าทุกคนต่างคิดว่าเหวินอิ๋งได้ป้ายหงส์อย่างแน่นอน
ทุกคนหลังฉากกั้นเงียบลงหยางชูก้มหน้าลงอย่างหดหู่
อันอ๋องกระซิบกับเขาว่า “เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้สิ เสด็จพ่อเองก็ไม่อนุญาตให้เจ้ารับนางไม่ใช่หรือ แต่งงานก็แต่งไปเรื่องภายในจวนให้หวางเฟยเจ้าเป็นคนดูแลจัดการ เจ้าไม่ชอบนางก็คิดว่านางเป็นเหมือนพ่อบ้านผู้หนึ่งก็ได้แล้วไปอยู่กับคนที่ชอบ…”
หยางชูแค่นหัวเราะแล้วถามเขา “แล้วที่ท่านไปหอนางโลม เหตุใดถึงถูกพ่อบ้านลากกลับมาจากที่นั่นกันเล่า ประวัติอันยาวเหยียดของท่านเป็นเช่นนั้นยังกล้าพูดเรื่องนี้กับข้าหรือ”
อันอ๋องกระสับกระส่าย
หยางชูเหลือบมองฝั่งสนม “พอท่านอาสะใภ้สามไม่อยู่ท่านปากเก่งขึ้นเลยนะ”
อันอ๋องไม่สนใจ เขาชักมือออกจากไหล่ของอีกฝ่าย “ข้าปลอบโยนเจ้าที่กำลังอกหัก ช่างเถอะก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้แต่งงาน มีลูกในเร็ววัน รักกันตลอดไป!”
หึ!
เสวียนเฟยหยิบป้ายอันที่สิบสอง เหวินอิ๋งอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความมั่นใจ
พึ่งพาผู้ใดมิสู้พึ่งพาตนเองโชคดีที่ครั้งนี้นางไหวพริบดีจึงเปลี่ยนป้ายได้ทันที
รอให้นางจับได้ป้ายหงส์ก่อนไม่ว่าเยวี่ยอ๋องจะก่อปัญหาเพียงใด อย่างมากสุดก็แค่รับสตรีน่ารังเกียจผู้นี้ เมื่อถึงตอนนั้นก็เข้าเรือนหลังของจวนอ๋องต่อให้นางเก่งกาจเพียงใด อย่างไรตนก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องก็มีวิธีจัดการ…
“อันดับที่สามสิบสอง”
รอยยิ้มของเหวินอิ๋งแข็งค้าง และมองเสวียนเฟยด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
สีหน้าของเสวียนเฟยนิ่งสงบเขาวางป้ายกลับไป แต่ก่อนที่เขาจะหยิบป้ายอันสุดท้ายเหวินอิ๋งก็ร้องขึ้นมาว่า “เดี๋ยวเจ้าค่ะ!”
เสวียนเฟยเงยหน้ามองนาง
“เหตุใดถึงไม่มีเจ้าคะ” น้ำเสียงของเหวินอิ๋งดูคาดไม่ถึง “เหตุใดป้ายนั้นถึงไม่ใช่ป้ายหงส์”
เสวียนเฟยหยิบป้ายของนางขึ้นมาดูอีกครั้ง “คุณหนูเหวิน เป็นป้ายอันดับที่สามสิบสองขอรับ” แล้วเขาก็ยื่นป้ายให้นางดู
เหวินอิ๋งเห็นตัวหนังสือที่เขียนว่าสามสิบสองบนนั้นอย่างชัดเจน ป้ายที่ว่างเปล่า ไม่มีปีกหงส์
ไม่ใช่ป้ายหงส์ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ก็เมื่อครู่…
“อา!” เสียงที่มีความสุขของหยางชูดังออกมาจากหลังฉากกั้น “ที่แท้ก็ไม่ใช่! คุณหนูสามตระกูลเหวิน ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ดูเหมือนพวกเราจะไม่มีวาสนาต่อกัน ที่ไท่จื่อกล่าวมาหากเรียงตามลำดับความอาวุโสข้าคงต้องเรียกท่านว่าท่านอาสินะ ต้องขออภัยอย่างสูงท่านอา!”
หยางชูเรียกท่านอาชัดถ้อยชัดคำทำเอาเหวินอิ๋งหน้าซีดนางอยากจะถามไท่จื่อ แต่เพราะมีฉากกั้นอยู่จึงไม่รู้ว่าพวกเขานั่งอยู่ตรงไหนจึงยืนทำอะไรไม่ถูก
ฮ่องเต้เองก็แปลกใจเขานึกว่าป้ายของเหวินอิ๋งเป็นป้ายหงส์ ไม่คิดเลยว่าจะไม่ใช่ ดูเหมือนว่าคุณหนูเจ็ดเองก็พลาดเหมือนกันเป็นคุณหนูสามตระกูลเหวินที่คิดไปเองว่าตนฉลาด
เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็หันไปมองเหล่าบุตรชาย ไท่จื่อมีสีหน้านิ่งสงบไม่พูดอะไร ซิ่นอ๋องมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ส่วนอันอ๋องมีสีหน้าประหลาดใจอย่างปกปิดไว้ไม่อยู่
เขารู้ว่าไท่จื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนซึ่งทำให้เขาไม่พอใจ ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงก็ช่างไป แต่นี่กลับทำไม่สำเร็จ ดูจากสิ่งที่อยู่ในมือเขาล้วนไม่สามารถทำเรื่องราวให้สำเร็จลุล่วงได้ยังจะกลับทำให้บกพร่องเสียการอีก
“นิ่งกันอยู่ทำไมดูป้ายต่อไปสิ!” หยางชูร้อนอกร้อนใจแทบรอไม่ไหว
“พ่ะย่ะค่ะ” เสวียนเฟยหยิบป้ายสุดท้ายขึ้นมา “คุณหนูหมิง”
ทุกคนจ้องมองที่การเคลื่อนไหวของเขา เหล่าคุณหนูต่างสวดมนต์ภาวนาในใจ
ไม่ใช่ ไม่ใช่ป้ายหงส์
หากป้ายนี้ไม่ใช่ป้ายหงส์ก็สามารถเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง! ไม่แน่ว่ารอบหน้าตนอาจจับได้ สิบสามในร้อย โอกาสไม่ได้ถือว่าสูงมากใช่หรือไม่ ป้ายหงส์ไม่มีทางอยู่ในสิบสามป้ายนี้!
เสวียนเฟยแก้กระดาษแดงออกแล้วหลุบตามองลง จากนั้นแสดงป้ายในมือต่อหน้าทุกคน และพูดเสียงทุ้มต่ำที่ทำให้ทุกคนเกิดอาการชาที่หู
“ป้ายหงส์”