คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 483 คัดค้าน
ตรงกลางของป้ายไม่มีตัวเลขใดๆ มีเพียงส่วนท้ายของป้ายที่มีลวดลายของขนนกหงส์สีแดงที่ประดับด้วยผงทองคำเป็นประกาย
ป้ายหงส์
เกิดความเงียบขึ้นในห้องโถง และทันใดนั้นก็มีเสียงของเก้าอี้ขยับ ฉากกั้นที่อยู่ใกล้ประตูถูกผลักเปิดออก และมีคนรีบวิ่งออกไป
“เวยเวย!” น้ำเสียงสดใสที่แสดงถึงความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่
เหล่าคุณหนูถอยกลับไปด้วยความตกใจ และเมื่อพวกนางเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นเยวี่ยอ๋องที่เป็นที่พูดถึงเมื่อไม่นานมานี้
ใบหน้าหล่อเหลาอย่างที่เขาร่ำลือกัน รูปร่างสูงกว่าที่วาดไว้ในจินตนาการ เสื้อคลุมเผ่าลายมังกรที่สวมใส่ทำให้ดูสูงตระหง่านเป็นพิเศษ แต้มสีชาดระหว่างคิ้วทำให้เขางามราวกับเทพบุตร
เหล่าคุณหนูในห้องโถงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงหลายปีก่อนมีบางคนเคยเห็นหยางชูจากที่ไกลๆ แต่พวกนางรู้สึกว่าเขาดูมีความเป็นวีรบุรุษมากกว่าในความทรงจำ
อา รู้สึกเสียใจมากกว่าเดิมเสียอีกทำอย่างไรดี เหตุใดผู้ที่จับได้ป้ายหงส์ถึงไม่เป็นตนนะ!
หยางชูพุ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อเดินไปถึงกลางห้องเสวียนเฟยก้าวไปข้างหน้า และยกมือขึ้นเพื่อขวางหน้าเขา
“เยวี่ยอ๋อง โปรดอย่าเสียมารยาทพ่ะย่ะค่ะ”
หยางชูคิดจะผ่านเขาไป แต่เสวียนเฟยก็เข้าไปด้านข้างปิดกั้นทางเขาไว้
ความตื่นเต้นลดลงไปเล็กน้อย และเสียงของเผยกุ้ยเฟยดังมาจากด้านใน “เจ้าทำอะไร เหล่าคุณหนูต่างยังไม่ได้ออกเรือนอย่าทำให้พวกนางตกใจ กลับมาซะ!”
หยางชูแม้ไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดใจเผยกุ้ยเฟยจึงทำได้เพียงเหลือบมองหมิงเวย และถอยกลับไป
ฉากกั้นถูกนำมาวางใหม่อีกครั้งเสวียนเฟยคารวะ “ฝ่าบาท ป้ายหงส์ออกมาแล้ว ฝ่าบาทมีพระประสงค์อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
เหวินอิ๋งนิ่งไปตั้งแต่วินาทีที่เห็นป้ายหงส์ หมายความว่านางไม่ได้เลือกผิดในตอนแรก แต่ยกป้ายหงส์ให้หมิงเวยไปอย่างนั้นหรือ
นางรู้สึกหัวหมุนนึกถึงสิ่งที่ตนเพิ่งทำไป และตระหนักในทันทีว่านางตกลงไปในหลุมพราง
หมิงเวยจงใจทำให้นางเข้าใจผิด! ทำให้ตนคิดว่าป้ายที่นางได้เป็นป้ายหงส์!
เมื่อเข้าใจขึ้นมานางก็พูดโพล่งออกไปว่า “หมิงเวย! เจ้าคนโกง!”
เสวียนเฟยเพิ่งรายงานเสร็จทุกคนกำลังรอคำสั่งจากฮ่องเต้ ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินคำพูดของนาง ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปที่เหวินอิ๋งทันที
ขันทีที่คอยรับใช้อยู่ด้านข้างพูดตำหนิ “คุณหนูเหวิน ฝ่าบาทประทับอยู่ที่นี่ ท่านไม่รู้มารยาทหรือ!”
เหวินอิ๋งที่พูดออกไปเพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้วนางจึงคุกเข่าด้วยความหวาดหวั่นใจ “หม่อมฉันเสียมารยาท แต่เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทถูกหลอกจึงจิตใจไม่สงบ พูดออกไปอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่เพคะ”
ฮ่องเต้ยังไม่ทันได้ตรัสอะไรเสียงของหยางชูก็ดังขึ้นว่า “หึ! ท่านอย่ามีเจตนาให้ผู้อื่นตกใจนักเลย ฝ่าบาทถูกหลอกอะไรกันเห็นได้ชัดว่าท่านคิดว่าตนเองฉลาดมอบป้ายหงส์ให้แก่ผู้อื่นเลยรู้สึกไม่พอใจ ข้าจะบอกให้นะคุณหนูเหวินเปิ่นหวางไม่ต้องการแต่งงานกับท่าน อย่าทำให้ตนเองอับอายเลยจะดีกว่า”
เหวินอิ๋งหน้าแดงหากเป็นเวลาปกตินางคงจะโกรธหลังจากได้ยินประโยคนี้ แต่ตอนนี้นางต้องกัดฟันทนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าถูกหลอกใช้ แต่จะไม่พูดอะไรออกมาสักคำ คงเป็นการปล่อยให้หมิงเวยเหยียบตนจนได้ดิบได้ดีเกินไปแล้ว
นางไม่ยินยอมแม้ไม่ได้เป็นเยวี่ยอ๋องเฟย แต่นางจะปล่อยให้หมิงเวยที่ใช้ประโยชน์จากนางขึ้นสู่ตำแหน่งนั้นโดยไม่เปลืองแรงไม่ได้!
“ฝ่าบาท ได้โปรดพิจารณาสถานการณ์เมื่อครู่ด้วยเพคะ คุณหนูเจ็ดตระกูลหมิงจงใจให้หม่อมฉันเข้าใจผิด! เห็นได้ชัดว่านางทราบอยู่แล้วว่าป้ายหงส์คือป้ายไหน การจับป้ายในวันนี้ไม่ยุติธรรมขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยเถิดเพคะ!”
หยางชูตำหนิ “ท่านพูดไร้สาระ…”
แต่ไท่จื่อพูดตัดบทเขา “เจ้าร้อนใจทำไมกัน การจับป้ายในวันนี้ยึดหลักความเป็นธรรม หากมีข้อสงสัยไม่ชัดแจ้งไม่ใช่ว่าราชวงศ์ของพวกเราหมดความน่าเชื่อถือหรอกหรือ ฟังจากที่นางพูดหากมันไร้เหตุผลจริงๆ ค่อยเกิดโทสะก็ยังไม่สาย เสด็จพ่อท่านว่าอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าไท่จื่อฉวยโอกาสโจมตีเพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยจึงพูดออกไปว่า “คุณหนูเหวิน ท่านพูดมาได้เลย”
เหวินอิ๋งทำจิตใจให้สงบ และพูดออกไปอย่างกล้าหาญ “ฝ่าบาทเพคะ การเลือกป้ายเมื่อครู่นี้พวกเราคิดอย่างรอบคอบ คิดซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีเพียงคุณหนูหมิงที่นางหยิบป้ายขึ้นมาโดยไม่คิดอะไรเลย หากนางมุ่งมั่นจะเลือกเหตุใดถึงได้ช้าเช่นนี้เป็นเพราะความสงสัยหม่อมฉันจึงเรียกนางไว้ ตอนนี้เมื่อพิจารณาดูอีกทีนางเลือกตามใจชอบไม่ใช่เพราะแน่ใจว่าป้ายนี้ใช่ แต่เป็นเพราะมั่นใจว่าป้ายในกล่องล้วนไม่ใช่ไม่ว่าจะเลือกอันไหนก็เหมือนกัน”
“นั่นเป็นแค่การสันนิษฐานของท่าน!” หยางชูพูด “ไม่มีหลักฐานก็เป็นเพียงกล่าวหาเท็จ”
“ฝ่าบาท ทรงพิจารณาอีกทีเถิดเพคะ หม่อมฉันต้องการเปลี่ยนป้ายกับนางแล้วปฏิกิริยาของนางคืออะไร นางตะลีตะลานเหมือนคนร้อนตัว นางทราบว่าหม่อมฉันจับได้ป้ายหงส์จึงจงใจทำท่าทีให้ผู้อื่นสงสัย!”
“ฮ่าๆ!” หยางชูหัวเราะ “ท่าน...”
“อาเหยี่ยน!” ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกฮ่องเต้ขัดจังหวะ “เจ้าเป็นถึงชินอ๋องผู้สง่างามโต้เถียงกับสตรีไม่อายหรืออย่างไร ในเมื่อคุณหนูเหวินกล่าวหาคุณหนูหมิงก็ให้พวกนางเป็นคนพูดด้วยตนเอง”
หยางชูยังคงไม่ยอมรับ “ฝ่าบาท กระหม่อม…”
“หุบปาก!” หยางชูทำได้เพียงเงียบด้วยความรู้สึกไร้ความเป็นธรรม
ขันทีสังเกตจากสีหน้า และคำพูดจึงถามออกไป “คุณหนูหมิง ท่านอยากพูดอะไรหรือ”
หมิงเวยก้าวไปข้างหน้าแล้วแสดงความเคารพจากนั้นก็พูดออกไปว่า “ทูลฝ่าบาท คำพูดของคุณหนูเหวินไม่มีมูลความจริง หม่อมฉันเลือกป้ายแล้วจู่ๆ นางคิดจะแย่งมันไปจะไม่ให้ตื่นตระหนกได้อย่างไรเพคะ
หม่อมฉันเพียงตกใจจะสรุปได้อย่างไรว่าหม่อมฉันร้อนตัวเช่นนี้อาศัยเพียงการคาดเดาก็ตัดสินว่าหม่อมฉันมีความผิด หรือว่าศาลาว่าการพิจารณาคดีไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานหรือ”
เหวินอิ๋งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เจ้ายังกล้าที่จะบอกว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจยั่วโมโหข้า ซ่อนป้ายนั้นราวกับเด็กข้าก็ต้องสงสัยอยู่แล้วสิ!”
หมิงเวยแค่นหัวเราะ “คำพูดของคุณหนูเหวินตลกมาก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านจะโวยวายถึงเพียงนั้น ต่อหน้าพระพักตร์ท่านยังกล้าแย่งป้ายของผู้อื่น หากท่านไม่แย่งไปก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ อีกอย่างหากสงสัยว่าเป็นป้ายหงส์จึงแย่งชิงไป หรือคุณหนูเหวินมั่นใจว่าป้ายหงส์ต้องตกเป็นของข้าอยู่แล้วกระทำเยี่ยงโจรเช่นนี้ยังสามารถพูดจาหนักแน่นเช่นนั้นอยู่อีกหรือ”
เหวินอิ๋งตกใจนางกัดริมฝีปากด้วยความคับแค้น ก่อนหน้านี้นางแย่งชิงป้ายของหมิงเวย เพราะเชื่อว่านางไม่กล้าบอกไปว่านั่นคือป้ายหงส์ต่อให้ได้รับความเสียหายแต่พูดไม่ออก ตอนนี้ให้อธิบายอย่างชัดเจนแค่ยอมรับว่าสิ่งที่ตนแย่งมาคือป้ายหงส์งั้นหรือ
หมิงเวยพูดอีกว่า “เหตุการณ์เมื่อครู่หากคุณหนูเหวินสงสัยก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่หากท่านไม่มีเจตนาเห็นแก่ตัว ก็แค่พูดต่อหน้าทุกคนให้ข้าไม่บรรลุผล แต่นี่ท่านไม่เพียงไม่พูดแต่ยังพยายามจะแย่งไป เห็นได้ชัดว่าในใจท่านการที่ป้ายหงส์อยู่ที่ท่านสำคัญที่สุดไม่ว่าผู้อื่นจะโกงหรือไม่ก็ตาม”
เหวินอิ๋งกังวลหากวันนี้นางไม่สามารถลบล้างความผิดนี้ได้จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกทั้งเมืองหลวงหรอกหรือ
แต่นางเพิ่งเอ่ยปากพูดว่า ‘ข้า’ ออกไปก็ถูกไท่จื่อขัดจังหวะ “พอแล้ว! น้องหญิงน้องคงคิดมากเกินไปเรื่องนี้ถือว่าแล้วไปเถอะ”
นับว่าเขายังฉลาดอยู่เมื่อเห็นว่าทิศทางลมไม่ถูกต้องเหวินอิ๋งก็ไม่มีหลักฐานใดๆ หากยังพูดต่อไปก็มีแต่ฝ่ายตนที่เสียหายจึงคิดจะห้ามให้ทันเวลา แต่หมิงเวยกลับปฏิเสธ
นางโค้งกายคารวะ “ทูลฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันจับได้ป้ายหงส์ แต่กลับถูกคนสงสัย หากไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างได้ แม้จะแต่งงานให้กำเนิดบุตรก็จะถูกคนอื่นวิจารณ์อยู่ดี หากมีคนพูดถึงเป็นระยะคงไม่สามารถลบล้างออกไปจนตายได้ ฝ่าบาท โปรดให้ความยุติธรรมแก่หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ!”