คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 484 จุดอ่อน
“ใช่ๆๆ!” ในที่สุดหยางชูก็มีโอกาสพูด “ถูกคนใส่ร้ายจำเป็นต้องไขความจริงให้กระจ่าง ฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้พูดเสียงเรียบ “ในเมื่อคุณหนูเหวินไม่มีหลักฐานก็ได้ไขข้อข้องใจเรื่องที่นางไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วไม่จำเป็นต้องให้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านราชครู! ”
“ฝ่าบาทเพคะ!” ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเรื่องหมิงเวยก็ร้องขึ้นมาก่อนแววตาของนางฉายแววมุ่งมั่นและดื้อรั้น “หม่อมฉันรู้ดีว่าตนเองมีสถานะที่ต่ำต้อย หากต้องเข้าเป็นส่วนหนึ่งในราชวงศ์จำเป็นต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนกว่าผู้อื่น หากไม่สนใจใยดี ไม่เพียงแต่หม่อมฉันที่ได้รับความไม่เป็นธรรม แต่เยวี่ยอ๋องไปจนถึงสมาชิกในราชวงศ์ทุกท่านจะกลายเป็นเป้าหมายให้ผู้อื่นเขานินทา ฝ่าบาทเพคะ!”
สตรีที่ดีควรเห็นอกเห็นใจและให้อภัยผู้อื่นเลิกแล้วต่อกันไป แต่ท่าทีของหมิงเวยในตอนนี้ในสายตาของฮ่องเต้ดูดื้อรั้นเกินไปหน่อย
ท่าทีดังกล่าวอาจทำให้ถูกคิดว่าดูสถานการณ์ไม่ออก ยังไม่ออกเรือน แต่ก็วิ่งตามบุรุษไปเสียแล้วไม่สามารถคาดหวังให้นางเป็นสตรีที่มีคุณธรรมได้จริงๆ
ฮ่องเต้ทรงเบื่อหน่าย แต่ก็แอบสนุกเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วแล้วถามว่า “แล้วเจ้าต้องการอะไร”
คนอื่นเคยได้ยินถึงความใจร้อนของฮ่องเต้ในบรรดาเหล่าคุณหนูมีคนผลักหมิงเวยเบาๆ อย่างหวังดีเพื่อบอกไม่ให้นางต่อกรกับฮ่องเต้
แต่หมิงเวยไม่ได้รับน้ำใจนั้นไว้นางเอ่ยปากพูดว่า “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันจับได้ป้ายอันดับแรก จากนั้นก็จับได้ป้ายหงส์ล้วนเป็นโชคดีของตนเอง ไม่มีเหตุผลให้ผู้อื่นใส่ร้ายซึ่งหม่อมฉันไม่ยินยอม ฝ่าบาทได้โปรดตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนวันนี้หม่อมฉันยืนอยู่ที่นี่ไม่มีการโกงอย่างแน่นอนเพคะ!”
ฮ่องเต้หรี่ตาและพูดอย่างช้าๆ “อ้อ ตรวจสอบอย่างละเอียดจะให้เริ่มจากการจับในรอบแรกเลยใช่หรือไม่”
“เพคะ” หมิงเวยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เริ่มตั้งแต่การจับป้ายอันดับในรอบแรกเพคะ”
เดิมทีฮ่องเต้สงสัยว่านางใช้กลอุบายตั้งแต่รอบแรก แต่เมื่อเห็นท่าทีที่มุ่งมั่นของนางเขาก็ลังเล
การจับป้ายหงส์เมื่อครู่ถือว่าแล้วไปคุณหนูสามตระกูลเหวินโง่มอบป้ายหงส์ให้นางเองกับมือ แต่หากรอบแรกนางไม่ใช้กลอุบายแล้วนางจะเอาโชคดีมาจากไหนกัน ท่านราชครูก็บอกเองว่านางมีดวงชะตาที่ไร้โชค
ในขณะที่ฮ่องเต้กำลังคิด ทางด้านเสวียนเฟยก็ได้พลิกป้ายอันดับหนึ่งที่ตรวจสอบตอนเข้าห้องโถงก็มีสีหน้าตกใจ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้ายกชายเสื้อแล้วคุกเข่าลง
“ท่านราชครู” ฮ่องเต้มีสีหน้างุนงง
ราชครูไม่ใช่คนธรรมดาเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์จึงทำความเคารพตามลำดับผู้อาวุโส ยิ่งไปกว่านั้นราชวงศ์นี้ไม่เข้มงวดเรื่องมารยาท มีแต่งานใหญ่เท่านั้นที่จะคุกเข่าลง แต่ปกติต่อหน้าพระพักตร์ขุนนางไม่จำเป็นต้องคุกเข่า
จู่ๆ เสวียนเฟยทำความเคารพอย่างเข้มงวดเช่นนี้หรือจะเป็นเรื่องใหญ่
“กระหม่อมขอประทานอภัย ในฐานะที่กระหม่อมเป็นราชครู และมีหน้าที่ดูแลเสวียนตูกวัน แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ยังดูแลได้ไม่ดีขอฝ่าบาทโปรดลงโทษกระหม่อมด้วย”
ฮ่องเต้มองถาดในมือของนักพรตที่เฝ้าห้องโถงผ่านฉากกั้นแล้วถาม “มีปัญหาอะไร”
เสวียนเฟยส่งสัญญาณให้นักพรตส่งถาดในมือไปให้ขันทีซึ่งเขาก็นำไปส่งให้ฮ่องเต้ ฮ่องเต้มองป้ายสิบกว่าอันบนถาดซึ่งเป็นป้ายอันดับหนึ่งที่เหล่าคุณหนูจับได้ก่อนหน้านี้
“ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรที่ส่วนท้ายของป้ายทั้งสิบสามอันนี้” ฮ่องเต้เลื่อนสายตาลงมาแล้วเขาก็ต้องชะงัก
“ป้ายทั้งหมดในเสวียนตูกวันจะมีลักษณะเหมือนกัน ก่อนทำการจับป้ายกระหม่อมได้แต้มสีชาดที่ส่วนท้ายของป้ายอันดับหนึ่งทุกอันเผื่อไว้ แต่มีหนึ่งอันที่ไม่มีแต้มสีชาด” ว่านต้าเป่าพลิกป้ายทั้งสิบสามอันปรากฏว่ามีสิบสองอันที่มีแต้มสีชาดมีหนึ่งอันที่ไม่มี
เสียงของเสวียนเฟยแฝงไปด้วยความเย็นชา “ภายในเสวียนตูกวัน อีกทั้งต่อหน้าฝ่าบาท กระหม่อมถูกผู้อื่นฉวยโอกาสเช่นนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนักขอฝ่าบาททรงลงโทษกระหม่อมด้วย”
ไท่จื่อได้ยินก็ใจเต้นเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ซิ่นอ๋องเลิกคิ้วสูงไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น
อันอ๋องทนไม่ไหวจึงถามหยางชูเสียงเบา “เป็นฝีมือเจ้าหรือ”
ดวงตาของหยางชูเป็นประกายเขาพึมพำ “ไม่ใช่! แน่นอนว่าไม่ใช่!”
ท่าทางนั้นทำให้อันอ๋องสงสัย ปฏิกิริยาของเขาคืออะไร ตกลงใช่หรือไม่ใช่ ตามเหตุผลแล้ว ตอนแรกเก้าสิบเก้าเลือกหนึ่ง จากนั้นเป็นร้อยเลือกหนึ่งโอกาสที่จะจับได้ทั้งคู่มีน้อยมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้คนที่เจาะจงถูกเลือกโดยไม่ทำอะไรเลย…
อันอ๋องคิดเช่นนั้นคนอื่นก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน ชั่วขณะหนึ่งสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หมิงเวย
หยางชูเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้น “ไม่ใช่! พวกเราไม่ได้โกง!”
เขาตะโกนออกไปเช่นนั้น แต่แววตากลับเป็นประกายวาววับ
เสวียนเฟยหยิบป้ายหงส์ขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท ป้ายหงส์ก็มีปัญหาเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มีสีหน้ามืดครึ้ม “นำขึ้นมา!”
ขันทีนำป้ายหงส์ถวายแก่ฮ่องเต้หลังจากที่ว่านต้าเป่าตรวจสอบแล้ว เขาพูดเสียงเบา “ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรตรงนี้…”
มีจุดสีดำอยู่ใต้หัวป้ายเนื่องจากจุดดำนี้มีขนาดเล็กมาก หากไม่ระวังก็อาจคิดว่าเป็นลายไม้ เห็นได้ชัดว่ามีคนแอบเข้ามาพร้อมกับป้ายอันดับหนึ่งที่ไม่มีเครื่องหมาย จากนั้นก็ใช้กลอุบายเพื่อจับป้ายหงส์
อย่างไรก็ตามก่อนจับป้ายหงส์ก็ต้องจับป้ายในรอบแรกก่อนซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ถูกฉวยโอกาสได้ด้วยหรือถ้าบุคคลนั้นมีเจตนาไม่ดีต่อฝ่าบาท…
สีหน้าของฮ่องเต้มืดครึ้ม
“ท่านราชครู”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นความจริงที่ท่านหลีกหนีจากสถานการณ์นี้ไม่ได้ แต่การลงโทษจะถูกระงับชั่วคราว ตรวจสอบค้นหาความจริงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
เสวียนเฟยยืนขึ้นอีกครั้ง และกำลังจะหันไปสั่งนักพรต แต่ก็ได้ยินเสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้น มีคนคุกเข่าลงและตะโกนว่า “ฝ่าบาทโปรดพิจารณานี่ต้องเป็นกลอุบายของคุณหนูหมิงแน่นอนเพคะ! ฝ่าบาทลองคิดดูว่าจะมีความบังเอิญเช่นนี้ในใต้หล้าได้อย่างไร เยวี่ยอ๋องต้องการแต่งงานกับนาง นางจับได้ป้ายอันดับหนึ่งจากนั้นก็จับได้ป้ายหงส์ นี่ต้องเป็นโชคดีแบบไหนกันเพคะ!”
คนที่พูดนั้นคือเหวินอิ๋ง ตอนที่เสวียนเฟยส่งป้ายทั้งสิบสามอันขึ้นไปเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากนาง ผู้อื่นไม่รู้ แต่นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าป้ายอันดับหนึ่งที่ไม่มีเครื่องหมายนั้นเป็นของนาง!
จากนั้นก็พูดถึงป้ายหงส์เหวินอิ๋งร้อนตัวขึ้นเป็นเท่าตัว นางรู้สึกตื่นตระหนกในทันที
หากเรื่องนี้ถูกตรวจพบเข้า…คนแรกที่ทุกคนนึกถึงคือหมิงเวย คุณหนูทั้งหลายเองก็มองไปที่หมิงเวย เหวินอิ๋งจึงคว้าความหวังสุดท้ายในทันที
ใช่ นี่คือการหาแพะรับบาปหากไม่ออกหน้าก่อนแล้วจะต้องรอถึงตอนไหน
นางจึงคุกเข่าลงทันที โยนความผิดทั้งหมดให้กับหมิงเวย!
อย่างไรก็ตามการที่นางบังเอิญจับได้ป้ายอันดับหนึ่งอีกทั้งยังจับได้ป้ายหงส์ก็เป็นเรื่องที่ไม่แน่ชัดอยู่แล้ว หากตรวจพบว่านางมีปัญหาก็ไม่มีผู้ใดมาสนใจตนแล้ว!
แผนของเหวินอิ๋งนั้นยอดเยี่ยม และเมื่อนางพูดเช่นนี้คนอื่นก็เชื่อสนิท
คุณหนูหลูลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท ท่านเคยตรัสว่าการจับป้ายจะต้องมีความยุติธรรม หากมีคนขัดต่อพระราชโองการของฝ่าบาทการแอบทำเรื่องไม่ดีถือว่าเป็นการลบหลู่เบื้องสูงไม่ใช่หรือเพคะ พวกเราไม่ถูกเลือกไม่เป็นไร แต่ชื่อเสียงของฝ่าบาทต้องไม่เสียหาย”
คุณหนูท่านอื่นที่ไม่พอใจก็เห็นด้วยคล้อยตามกัน พระเนตรของฮ่องเต้สั่นไหว จากนั้นก็กำลังเอ่ยปาก
ไท่จื่อลุกขึ้นยืนทันที และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เสด็จพ่อ ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” กุ้ยเฟยที่กำลังจะพูดชะงัก
และได้ยินไท่จื่อกล่าวว่า “แต่เดิมนี่เป็นเรื่องครอบครัวของเรา เรื่องร้ายแรงเช่นนี้แค่ทำการยกเลิกการคัดเลือกพระชายาบอกไปว่าไม่มีผู้ใดจับได้ป้ายหงส์ก็พอ หากการสอบสวนยังคงดำเนินต่อไปราชวงศ์จะไม่ถูกมองเป็นเรื่องตลกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ชะงัก ก็จริงเขาอยากให้เด็กคนนั้นอับอาย เพียงแต่กลัวว่าบุตรของตนจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวด้วย ไท่จื่อช่วยเหลือเหวินอิ๋งอย่างเห็นได้ชัดหากถูกตรวจสอบพบด้วยกันคงไม่ดีแน่ แต่ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้จะได้กล่าวอะไรทางด้านเสวียนเฟยก็เรียกคนเข้ามา
เขาพูดว่า “ฝ่าบาท นี่เป็นความผิดพลาดของเสวียนตูกวันจึงจำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง และอธิบายให้ฝ่าบาทรับฟัง การค้นหาว่าเป็นกลอุบายของผู้ใดไม่ใช่เรื่องยาก ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการจับป้ายรอบแรกด้านนอกเป็นลูกศิษย์ของกระหม่อม ทุกกล่องเซียมซีจะมีป้ายอันดับหนึ่งเพียงหนึ่งอันเท่านั้น พวกเขาจำหน้าคนที่จับป้ายได้อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”