คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 524 รับตำแหน่ง
ตรงกันข้ามกับตำหนักตงกงจวนอันอ๋องเฟื่องฟูขึ้นมาชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้ฮ่องเต้ยังไม่ได้แต่งตั้งอันอ๋องเป็นไท่จื่อ แต่ท่าทีของพระองค์ก็ไม่เหมือนเดิม หลังจากจัดการกับไท่จื่อและซิ่นอ๋อง ฮ่องเต้ก็รู้สึกหดหู่ไปหลายวัน และในที่สุดก็ลุกขึ้นมาและเรียกอันอ๋องเข้าเฝ้า
จวนอันอ๋องและจวนเยวี่ยอ๋องอยู่ติดกันสวนด้านหลังมีกำแพงกั้นอยู่ อันอ๋องปีนข้ามกำแพงมาเป็นครั้งคราวเพื่อเล่นกับหยางชู
วันนี้อันอ๋องมาเล่นหมากกระดานกับหยางชูที่สวนด้านหลัง ในขณะที่ดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายแล้วร้องออกมาว่าอีกฝ่ายโกงก็มีคนเดินมาส่งข่าวเรื่องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ให้ได้ทราบ
อันอ๋องตกใจจนเข่าอ่อน และเกือบตกลงไปในสระ หยางชูดึงเขากลับมาอย่างว่องไว
“ในเมื่อฝ่าบาทเรียกหาท่าน ท่านก็ไปเสียสิ! เขาเป็นบิดาของท่านไม่ใช่ว่าไม่เคยพบมาก่อนเสียหน่อย”
อันอ๋องพูดเสียงอ่อนแรง “เวลาเสด็จพ่อเรียกหาข้าสีหน้าท่านไม่เคยดีเลย และช่วงนี้พวกเขาบอกว่า บอกว่า…”
“บอกว่าท่านจะได้เป็นไท่จื่อใช่หรือไม่”
“นี่! คำพูดนี้เจ้าจะพูดตามใจชอบออกมาไม่ได้เป็นอันขาด!” อันอ๋องรีบปิดปากของเขา
หยางชูยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ดูท่านจะมีอนาคตที่สดใสนะ ท่านมีคุณธรรมอะไร คิดว่าฝ่าบาทไม่รู้หรือ รีบไปเถอะอย่าให้ฝ่าบาทต้องรอนาน” อันอ๋องถูกเขาหัวเราะเยาะก็ตัดสินใจรีบปีนกำแพงกลับไปทันทีและรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเข้าเฝ้า
ฮ่องเต้เรียกเขาไปพบที่ตำหนักไท่หยวน พอถูกไท่จื่อและซิ่นอ๋องทำให้โกรธจนปวดหัว พอดีกับที่ตำหนักไท่หยวนทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจึงพักที่นี่สองสามวัน
เมื่ออันอ๋องเดินทางมาถึงฮ่องเต้สวมชุดปกติ และเอนกายบนเก้าอี้นวมใต้ต้นไม้ฟังเผยกุ้ยเฟยอ่านหนังสือ เมื่อเห็นเขามาถึงเผยกุ้ยเฟยก็วางหนังสือลง และเรียกคนให้ไปต้มน้ำแกงมา จากนั้นก็ถอยออกไป
ฮ่องเต้ไม่ได้ลุกขึ้น แต่กลับโบกพัดอย่างช้าๆ แล้วพูดกับเขาว่า “เจิ้นจำได้ว่าเจ้าตีอาจารย์ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนใช่หรือไม่”
อันอ๋องก้มศีรษะลงแม้จะกระหายน้ำมาก แต่ก็ไม่กล้ายกน้ำแกงขึ้นดื่ม เขาเลียริมฝีปากแล้วตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรียนเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตีท่านอาจารย์ เพียงแค่นำตั๊กแตนใส่ไว้ในเสื้อผ้าของท่าน ท่านอาจารย์โกรธมากจนคิดจะตีมือลูก ดังนั้นลูกจึงผลักเขา…”
ฮ่องเต้พูดอย่างเย็นชา “แต่อาจารย์อาวุโสมากแล้วเจ้าผลักเขาจนลุกจากเตียงไม่ได้อยู่ครึ่งเดือน” อันอ๋องได้แต่ยิ้มแห้ง
ฮ่องเต้ถอนหายใจนั่งมองดูบุตรชาย เพิ่งอายุยี่สิบปีใบหน้าหยาบกร้านเล็กน้อย แต่ก็มีความงามพร้อมไปทุกส่วน เมื่อมองอย่างละเอียดก็ดูรูปงามไม่หยอก เขาโตมาไม่นับว่าเตี้ยเพียงแต่ปกติขยับตัวน้อยทานเยอะ รูปร่างเลยอ้วนเล็กน้อย
ฮ่องเต้นึกถึงรูปร่างที่สูงโปร่งของหยางชูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ แต่หลังจากคิดดูแล้วเมื่อเทียบกับพวกคนเสเพลเหล่านั้นบุตรชายของตนก็ไม่ได้แย่
“ช่วงนี้เรียนหนังสือเป็นอย่างไรบ้าง” อันอ๋องถูกถามก็พูดไม่ออก
ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “เหตุใดไม่ตอบล่ะ”
อันอ๋องตอบด้วยใบหน้าขมขื่น “กราบทูลเสด็จพ่อ ช่วงนี้ลูก…ลูกไม่ได้เรียนหนังสือพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วเจ้าทำอะไร”
อันอ๋องกัดฟันตอบ “ปาลูกดอก ตกปลา ฟังเพลง…อ้อ ลูกหาอาจารย์ได้แล้ว ตอนนี้กำลังร่ำเรียนมวยอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเขาเอ่ยออกมาคิ้วของฮ่องเต้ก็ขมวดขึ้นเล็กน้อยจนกระทั่งบอกว่าเรียนมวยถึงได้คลายลง
“เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงอยากเรียนมวยล่ะ”
อันอ๋องมองลงไปที่ท้องของเขาและยิ้มแห้ง “ลูกรู้สึกว่าตนเองเริ่มอ้วนจึงคิดอยากเรียนมวยฝึกฝนให้ร่างกายแข็งแรงพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มีสีหน้าอ่อนลง “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว” จากนั้นก็พูดหัวข้อก่อนหน้านี้ “แล้วที่เจ้าเรียนก่อนหน้านี้เรียนถึงไหนแล้วล่ะ”
อันอ๋องพยายามนึกแล้วตอบว่า “เรียนปรัชญาขงจื๊อจบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า ก็ดีที่เขายังมีความคิดเล็กน้อย ความรู้ความสามารถไม่ต้องพูดถึง แต่ก็ยังดีมีพื้นฐานอยู่ ค่อยๆ ชดเชยไปก็ยังทัน
“เจิ้นจะหาอาจารย์ให้เจ้า ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเจ้าไปเข้าเรียนที่หอเหวินฮวากับองค์ชายสี่แล้วก็องค์ชายห้าซะ”
“ฮะ!”
ฮ่องเต้หน้าตึง “เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ”
อันอ๋องลังเล “ไม่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อน้องสี่น้องห้าเพิ่งเจ็ดแปดขวบลูกเข้าเรียนกับพวกเขาดูน่าอายเกินไป…”
ฮ่องเต้ยิ้มเยาะ “เจ้าไม่มีความรู้น่าอายยิ่งกว่า! จบแค่ปรัชญาขงจื๊อ ตำราประวัติศาสตร์ไม่ได้เริ่มอ่านด้วยซ้ำใช่หรือไม่ องค์ชายสี่กับองค์ชายห้าเรียนต่ออีกสองปีก็ตามเจ้าทันแล้ว รีบไปเรียนซะครั้งหน้าเจิ้นจะทดสอบเจ้า!”
“อา..พ่ะย่ะค่ะ!”
“ตกใจอะไร กลับไปบอกชายาของเจ้าให้เตรียมอุปกรณ์การเรียนซะแล้วพรุ่งนี้เช้ามาเรียน!”
“อ้อ พ่ะย่ะค่ะ” อันอ๋องรีบทำความเคารพ “ลูกขอตัวลาพ่ะย่ะค่ะ”
เดินไปได้สองก้าวก็ได้ยินฮ่องเต้รั้งเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
อันอ๋องคิดว่าตนจะถูกสั่งสอนจึงรีบหันกลับมาโค้งกายให้ “พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
ดวงตาของฮ่องเต้กวาดไปทั่วริมฝีปากที่แห้งผาก และชี้ไปที่ชามน้ำแกง “ดื่มซะแล้วค่อยไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
………..
อันอ๋องกลับจวนไปแล้วเล่าเรื่องราวให้ฟังอันอ๋องเฟยจึงจัดการเตรียมของอย่างมีความสุข อันอ๋องก้าวเท้าเดินไปที่สวนหลังบ้านด้วยความตื่นเต้น
“หลานชายๆ!” เขาตะโกนข้ามกำแพง
หยางชูที่ตกปลาจนเกือบเคลิ้มหลับไปตอบกลับไปว่า “มีอะไรงั้นหรือ”
“ข้าเชื่อฟังเจ้า พบว่าเสด็จพ่อดูเหมือนไม่ได้น่ากลัวเพียงนั้น”
“ไร้สาระ!” หยางชูบิดคอตนเอง “นั่นบิดาที่แท้จริงของท่าน มีอะไรน่ากลัวกัน”
อันอ๋องพูดอย่างมีความสุข “ข้าเคยคิดว่าเสด็จพ่อน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วท่านอัธยาศัยดี พอข้าบอกว่าเรียนจบแค่ปรัชญาขงจื๊อ ท่านไม่ทรงกริ้ว แต่วันรุ่งขึ้นข้าต้องไปเข้าเรียน เฮ้อ…อายุข้าปานนี้แล้วต้องไปเรียนร่วมกับน้องสี่น้องห้า ช่างน่าอายจริง!”
“มีอะไรน่าอายกันความคืบหน้าของพวกท่านไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ต้องแยกกันเรียน เมื่อถึงตอนนั้นท่านก็มีห้องเรียนเป็นของตนเอง มีอาจารย์ที่มีวิชาความรู้มากที่สุดจะมาสอนท่าน เช่นนั้นไม่ดีหรือการเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านดูกั๋วจื่อเจียนสิ นักเรียนอายุสามสิบสี่สิบก็มีไม่น้อย แม้แต่ไท่จื่อ…อ้อ องค์ชายใหญ่ก็เรียนไปประชุมการเมืองไปจนถึงอายุยี่สิบถึงสำเร็จการศึกษา”
“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก” อันอ๋องคลายความละอายไป แต่เมื่อคิดว่าตนต้องตื่นตั้งแต่ยามห้า[1]ก็แทบร้องไห้ “บอกว่าพรุ่งนี้จะไปเก็บผลไม้นอกเมืองก็ไม่ได้ต้องตื่นก่อนรุ่งสางนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน!”
หยางชูถือคันเบ็ดไว้ในมือแล้วหัวเราะ “ถึงแม้จะลำบาก แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนเห็นคุณค่าไม่ใช่หรือ มีบางสิ่งที่เสียก็มีบางสิ่งที่ได้มา ไม่ได้เป็นสมาชิกที่จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้อีกต่อไปกลายเป็นบุคคลสำคัญในสายตาของผู้อื่น พวกเขาจะไม่เพิกเฉยต่อสิ่งที่ท่านพูดอีกต่อไป มีอะไรก็จะมาถามความเห็นจากท่าน สิ่งที่ท่านได้ตอนนี้คือสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน!”
อันอ๋องฟังคำพูดของเขาก็มีความสุขตาม “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก”
“รีบไปอ่านหนังสือเถอะ พรุ่งนี้อาจารย์ต้องทดสอบท่านแน่จะได้ไม่ขายหน้า”
“อ้อๆ เจ้าพูดถูก ครั้งนี้อาจารย์ไม่ปล่อยให้ข้าเอ้อระเหยแน่ ข้าต้องกลับไปอ่านหนังสือไปก่อนล่ะ!” อันอ๋องรีบวิ่งกลับไป
หยางชูนั่งอยู่ที่นั่นดูปลาที่กินเบ็ดขึ้นลงชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่ได้ยกคันเบ็ดขึ้น
เวลาผ่านไปนาน “หากท่านเป็นฮ่องเต้ที่ดีก็ว่าไปน่าเสียดายที่มีประวัติศาสตร์เช่นนี้ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ท่านจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เจียง โชคชะตาของแคว้นต้าฉีจนกระทั่งชีวิตของผู้คนมากมายข้าไม่กล้าเดิมพัน!”
……………..
[1] ยามห้า : 03:01 – 05:00 น.