คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 526 ปริศนา
หมิงเวยรีบออกจากเมืองเพราะต้องการช่วยเหลือเสวียนเฟยเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะรีบจึงต้อง กลับไปก่อน
เจี่ยงเหวินเฟิงให้คำมั่นกับนางว่า “แม่นางวางใจได้ข้าจะสืบหาความจริงไม่ให้ท่านราชครูได้รับความไม่เป็นธรรม”
หมิงเวยเชื่อเขาจึงกล่าวเตือนว่า “หากเกี่ยวพันถึงเสวียนเหมินใต้เท้าเจี่ยงต้องใส่ใจกับความปลอดภัยไม่แยกจากเหลย ยหงจะเป็นการดีที่สุดเจ้าค่ะ”
เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มและกล่าวว่า “มีอะไรร้ายแรงหรือข้าเป็นขุนนางในราชสำนัก ฆาตกรเป็นศัตรูกับศาลอยู่แล้วไม่ใช ช่หรือ”
หมิงเวยพูด “แน่นอนว่าไม่ใช่กับเสวียนเหมินดั้งเดิมเจ้าค่ะ ตัวพวกเขาอยู่ในโลกมนุษย์แต่ทางการยังต้องเพิกเฉย แต่ไม่ใช่กับเสวียนเหมินยอดฝีมือที่ไร้สำนัก หากมีความแข็งแกร่ง กฎหมายก็ไม่อยู่ในสายตาพวกเขา”
เห็นหมิงเวยมีท่าทีจริงจังเจี่ยงเหวินเฟิงเก็บรอยยิ้ม “ได้ ข้าจะจำไว้”
หมิงเวยยิ้ม “เช่นนั้นข้าไม่รั้งให้งานของใต้เท้าเจี่ยงล่าช้าแล้วหากมีโอกาส ใต้เท้าเจี่ยงโปรดคิดหาวิธีให้ข ข้ามีส่วนร่วมในคดีนี้ด้วยเถิด”
เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้า “เรื่องนี้ไม่ยากคดีนี้มีเสวียนเหมินอยู่เบื้องหลัง พวกเราเคยร่วมมือกันมาก่อน หากฝ่า าบาทไม่คัดค้านต้องเชิญท่านมาให้ความช่วยเหลือแน่”
ทั้งสองตกลงกันเสร็จเจี่ยงเหวินเฟิงเดินทางออกจากเมืองไปยังที่เกิดเหตุ
หมิงเวยกลับจวนตระกูลจี้แล้วแกล้งทำเป็นเพิ่งตื่น รับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ออกเดินทาง ก่อนหน้านี้นางนัดกับหยา างชูแล้ว และทันทีที่พวกเขาพบกันที่ประตูเมือง ทั้งสองก็ยังคงเดินทางไปที่เสวียนตูกวัน
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ไปหาเสวียนเฟย แต่ไปหาหนิงซิว
“ศิษย์พี่!”
ดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นภายใต้แสงสีทองจางๆ หนิงซิวที่ยืนอยู่บนก้อนหินยักษ์ เสื้อผ้าของเขาสะบัดพลิ้วงามราวกับ เทพเซียน
เมื่อเห็นพวกเขามาหนิงซิวเพียงเหลือบมองพวกเขาแล้วหันหลังกลับ หยางชูกระโดดขึ้นแล้วถามเขาว่า “ศิษย์พี่ ท่านมา าทำอะไรที่นี่”
หนิงซิวชี้ไปที่รูปสลักบนหิน และกล่าวว่า “นี่เป็นลายมือของท่านอาจารย์”
หยางชูไม่เข้าใจ เรื่องนี้เขารู้อยู่แล้ว! ที่แห่งนี้สามารถเห็นแสงแรกของดวงอาทิตย์ขึ้นได้ เมื่อตอนที่สอนกระบ บี่ให้กับเขา นักพรตเฒ่ามานั่งที่นี่แทบทุกวัน
สิ่งที่เขียนบนศิลายักษ์เป็นคาถาซึ่งเขาจำได้นานแล้ว “เป็นสิ่งที่นักพรตเฒ่าสลักไว้ ทำไมหรือ”
หนิงซิวพูดว่า “เจ้าถอยออกไปหน่อย” หยางชูไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมทำตาม
จากนั้นก็เห็นหนิงซิวนั่งขัดสมาธิเหมือนกับตอนที่เขาฝึกชี่เช่นเมื่อก่อน บดบังแสงแดดซะส่วนใหญ่
หยางชูมองซ้ายขวา แต่ไม่เข้าใจ
หมิงเวยที่อยู่ด้านล่างชี้จุดให้เห็น “ท่านดูตัวอักษรพวกนั้นสิเจ้าคะ”
หยางชูกวาดสายตาออกไป แต่เมื่อเห็นแสงแดดทอดลงบนกำแพงหิน ร่องรอยบางอย่างที่ค่อนข้างเบาบางจนไม่สามารถมองเห็นไ ได้มีบางส่วนดูชัดเจนมากขึ้น
“ฉือ…จง…จิง” หนิงซิวพยักหน้าเบาๆ และลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ ท่านสงสัยว่าท่านอาจารย์ต้องการสื่ออะไรบางอย่างหรือ”
“อืม”
“เป็นไปไม่ได้หรอก” หยางชูยิ้ม “สลักตัวอักษรมีลึกมีตื้นเป็นเรื่องปกติ อาจเป็นเพราะตอนที่สลักคำเหล่านี้ใช้แรงค ค่อนข้างเยอะก็เป็นได้”
หนิงซิวส่ายหน้า “เจ้าใช้เวลากับอาจารย์น้อยมากจึงไม่รู้นิสัยของเขา ท่านอาจารย์ชอบเล่นกลลึกลับ เขามักจะสร้าง ปริศนาให้ข้าเดา หรือแม้แต่ขยายการฝึกพลังซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง และบอกเบาะแสเพื่อบอกให้ข้าไปพบด้วยตัวเอง”
“เช่นนั้นหรือ!” หยางชูคิด “แต่มีเพียงสามคำจะคาดเดาอย่างไร”
เขาเกิดความคิดขึ้นมาอย่างเฉียบไว “ฉือจงจิงมีของอะไรซ่อนอยู่ในหินก้อนนี้”
หนิงซิวมองเขาราวกับคนโง่
“ทำไมหรือ” เขาถูกมองด้วยสายตาดูหมิ่นโดยไม่มีสาเหตุก็ไม่พอใจ “หรือการคาดเดาของข้าไม่สมเหตุสมผลหรือ”
หนิงซิวหันหน้าไปทางก้อนหิน “นี่เป็นก้อนหินทั้งก้อนบอกข้าทีว่ามันซ่อนอยู่ที่ใด”
“หืม…” หยางชูมองไปรอบๆ “ไม่มีกลไกอะไรเลย”
“ข้าหามาหลายวันแล้วหากเจ้าสามารถหาพบได้ก็เชิญ” หนิงซิวพูดจบก็กระโดดลงจากหิน และเข้าไปในบ้านเพื่อทำอาห หาร
เสวียนตูกวันดีต่อเขาทุกๆ วันจะมีคนมาส่งน้ำอาหารแห้ง ผักก็มีคนส่งมาให้ แต่หนิงซิวเต็มใจทำเองมากกว่า ท่านห หนิงผู้รักสันโดษ เขาทำอาหารได้เป็นธรรมชาติมาก ตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้จิตใจของเขาใสสะอาดบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อ อนเลยแม้แต่น้อย
รอเขาทำอาหารเสร็จ หยางชูและหมิงเวยได้ตรวจสอบหินทั้งหมดแล้ว และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“ทานข้าวกันเถอะ” หนิงซิวพูด ทั้งสองทำได้แต่เพียงยอมแพ้ และเข้าไปในบ้านเพื่อทานอาหารเย็น
“เหตุใดจึงไม่มีล่ะ” หยางชูยังคงไม่เชื่อ “แถวนี้มีหินก้อนใหญ่เพียงนี้จะไปอยู่ไหนได้”
หมิงเวยกำลังคิดถึงเรื่องของเสวียนเฟยนางถามหนิงซิว “อาจารย์ ท่านได้ยินเรื่องคดีฆาตกรรมในเสวียนตูกวันหรือไม ม่เจ้าคะ”
“อืม” หนิงซิวตอบอย่างใจเย็น
“ท่านทราบหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
หนิงซิวทานข้าวเสร็จก็วางตะเกียบลงแล้วพูดว่า “เมื่อไม่นานมานี้เสวียนเฟยต้องการกำจัดผู้เห็นต่างทำให้ผู้อาวุโส สจำนวนหนึ่งไม่พอใจเขา ตอนนี้ภายในเสวียนตูกวันแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
อีกฝ่ายคิดว่าเขาฆ่าอวี้หยางต้องชดใช้ด้วยชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งคิดว่าเขาถูกปรักปรำ ทั้งสองฝ่ายยืนกรานในคำพูดข ของตน แต่คาดว่าคงไม่มีผลใดๆ ทำได้เพียงรอให้ราชสำนักเข้ามาแทรกแซง”
หมิงเวยถามเขา “อาจารย์คิดว่าเขาเป็นคนฆ่าหรือไม่เจ้าคะ”
หนิงซิวส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”
“ท่านรู้จักเสวียนเฟยมานานแล้วไม่ใช่หรือ น่าจะเข้าใจนิสัยของเขาเป็นอย่างดี”
หนิงซิวพูด “ตามความเห็นส่วนตัวของข้าความเป็นไปได้ที่เสวียนเฟยลงมือมีน้อยมาก เขานั่งในตำแหน่งเจ้าสำนักอย่าง มั่นคงเป็นช่วงที่เขามีอำนาจมาก อวี้หยางที่เสียเปรียบไม่เรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ได้เลย เพื่อคนเช่นนั้นไม่คุ้มท ที่จะเอาตนเองเข้าไปเสี่ยง”
หมิงเวยอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเสวียนเฟยที่นางรู้จักเป็นคนเช่นนั้น เขาเป็นคนที่สงบมาก เก่งในการชั่งน้ำหนัก กข้อดีข้อเสียไม่ใช่ผู้ที่จะฆ่าคนอย่างหุนหันพลันแล่น เขาไม่มีทางทำเรื่องไม่คุ้มเสียนี้หรอก
“เว้นเสียแต่…” หนิงซิวพูดเสริม “ไม่ฆ่าอวี้หยางอาจเจอวิกฤตที่ใหญ่กว่า ทำให้เขาต้องเสี่ยง”
“หรือว่าของดูต่างหน้าของราชครูซูสิงจะมีปัญหาเจ้าคะ” หมิงเวยถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ตอนนี้พบเสวียนเฟยไม่ได้จึ งไม่มีทางรู้ความจริงจากเขา อาจารย์…”
ยังไม่ทันที่นางจะพูดออกไปหนิงซิวที่รู้อยู่แล้วว่านางต้องการจะพูดอะไรจึงพูดตัดบทว่า “ข้าแนะนำว่าอย่าดีกว่ าตอนนี้เสวียนเฟยถูกขังอยู่ในเจดีย์กงเต๋อ เหล่าผู้อาวุโสของเสวียนตูกวันคุมเชิงกันอยู่ที่หอเหวินเต้าด้า านนอก มียอดฝีมือมากมายเพียงนั้น พวกเราไม่สามารถบุกเข้าไปอย่างเงียบๆ ได้หรอก”
ก็ได้…
“ไม่สามารถพบเป็นการส่วนตัวได้ก็ทำได้เพียงรอข่าวจากใต้เท้าเจี่ยง” หมิงเวยพึมพำ แม้จะพูดอย่างนั้นช่วงบ่ายหนิ งซิวก็พาพวกเขาไปที่เสวียนตูกวันเพื่อฟังข่าว
จี้เสียวอู่ได้ยินว่านางมาก็รีบวิ่งเข้าไปหา “ให้ตายเถอะ! เจ้าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
หมิงเวยหัวเราะ “พี่ห้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเจ้าคะ”
จี้เสียวอู่พูดอย่างเหยียดหยาม “คนอย่างเจ้ามันพวกชอบเจ้ากี้เจ้าการยิ่งไปกว่านั้นท่านราชครูกับเจ้าเคยมีความสัมพ พันธ์กันมาก่อน”
หยางชูกลับถามว่า “เหตุใดถึงฟังดูไม่เข้าท่าเท่าไร เจ้าบอกไม่ให้นางเข้าไปยุ่งหมายความว่าเจ้ารู้เรื่องราวภายในใช่ห หรือไม่”
จี้เสียวอู่พูด “ท่านอาจารย์ของข้าอยู่ที่หอเหวินเต้าตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่มาก มีคนใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ เพื่อโจมตีท่านราชครู หากมีหนึ่งคนทำเรื่องไม่ดี เสวียนตูกวันจะแตกสามัคคีจากกัน”
หมิงเวยรู้สึกประหลาดใจ “มนุษยสัมพันธ์ไม่ดีเพียงนั้นเลยหรือ เขาไม่ได้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่ดีไม่ว่าจะทำอะไ ไรย่อมได้เปรียบหรืออย่างไร”
“อาจเป็นเพราะมีสิ่งที่น่าดึงดูดใจ” จี้เสียวอู่พูดเสียงเบา “ข้าได้ยินว่าของดูต่างหน้าชิ้นนั้นของราชครูซูส สิงเป็นสมบัติของเสวียนตูกวัน ผู้ใดที่ได้มันไปจะกลายเป็นเสวียนชื่ออันดับหนึ่งในใต้หล้า”
หืม…
หลังจากเปิดเผยข้อมูลภายในเสร็จเขาก็พูดว่า “ข้าต้องรีบกลับไปแล้ว หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจะได้ช่วยท่านอาจารย์ ”
“ท่านจะช่วยอะไรได้” หมิงเวยมีท่าทีไม่เชื่อในฝีมือของเขา
“ข้าสามารถคอยโห่ร้องสนับสนุนอาจารย์ได้!” จี้เสียวอู่พูดอย่างมั่นใจ และรีบวิ่งออกไป