คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 537 อยู่หรือตาย
หมิงเวยถามว่า “แล้วจะตัดสินแพ้ชนะอย่างไรเจ้าคะ” สายตาของบุรุษชุดครามกวาดตามองไปทั่วหอดูดาว
ในแง่ของความแข็งแกร่งแล้วเสวียนตูกวันแข็งแกร่งกว่า อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ด้านจังหวะเมื่อครู่ ผู้อาวุโสทุกคนอาเจียนเป็นเลือดในช่วงสุดท้าย แต่ความแข็งแกร่งของกลุ่มดาวที อยู่ในมือของเขาถูกรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เป็นการยากที่จะบอกว่าผู้ใดชนะและผู้ใดเป็นผู้แพ้ เขายิ้ม…จากนั้นก็หยิบบางสิ่งออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วชูมันขึ้นต่อหน้านาง
มันคือหยกแขวน…หนึ่งชิ้น
เขากล่าวว่า “กุญแจอยู่ที่นี่ตราบใดที่ข้าวางมันลงกลไกจะเปิดออก ป้ายคุ้มกันปรมาจารย์แห่งชีวิตที่ท่านและข้าต่างต้องการจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า แต่เราสองคนต่างรู้ดีว่ามีวิญญ ญาณชั่วร้ายติดอยู่ในนั้นมากเพียงใด จะสามารถนำมันออกไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่นั่นคือปัญหา ว่าอย่างไรตอนนี้ข้าวางลงแล้ว ผู้ใดแย่งไปได้ก่อนเป็นของผู้นั้นชัดเจนพอหรือไม ม่”
หมิงเวยพยักหน้า “ยุติธรรมดี แต่…”
“ว่าอย่างไรหรือ”
“ก่อนหน้านี้ข้ามีคำถามสองสามข้อที่อยากจะถามหากไม่ถามให้ชัดเจนคงไม่มีอารมณ์ให้ความร่วมมือกับท่าน”
บุรุษชุดครามพยักหน้าแล้วพูดอย่างสุภาพ “แม่นางเชิญถามมาได้เลย”
“ท่านเป็นผู้ใด” สายตาของบุรุษชุดครามเหลือบมองไปทางชิงหลิน และคนอื่นๆ “กลุ่มดาวเสวียนอู่”
หมิงเวยเลิกคิ้วเล็กน้อย “หัวหน้ากลุ่มดาวเสวียนอู่งั้นหรือเจ้าคะ”
บุรุษชุดครามพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “สี่กลุ่มดาวใหญ่ผู้ครองกลุ่มดาวทั้งยี่สิบแปด ข้าคือหนึ่งในผู้นำนั้น”
หมิงเวยถามอีกว่า “แล้วนอกจากสถานะนี้แล้วท่านเป็นผู้ใดอีกเจ้าคะ”
“ผู้สืบทอดปรมาจารย์แห่งชีวิต”
น้ำเสียงของหมิงเวยเย็นเยียบ “ท่านจงใจยั่วโมโหข้าหรือเจ้าคะ”
บุรุษชุดครามยังคงยิ้ม “แค่ตอบตามข้อเท็จจริงยังไม่ได้ป้ายคุ้มกันกลับมาก็ยังเรียกว่าปรมาจารย์แห่งชีวิตไม่ได้ แต่ท่านในตอนนี้ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ พวกเราสองคนผู้ใดได้ป ป้ายคุ้มกันไปก็กลายเป็นปรมาจารย์แห่งชีวิตที่แท้จริง”
หมิงเวยถามคำถามที่สาม “การสืบทอดของท่านมาจากที่ใด หรืออาจารย์ของท่านก็เป็นปรมาจารย์แห่งชีวิตด้วย”
บุรุษชุดครามพยักหน้า “ใช่”
หมิงเวยตกใจนางแค่นหัวเราะ “ท่านบอกว่าใช่ หมายความว่าอาจารย์ของท่านคือปรมาจารย์แห่งชีวิตหรือเจ้าคะ”
บุรุษชุดครามบอกว่า “แม่นางมีคำตอบอยู่ในใจแล้วไม่ใช่หรือ เคล็ดวิชาของพวกเรามาจากสายเดียวกัน คลื่นเสียงก็ต่างกัน วิชากระบี่ร่มของข้าเป็นหนึ่งในมรดกสืบทอดของปรมาจารย์แห่ งชีวิต ข้าทำได้ไม่น้อยกว่าท่าน และอาจครอบคลุมมากกว่าด้วย”
หมิงเวยมองเขาเงียบๆ มันก็…จริง
กระดาษยันต์ของเขา ภาพซ้อนภาพ ทักษะคลื่นเสียงล้วนตรงกันกับนาง แม้แต่วิธีที่เขาแอบเข้าไปในเสวียนตูกวันในคืนนี้ก็คล้ายกับวิธีการของนาง หากบอกว่าพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ ระหว่างกันไม่ใช่แค่ผู้อื่นไม่เชื่อ แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่เชื่อ
“หากข้าถามนามของอาจารย์ของท่าน ท่านจะบอกหรือไม่เจ้าคะ”
บุรุษชุดครามกล่าวขอโทษ “เรื่องนี้ไม่สามารถบอกได้จริงๆ ยังไม่ถึงเวลา”
หมิงเวยถามเสียงเย็นชา “แล้วต้องเมื่อไรหรือเจ้าคะ”
“ถึงตอนนั้นท่านจะรู้เอง” น้ำเสียงของบุรุษชุดครามเปลี่ยนไป “เอาล่ะ พูดคุยจบแล้ว เรามาเริ่มกันเถอะ”
เขายกหยกแขวนปลาคู่ในมือขึ้นอีกครั้งแล้วถามว่า “เช่นนั้นข้าเริ่มเลยนะ”
หมิงเวยถอนหายใจอย่างเงียบๆ แล้วพยักหน้า ผู้อาวุโสอี้ได้ยินพวกเขาสนทนากันจบเมื่ออาการบาดเจ็บทุเลาลงเขาก็หันไปถามหมิงเวยเสียงเบา
“แม่นางหมิง เรื่องนี้เห็นทีจะไม่เหมาะสมตราบใดที่พวกเราปกป้องไว้ได้ ต่อให้เขามีกุญแจแล้วอย่างไรคืนนี้เขาเลือกที่จะมาขโมยไปหมายความว่าเตรียมตัวมาพร้อมทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่า พวกเราทิ้งข้อได้เปรียบของตนเองหรือ”
“ใช่!” ผู้อาวุโสล่ายพูดอย่างฉุนเฉียว “อีกอย่างนั่นเป็นของดูต่างหน้าของราชครูซูสิงเป็นของของเสวียนตูกวัน แม้แม่นางจะได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท แต่จะมาตัดสินใจด้วยคำพูดไม่กี่ คำคงไม่เหมาะสมเท่าไรนัก”
หมิงเวยกล่าวอย่างใจเย็น “ที่นี่คือเสวียนตูกวัน พวกท่านไม่มีความมั่นใจที่จะต่อกรกับผู้บุกรุกหรือ”
ผู้อาวุโสอี้กำลังจะอ้าปาก แต่นางกลับชิงพูดออกมาก่อนว่า “ถ้าแม้แต่ความกล้าเสวียนตูกวันยังไม่มี นี่คงเป็นการดีกว่าสำหรับพวกท่านที่จะรีบถอนตัวออกจากการรับผิดชอบราชสำนักไ ไม่อย่างนั้นหากต้องพึ่งพาพวกท่านโชคชะตาของแผ่นดินคงปกป้องไว้ไม่ได้”
ทันทีที่พูดคำพูดนี้ออกมาผู้อาวุโสหลายคนแสดงความโกรธ
ผู้อาวุโสล่ายโกรธมาก “เด็กอย่างท่านจะไปรู้เรื่องอะไรหากไม่ใช่เพราะพระราชโองการท่านคิดว่าตนเองจะพูดจาเสียงดังในเสวียนตูกวันได้หรือ”
หมิงเวยแค่นหัวเราะ “ได้ เช่นนั้นพวกท่านก็หยุดเขาซะ หากหยุดเขาไม่ได้ก็จะเกิดความเดือดร้อนในภายภาคหน้า หอดูดาวไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้เขาก็สามารถซ่อนตัวได้ทุกที่ ในอนาคต ตเสวียนตูกวันคงได้แต่ป้องกันโจรขโมยได้ทั้งร้อยวัน และหากวันใดเกิดประมาทขึ้นมาก็รอเสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึกได้เลย[1]!”
“ท่าน...”
ผู้อาวุโสอี้ยกมือขึ้น “พอได้แล้ว ฟังนางเถอะ”
“อี้…”
ผู้อาวุโสอี้พูดขัดอย่างเย็นชา “หรือท่านหยุดเขาได้”
ผู้อาวุโสล่ายหุบปาก เขาหยุดไม่ได้…
กลไกถูกเปิดออกเผยให้เห็นตำแหน่งที่ฝังกุญแจไว้ บุรุษชุดครามยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ จนกระทั่งผู้อาวุโสอี้ตอบกลับจากนั้นจึงคุกเข่าลงแล้ววางหยกแขวนปลาคู่ลงไป ส่วนที่เว้าลึ กลงไปเข้ากันได้กับหยกแขวนพอดี
จู่ๆ หอดูดาวก็เกิดการสั่นสะเทือน ลมกลางคืนพัดมาตามด้วยเสียงครวญครางที่ดังมาจากทุกสารทิศ สีหน้าของผู้อาวุโสล่ายเปลี่ยนไป “ภูติผี! เสียงภูติผีร้องไห้!”
สำหรับลูกศิษย์ของเสวียนตูกวันแล้วเป็นเรื่องที่ทั้งคุ้ยเคยและไม่คุ้นเคย
เรื่องคุ้นเคยคือพวกเขาทุกคนล้วนเคยได้ยิน แต่ที่ไม่คุ้นเคยก็คือพวกเขาไม่เคยได้ยินในเสวียนตูกวันมาก่อน ที่นี่คือสถานที่ที่พวกเขาฝึกฝนที่นี่มีแต่กลิ่นอายวิญญาณไม่มีกลิ่นอ อายภูติผีจะมีการกำเนิดของภูติผีได้อย่างไร
เหล่าผู้อาวุโสก้มศีรษะลงและมองไปที่หอดูดาวใต้ฝ่าเท้า
หอดูดาวแห่งนี้มีการวาดแผนที่ดาวที่ดูซับซ้อนซึ่งตอนนี้กลไกดูไม่เป็นระเบียบ เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ดวงดาวที่ประดับอยู่บนเสาหินทั้งสี่จะสั่นไหวไม่สม่ำเสมอแสงดูริบหรี่
ผู้อาวุโสอี้ตะโกนขึ้น “ลงไปซะ! ลูกศิษย์ลงไปให้หมด! ทุกคนไปรวมตัวกันที่หอเหวินเต้า กางค่ายกล!”
ใบหน้าของเขาซีดเผือดเขารู้สึกถึงมันแล้ว นี่คือกลิ่นอายของวิญญาณชั่วร้าย!
วิญญาณชั่วร้ายที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา!
เหล่าลูกศิษย์ของเสวียนตูกวันวิ่งลงเขาโชคดีที่เขาลูกนี้ไม่สูงมากเส้นทางลงเขากว้างใหญ่ราบเรียบคนกลุ่มหนึ่งจึงลงเขาอย่างรวดเร็ว
บุรุษชุดครามเหลือบมองเหล่ากลุ่มดาวภายใต้คำสั่งของเขานำอาวุธวิเศษออกมามากมายแล้วสร้างค่ายกลรอบหอดูดาว
เสียงร้องของเหล่าภูติผีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หมอกสีดำหนีออกมาจากหอดูดาวด้วยหยินชี่ที่แข็งแกร่งกระจายไปทั่ว
ในความมืดมิดมีแสงสองดวงสว่างขึ้นพร้อมๆ กัน รัศมีอันเลือนรางวนเป็นวงกลม และสุดท้ายแยกออกเป็นสองกระบวน หยุดยั้งการแพร่กระจายของหยินชี่
หนึ่งคือธงที่หมิงเวยตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนอีกหนึ่งคือค่ายกลที่บุรุษชุดครามตั้ง
เสียงร้องของภูติผีเบาลงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเสวียนตูกวันเกิดการสั่นไหว มีแสงจางๆ ส่องเข้ามาจากประตูวัด และลอยรายล้อมรอบเสวียนตูกวันเป็นวงกลม
ค่ายกลขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นปกป้องภูเขาทั้งลูก
ผู้อาวุโสอี้ยกแส้ขนหางจามรีขึ้นจ้องมองไปยังที่ที่หยินชี่หลบหนีแล้วร้องเตือนว่า “พี่น้องทั้งหลายไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเราจะไม่ลงรอยกันเรื่องอะไร ตอนนี้พวกเราต้องมาพร้อมใจร่ วมกันหากหยินชี่กระจายออกไปวิญญาณชั่วร้ายจะปรากฏขึ้นบนโลกชาวประชาเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า!”
เหล่าผู้อาวุโสตอบพร้อมเพรียงกัน “ได้!”
แม้แต่ผู้อาวุโสล่ายก็ไม่ได้เป็นอริกับเขาอีกต่อไป ด้านล่างของภูเขา ณ ห้องโถงด้านข้าง เสวียนเฟยยืนขึ้น และเปิดประตู
หยินชี่เต็มท้องฟ้า ภูติผีส่งเสียงร้อง แต่ไม่มีศิษย์คนใดถอยออกมาด้วยความกลัว
………………
[1] เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก : การสูญเสียซ้ำสองอย่างในครั้งเดียว