คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 543 แผนที่
ในตอนที่ปิดคดีความที่ตงหนิงพวกเขาพบกระดาษแผ่นหนึ่งจากห้องลับที่นายท่านสามตระกูลหมิงซ่อนตัวอยู่ บนกระดาษแผ่นนั้นวาดวงกลมขนาดใหญ่เล็ก ก่อนหน้านี้หมิงเวยไม่เข้าใจความห หมายของมันจึงให้ตัวฝูเก็บมันเอาไว้ ของสิ่งนี้ดูเหมือนไม่มีความลับอะไรสองนายบ่าวจึงไม่ได้นึกถึงมันเป็นเวลานาน
พอทั้งสองหาเจอจึงหยิบมันออกมา
“คุณหนูจะเอาไปทำอะไรหรือเจ้าคะ” ตัวฝูประหลาดใจ
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้” หมิงเวยวางกระดาษสีขาวบนม้วนกระดาษจัดวางให้ตรงกัน จากนั้นหยิบขึ้นมาแล้วนำไปส่องกับแสงตะเกียง
แสงส่องผ่านหนังแกะแผ่นบางสะท้อนแสงจางๆ ออกมา พวกนางจึงเห็นชัดเจนว่าวงกลมบนภาพวาดนั้นสัมพันธ์กับสถานที่หลายแห่งบนแผนที่
“อย่างนี้นี่เอง” หมิงเวยพูด “ไปนำดินสอถ่านมา”
“เจ้าค่ะ” เมื่อนางวาดตำแหน่งที่สอดคล้องกันของวงกลมบนกระดาษลงบนม้วนกระดาษหนังแกะทุกอย่างก็ชัดเจน
“ไม่น่าแปลกใจที่ข้าจะมองไม่ออกมานานเพียงนี้ที่แท้กลไกก็อยู่ที่ภาพนี้นี่เอง” หมิงเวยยิ้มพลางโบกม้วนกระดาษหนังแกะ
ตัวฝูโน้มตัวไปดู “คุณหนู สถานที่เหล่านี้เป็นอากาศพัดมารวมตัวกันใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“พูดตามตรงคือเป็นสถานที่ที่รัศมี และอำนาจฮ่องเต้มารวมตัวกัน” หมิงเวยดึงแผนที่ออกมาจากหนังสือ นี่คือสิ่งที่นางสัมผัสได้จากหยางชูคนธรรมดาไม่สามารถมีของลึกลับเช่นนี้ได้
“หากดูจากแผนที่” หมิงเวยชี้ไปที่แต่ละจุด “ที่นี่คืออิงหยาง ที่นี่คือหยุนจิง ที่นี่คือฉางหนิงซึ่งทั้งหมดเป็นเมืองหลวงเก่า แล้วยังมีชีพจรมังกรอื่น…”
นางคำนวณแต่ละที่ และในที่สุดก็หยุดที่จุดหนึ่ง
“คุณหนู ทำไมหรือเจ้าคะ” ตัวฝูถามเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของนาง
หมิงเวยพูด “ดูวงกลมเหล่านี้สิยกเว้นลักษณะพื้นที่ภูเขาลำธาร ทุกที่ที่วงกลมล้วนเป็นเมืองในเป่ยฉีมีแต่วงกลมนี้ที่อยู่ในแคว้นฉู่”
“หืม…”
ดินสอถ่ายเคลื่อนที่บนแผนที่ และในที่สุดก็หยุดที่จุดหนึ่ง “อี๋ตู”
…………
“อี๋ตูงั้นหรือ” หยางชูพูด “ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงของแคว้นฉู่ เหตุใดถึงวาดแค่เฉพาะที่นี่ในเขตแคว้นฉู่กัน”
“ข้าก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกันเจ้าค่ะ” หมิงเวยครุ่นคิดเรื่องนี้มาทั้งคืน นางรู้สึกว่าที่นี่ต้องเป็นสถานที่ที่พิเศษ
หยางชูเหลือบมองนางอยู่หลายครั้งแล้วพูดว่า “เหตุใดข้าถึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย”
หมิงเวยเลิกคิ้วมองเขา เขาพูด “ท่านคงไม่ได้คิดที่จะไปด้วยตนเองใช่หรือไม่”
หมิงเวยยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถามเขา
หยางชูส่ายหน้า “ไม่ได้ๆ ตอนนี้ข้าไม่สามารถออกจากหยุนจิงได้ท่านห้ามไปคนเดียวข้าไม่วางใจ”
หมิงเวยพูดเสียงเบา “ในใต้หล้านี้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้ข้าตกอยู่ที่นั่งลำบากได้”
“แต่ก็ถือว่ามี” หยางชูเน้นย้ำว่า “ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเรากำลังต่อสู้กับตำหนักดวงดาวซึ่งๆ หน้า บุรุษชุดครามผู้นั้นไม่ยอมแพ้จากท่าน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งกว่าท่านด้วยซ้ ำข้าไม่ไว้ใจให้ท่านออกไปคนเดียว” น้ำเสียงของเขาหนักแน่น
หมิงเวยพูดว่า “ข้ายังไม่ได้บอกว่าข้าจะไป เหตุใดท่านจึงรีบร้อนเช่นนี้ด้วยเจ้าคะ”
สายตาของหยางชูเหล่มอง “ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าไม่เคยคิด”
แน่นอนว่า…เคยคิด
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาออกเดินทาง ฟู่จินวางแผนที่จะบำเพ็ญตนชั่วคราว เสวียนเฟยถูกสั่งห้ามอีกครั้ง แม่ทัพจงได้รับคำสั่งให้ออกจากเมืองหลวงแล้ว ข้างกายหยางชูในตอนนี้มีไม่ม มากนัก หากนางจะทิ้งเขาให้อยู่ในหยุนจิงตามลำพังนางคงช่วยอะไรไม่ได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา
“วางใจเถอะ หากข้าคิดจะไปจะบอกท่านอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้” หยางชูแก้ไขคำพูด “ต้องควรเป็นหากคิดจะไปต้องได้รับความยินยอมจากข้า”
หมิงเวยโอนอ่อนไปกับเขา “ได้ๆๆ ตามที่ท่านพูดเจ้าค่ะ”
โอนอ่อนไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังหากมีเหตุผลที่จะจากไปจริงๆ นางก็แอบหนีไปได้อยู่ดี!
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันเสี่ยวถงก็เข้ามารายงาน
“ท่านอ๋อง ทางพระราชวังแจ้งมาว่าใกล้ถึงวันประสูติของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงแล้ว ปีนี้จะมีจัดงานฉลองวันประสูติเจ้าค่ะ”
หยางชูนึกขึ้นได้ “ปีนี้มีจัดงานวันประสูติของเหนียงเหนียงด้วยหรือไม่”
“เจ้าค่ะ!” เสี่ยวถงพูดด้วยรอยยิ้ม “ชุยกงกงบอกว่าฝ่าบาทสงสารเหนียงเหนียง ช่วงนี้เกิดเรื่องต่างๆ มากมายจึงมีพระประสงค์จัดงานเฉลิมฉลองวันประสูติให้เจ้าค่ะ”
หยางชูไม่ต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดใดๆ ในโอกาสเช่นนี้ก็เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็น จิตใจของเหนียงเหนียงหยางชูทราบดีว่างานรื่นเริงเช่นนั้นไม่มีความหมายสำหรับนาง แต่เขาปฏิ เสธไม่ได้เพราะนี่เป็นคำสั่ง แม้กุ้ยเฟยจะไม่รู้สึกยินดี แต่นางต้องแสร้งทำเป็นมีความสุข และยอมรับ ‘ความเมตตา’ นี้
“ข้ารู้แล้วยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนใช่หรือไม่ พวกเราต้องเตรียมของขวัญ เจ้าช่วยคิดหน่อย จะได้ออกไปหาข้างนอก”
เสี่ยวถงกะพริบตา “ท่านอ๋องต้องการของแบบใดหรือเจ้าคะ”
“แน่นอนว่ายิ่งแพงยิ่งดีเลือกของที่ดีที่สุด เอาให้ทุกคนตกตะลึงไปเลย”
เสี่ยวถงไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์มากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทีเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีของเขาจึงตอบไปว่า “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการให้เจ้าค่ะ!”
หยางชูปอกส้มไปพลางพูดกับหมิงเวยว่า “ของขวัญที่ให้ผู้อื่นเห็นแน่นอนว่าต้องยิ่งแพงยิ่งดี ตอนนี้ไท่จื่อ และซิ่นอ๋องถูกปลด ท่านน้าเป็นที่โปรดปรานในวังหลัง เกรงว่างานเล ลี้ยงวันเกิดนี้จะเป็นอีกโอกาสหนึ่งในการชิงดีชิงเด่น ข้าต้องทำตัวไหลไปตามกระแสน้ำ”
หมิงเวยอ้าปากทานส้มที่เขายื่นให้แล้วตอบว่า “แล้วข้าต้องเตรียมของขวัญอีกชิ้นด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
หยางชูยิ้ม “แน่นอนว่าต้องเตรียมถึงตอนนั้นท่านต้องเข้าวังด้วย” เขาพูดอีกว่า “ท่านไม่ต้องเตรียมของขวัญราคาแพงหรอกสิ่งสำคัญคือเป็นของที่แปลกใหม่ แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นสต ตรีที่มีจิตใจดีงาม” พูดแล้วก็ขยิบตาให้นาง
หมิงเวยยิ้ม “อยากให้ข้าโดดเด่นด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ”
สีหน้าของหยางชูยังคงไม่เปลี่ยน “เช่นนั้นไม่ดีหรือ ท่านน้าให้ความสำคัญกับท่าน ผู้อื่นไม่กล้านินทาข้าหรอก”
หมิงเวยยิ้ม ความคิดเด็กจริงๆ คิดว่าเป็นเช่นนี้แล้วงานแต่งงานจะยกเลิกไม่ได้งั้นหรือ
หยางชูยังคงไม่ยอมแพ้ “ดูสิ จะว่าไปโชคชะตาก็เหมือนไม่มีเห็นได้ชัดว่าเสวียนเฟยเป็นดาวมาร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เดินบนเส้นทางนั้น ท่านยังบอกอีกว่ารัศมีของดาวมารจางลง แสดงว่ าเขาเข้าใจแล้วจริงๆ ตามที่ท่านพูดมา
หลังจากนี้บ้านเมืองกฎหมายของต้าฉีจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ เสวียนเฟยต้องแบกรับความรับผิดชอบอย่างมาก ถึงเรื่องใหญ่เช่นนี้ยังเปลี่ยนได้มีหรือไม่มีดาวมารก็ไม่สำคัญหรอกจริงห หรือไม่”
หมิงเวยทานส้ม
หยางชูโน้มตัวไปทางอื่น “ดูอย่างศิษย์พี่สิ ท่านบอกว่าสองสามปีหลังจากนี้เขาจะได้รับป้ายคุ้มกันของปรมาจารย์แห่งชีวิต และมีอายุสั้น แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้อายุขัยในการปราบป ปรามวิญญาณชั่วร้าย หมายความว่าเขาสามารถมีชีวิตได้อีกนาน ชะตากรรมของเขาเปลี่ยนไปแล้วใช่หรือไม่”
หมิงเวยทานเสร็จก็หยิบอีกอัน
หยางชูรับมาปอกเปลือก “แน่นอนเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือข้า! ตามประวัติศาสตร์เดิมข้าต้องท่องยุทธภพกับศิษย์พี่ไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้มีชีวิตที่สงบสุขเช่นนี้ ได้รู้จักท่านน้า า และมีคนอีกมากมายที่ช่วยเหลือข้า เรื่องใหญ่เช่นนี้ยังสามารถเปลี่ยนได้แล้วเหตุใดเรื่องท่านจะเปลี่ยนไม่ได้”
หมิงเวยพูด “ไม่ใช่ว่าไม่ได้เจ้าค่ะ…”
“งั้นแสดงว่าได้ใช่หรือไม่” หยางชูพูดตัดประโยคหลังของนางแล้วกล่าวอย่างมีความสุข “เช่นนั้นพวกเรารีบกำหนดวันเลยดีหรือไม่ ตอนนี้จะพบกันยังต้องหาข้ออ้างมันยุ่งยากเกินไป!”
หมิงเวยพูดช่วงครึ่งหลังของประโยคนั้นต่อ “…แต่ความเสี่ยงสูงมาก อย่างน้อยก่อนที่พวกเราจะทำภารกิจสำเร็จข้าจะไม่คิดถึงเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
“เอ่อ…” จู่ๆ เขาก็ชะงัก
หมิงเวยยิ้ม และแหย่เขาว่า “แต่ที่ท่านพูดมาก็ถูกบางทีสิ่งต่างๆ อาจเปลี่ยนไป ข้าไม่ต้องหมกมุ่นอยู่กับเหตุและผลมากเกินไป รอไปก่อน…ถ้าจุดพลิกสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ บางทีสวรรค์ก็เต็มใจที่จะให้โอกาสข้าด้วยเจ้าค่ะ”
“จุดพลิกสถานการณ์อะไร”
“ความลับเจ้าค่ะ!”