คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 547 เที่ยวกลางคืน
ตอนดึก นักท่องเที่ยวที่สระฉางเล่อค่อยๆ แยกย้ายกันไป เรือดอกไม้ที่แล่นอยู่ในทะเลสาบได้เทียบท่าแล้ว บนเรือสำราญของนักเต้นระบำชาวหู ผู้คนไปที่เรือเปล่า หลงเหลือเพียงความ มไม่เป็นระเบียบบนพื้น
นักดนตรีชาวหูวางกู่ฉินลงเท้าเหยียบพวกเปลือกต่างๆ เดินออกจากท้องเรือ เมื่อเดินไปถึงท้ายเรือเขาก็เคาะประตูเบาๆ
“เข้ามา” เสียงทุ้มดังขึ้นแผ่วเบา นักดนตรีหูเหรินผลักประตู และเดินเข้าไป ในห้องนี้มีเพียงชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่
ชายหนุ่มในชุดหลานชาน ดูสุภาพเรียบร้อยมารยาทงดงาม เพียงแต่มือที่แตะเอวเป็นครั้งคราวดูเหมือนนิสัยจับกระบี่ด้วยความเคยชินซึ่งทำลายภาพลักษณ์สุภาพเรียบร้อยนั้นออกไป เขาเงยหน้ าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้างดงามอ่อนโยน
หากหมิงเวยอยู่ที่นี่นางต้องตกใจเป็นแน่
คนผู้นี้คือซูถู!
เดิมทีเขาดูเหมือนคนจงหยวนอยู่แล้วหลังจากเปลี่ยนไปใส่ชุดนี้ แทบไม่มีความรู้สึกแปลกประหลาดเลยเขาดูไม่ต่างจากบัณฑิตชาวจงหยวนเลย
“เค่อหาน” นักดนตรีหูเหรินโค้งกาย
ซูถูโบกมือแล้วกล่าวว่า “อยู่ที่นี่ห้ามเรียกเช่นนั้น”
นักดนตรีหูเหรินหยุดชะงักแล้วเรียกด้วยสำเนียงที่น่าอึดอัดใจ “คุณชายซู”
ซูถูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ว่าอย่างไร”
นักดนตรีหูเหรินกล่าวว่า “นางนั่งบนเรือนานกว่าครึ่งชั่วยามแล้วจากไปกับเยวี่ยอ๋องผู้นั้น ข้าน้อยเกรงว่าจะถูกพบเข้าจึงไม่กล้าส่งคนตามไป”
ซูถูพูด “ไม่ส่งคนตามไปถูกต้องแล้วข้ายังไม่กล้าโผล่หน้าไป เกรงว่าพวกเขาจะจำข้าได้”
นักดนตรีหูเหรินขอคำแนะนำ “แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ”
ซูถูยกแก้วสุราผลไม้ขึ้นจิบแล้วพูดว่า “มาพูดถึงสถานการณ์ในแคว้นฉีกันก่อน”
“ขอรับ” นักดนตรีหูเหรินจัดระเบียบความคิดเล็กน้อย “ไม่นานมานี้ ไท่จื่อและซิ่นอ๋องแห่งแคว้นฉี เมามายจนทำเรื่องเสียมารยาทจึงถูกฮ่องเต้สั่งปลด ตอนนี้อันอ๋องมีโอกาสสูงมากที่จ จะได้รับตำแหน่งไท่จื่อ ส่วนเยวี่ยอ๋องเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอันอ๋องซึ่งทั้งสองมาด้วยกันในวันนี้ขอรับ”
ซูถูพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าได้ยินมาบ้างแล้ว แค่พูดถึงสถานการณ์ของเยวี่ยอ๋องพอ”
“ขอรับ เยวี่ยอ๋องผู้นี้เดิมทีเป็นคุณชายสามจากจวนโป๋วหลิงโหว เพิ่งได้กลับเข้าสู่ราชวงศ์เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นคำสั่งที่ออกโดยฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ว่ากันว่าเขาเป็นลูกหล ลานของไท่จื่อองค์ก่อน เพราะเหตุการณ์ชิงบังลังก์เมื่อปีนั้น เสียชีวิตทั้งครอบครัวเหลือเขาเพียงคนเดียวที่เหลือรอด กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงสนมในฮ่องเต้เป็นน้าของเขา และเขาเป็ นที่รักของผู้เป็นน้ามาก ฮ่องเต้เองก็ชื่นชอบเขาเช่นกัน ไม่เพียงแต่แต่งตั้งเขาให้มีตำแหน่งสูงกว่าบุตรชายตนเองรางวัลที่ประทานให้ก็เทียบได้กับขององค์ชายเลย”
ซูถูเลิกคิ้ว “ตามที่เจ้าพูดมาเขามีชีวิตอย่างดีในแคว้นฉีเลยใช่หรือไม่”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ” นักดนตรีหูเหรินตอบ “สองเดือนผ่านไปพวกเขาต่างพูดว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเยวี่ยอ๋องมาก อันอ๋องคือไท่จื่อในอนาคต แต่ต่อหน้าพระพักตร์ไม่มีผู้ใดมีสถานะเ เท่าเขาแล้ว”
ซูถูส่ายหน้า “ไม่ใช่ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย ปกติเจ้าไม่ค่อยติดต่อกับชนชั้นสูงใช่หรือไม่”
นักดนตรีหูเหรินตอบกลับ “ข้าน้อยเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นานยังไม่กล้าติดต่อขอรับ”
ซูถูพูด “ไม่เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน สถานะเยวี่ยอ๋องของเขาควรเป็นที่น่าอับอายถึงจะถูก เป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้แคว้นฉีจะใจดีกับเขา อันอ๋องผู้นั้นก็ดูไม่ชัดเจน เจ้าคิดหาวิธี ส่งคนเข้าไปในจวนอันอ๋อง และสืบเรื่องของอันอ๋องหน่อย”
นักดนตรีหูเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “คุณชายซู เรื่องนี้ไม่น่าดี อันอ๋องเฟยขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการ ตอนนี้อันอ๋องแอบออกมาจึงไม่กล้าส่งคนเข้าจวนอ๋อง”
ซูถูเลิกคิ้ว “หาวิธีไม่ออกเลยหรือ”
นักดนตรีหูเหรินพูดว่า “อันอ๋องเฟยเป็นคนขี้หึง อันอ๋องเคยพาคนกลับมา แต่วันนั้นก็ถูกโยนออกไป ตามที่ข้าน้อยเห็นหากจัดหาคนเข้าจวนอันอ๋อง ทางที่ดีที่สุดไม่ควรอยู่ใน นฐานะอนุ เรื่องนี้ข้าน้อยจะคิดหาวิธีอาจใช้เวลาเล็กน้อย”
“ได้” ซูถูตอบรับ “งั้นก็ทำตามที่เจ้าต้องการ” พวกเขาพูดอีกไม่กี่คำนักดนตรีหูเหรินก็ขอตัว
ซูถูจัดเสื้อผ้าเขาเดินออกจากท้องเรือ และลงจากเรืออย่างเงียบๆ
เขาแต่งกายด้วยชุดของชาวจงหยวน รูปหล่องดงาม ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ฝึกฝนวรยุทธ์ตลอดทั้งปีทำให้เขามีรูปร่างสูงตรง
ที่ริมถนนมีคณิกาผู้หนึ่งเห็นแล้วก็เดินเข้าไปพยายามรั้งเขาไว้ “คุณชาย ดึกดื่นเช่นนี้ไปดื่มที่เรือนของพวกเราดีหรือไม่เจ้าคะ”
ดวงตาของซูถูฉายแววเย็นชาเขาเหลือบไปมอง และพ่นคำออกมาว่า “ไปให้พ้น!”
น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้คณิกาผู้นั้นตัวสั่นด้วยความตกใจ นางรีบปล่อยมือและเดินเข้าไปในเรือน พอมองย้อนกลับไปก็พูดด้วยความไม่พอใจ “ไม่ไปก็ไม่ไปสิ จะมาทำให้ผู้อื่นกลัวทำไมกัน ”
ซูถูเหลือบไปมองแล้วเดินจากไป ตอนนี้ผู้คนแยกย้ายกันออกไปพอสมควรแล้ว มีคนเดินถนนไม่กี่คนมีเพียงทหารลาดตระเวนไม่กี่คนเท่านั้นที่ผ่านไปเป็นครั้งคราว
เขาแต่งกายเป็นระเบียบเรียบร้อยมีภาพลักษณ์ที่ไม่ธรรมดา แต่ไม่มีผู้ใดมาหยุดเขาได้ ซูถูเดินทางมาถึงตรอกหยางเจี่ยวอย่างราบรื่น
เขาหลีกเลี่ยงผู้คน และเข้าไปในตรอก ในขณะที่เขากำลังจะเข้าทางสวนหลังบ้าน จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงโกลาหลจากด้านใน
“หมิงเสี่ยวชี! ออกมาเดี๋ยวนี้!”
“เกิดอะไรขึ้น จี้เสียวอู่ อย่ามาก่อเรื่องนะ!”
“หมิงเสี่ยวชี! เจ้าทำเกินไปแล้ววันนี้เจ้าเกือบทำให้ข้า…”
“พี่ห้า นี่มันอะไรกันเจ้าคะ เหตุใดท่านถึงเป็นเช่นนี้ บอกแล้วว่าอย่าดื่มสุรามาก ออกบวชแล้วเหตุใดถึงไม่รู้จักควบคุมตัวเองเลย ดูสิตัวท่านมีแต่กลิ่นแป้ง รีบไปล้างตัวเถอะ ะเจ้าค่ะ”
“เจ้า…”
“จี้เสียวอู่! เจ้าไปไหนมา มั่วสุราเคล้านารีหรือ เจ้ากล้าเกินไปแล้ว ออกบวชเช่นนี้น่ะหรือ พรุ่งนี้พาข้าไปที่เสวียนตูกวันข้าจะไปขอโทษอาจารย์ของเจ้า!”
“ท่านแม่! ข้าเปล่านะ! ไม่ได้ทำจริงๆ! เป็นน้องหญิงที่ล่อลวงข้า! ท่านต้องเชื่อข้านะ!”
“นี่! เจ้าดมกลิ่นตัวเองหน่อยข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร รีบไปอาบน้ำนอนซะ!”
…………
เกิดความโกลาหลภายในเรือนจากนั้นก็กลับสู่ความเงียบสงบซูถูรู้สึกอันตรายจึงหลบไปด้านข้าง และซ่อนตัวในที่ร่ม แต่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีร่างหนึ่งแกว่งไปมาบนหลังคาดูเหมือนว่าเขา าจะมีคันธนูด้วย
องครักษ์เงา…
ซูถูคุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้ดังนั้นเขาจึงผ่อนลมหายใจ ผ่านไปครู่หนึ่งร่างนั้นก็หายไป และเขาก็เดินออกจากตรอกหยางเจี่ยวอย่างเงียบๆ ข้างกายนางมีองครักษ์เงาคอยคุ้มครองอยู่ดูเห หมือนว่าไม่ง่ายที่จะเข้าใกล้
ซูถูคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเปลี่ยนทิศทาง และเดินไปอีกด้านหนึ่ง ไม่นานเขาก็มาถึงถนนสายยาว ถนนสายนี้ด้านหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัยอีกด้านหนึ่งเป็นกำแพงทอดยาว อีกด้านหนึ่ งของกำแพงเป็นจวนอันอ๋อง และจวนเยวี่ยอ๋อง
ซูถูเดินบนถนนช้าๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ นอกจากองครักษ์เหล่านั้น ยังมีดวงตาที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด อันอ๋องกำลังจะกลายเป็นไท่จื่อจะไม่สนใจความปลอดภัยของเขาได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามนอกจากการป้องกันแล้วเขามักรู้สึกว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งดูไม่ปกติ
ถึงเขาจะแต่งตัวเรียบร้อย แต่เขาก็เป็นหมาป่าในทุ่งหญ้า สัญชาตญาณของหมาป่านั้นอ่อนไหวที่สุด พวกเขากำลังจับตามองเยวี่ยอ๋องอยู่งั้นหรือ หรือว่าจะเป็นอำนาจอื่น แสดงว่าสถานการ รณ์ของเขาไม่ค่อยดีนักใช่หรือไม่
ซูถูจมอยู่กับความคิดของตัวเองเขาเดินเลี้ยวที่มุมไม่คิดว่าอีกด้านหนึ่งของมุมก็มีคนเดินเลี้ยวมาเช่นกันทั้งสองจึงชนกันอย่างไม่ตั้งใจ
“ไอหยา!” เสียงของสตรีดังขึ้น
ซูถูผงะไปครู่หนึ่ง และกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว “ขออภัยด้วยเมื่อครู่ข้าไม่ทันระวัง”
อีกฝ่ายหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดอย่างแปลกใจ “เอ๋ ท่านเป็นคนที่ใดหรือ”