คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 557 พบกันสามครั้ง
ซูถูตกตะลึง และหันไปมอง เป็นแม่นางผู้นั้นจริงๆ
นางยืนอยู่หน้าร้านขายน้ำแกงแกะ และหันข้างไปคุยกับเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าคนหนึ่ง ดวงตาของนางยิ้มแย้มใบหน้าอ่อนโยนนุ่มนวล
ซูถูรู้สึกอ่อนไหวในหัวใจ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกิน!
นางดูเหมือนสตรีจงหยวนทั่วไปใบหน้าที่งดงามมีเสน่ห์ แต่นางดูบุคลิกเหมือนสตรีจากทุ่งหญ้า ที่ดูมั่นใจ และตรงไปตรงมา
ความรู้สึกนี้คล้ายกับของหมิงเวยมาก แต่สตรีผู้นั้นเหมือนสีดำที่เขารู้สึกชื่นชม แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกลัวอยู่ลึกๆ แต่แม่นางผู้นี้ดูสดใส และอบอุ่น เห็นแล้วนึกถึงแต่เร รื่องราวดีๆ
บางทีอาจเป็นเพราะเขาจ้องมองมากเกินไปอีกฝ่ายจึงรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วและหันมามอง
“เอ๋ ท่าน...” ความจำของอาหว่านดีมากจำคนได้อย่างแม่นยำ ไม่เหมือนใครบางคนที่พบเจอกันเพียงครั้งเดียวหากไม่แยกแยะชี่ก็จะไม่รู้จัก
ซูถูยิ้ม และโค้งคำนับให้นาง เขาเรียนรู้ท่าทางการคำนับมาเป็นพิเศษ และทำได้เป็นมาตรฐานมาก
อาหว่านหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง เขาเป็นบัณฑิตที่สุภาพมาก แม้ว่าจะมีมารยาทเช่นนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักจะเป็นกันเองมากกว่ามีส่วนน้อยที่จะแสดงมารยาทอย่างเต็มที่
“ท่านไม่กลับบ้านหรือ” อาหว่านมองไปที่ร้านน้ำแกงแกะแล้วมองเขาจากนั้นก็ยิ้ม “ท่านชอบน้ำแกงแกะจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลย”
ซูถูดูงุนงงเขาถามว่า “ไม่แปลกใจอะไรหรือ”
“ไม่แปลกใจเลยที่ท่านมีกลิ่นเหมือนน้ำแกงแกะ” อาหว่านตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วทักทายกลับไปว่า “พวกเราขอตัวก่อนหากมีโอกาสคงได้พบกันอีก”
“อา อ้อ!” ซูถูรีบทำความเคารพอีกครั้ง และมองดูพวกนางสองคนเดินพูดคุยหัวเราะจนหายลับไป
ท่ามกลางคนพลุกพล่าน อาหว่านกับเสี่ยวถงหายไปกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว
ซูถูตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดมแล้วพูดกับตัวเองว่า “กลิ่นน้ำแกงแกะงั้นหรือ”
หมายความว่าที่เขาเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนเสื้อผ้า เรียนรู้มารยาทจนคิดว่าตนเองปลอมตัวมาอย่างสมบูรณ์แบบผลกลับกลายเป็นว่าไม่สามารถปกปิดกลิ่นจากพฤติกรรมการกินได้
ซูถูเลิกคิ้ว เขาเดินไปกับฝูงชนไม่รู้สึกผ่อนคลายอีกต่อไปแล้ว อาหว่านพูดเช่นนั้นทำให้เขาตื่นตัว
สิ่งที่เรียกว่าไร้ข้อผิดพลาด แต่เขากลับคิดว่าตัวเองถูกต้องอยู่ตลอดเวลา อนุตัวน้อยผู้หนึ่งในจวนเยวี่ยอ๋องกลับค้นพบข้อบกพร่องของเขาได้ง่ายดาย ดูเหมือนว่าแผนเดิมจะต้องเลื่ อนออกไป
หลังจากแพ้การต่อสู้ที่ซีเป่ยเมื่อปีก่อนเผ่าหมาป่าหิมะต้องกลับไปที่เป่ยไห่เพื่อพักฟื้น พวกเขารอดชีวิตจากฤดูหนาวอันยากลำบากนั้นลัดเลาะผ่านเทือกเขาอาหนู่ หลังจากยึดทรัพย์สมบัต ติจากชาวเคอหลานที่อยู่ฝั่งตะวันตก ในที่สุดเขาก็มีความมั่นใจที่จะฟื้นตัว
ในฤดูใบไม้ร่วงข่าวการปลดไท่จื่อแห่งแคว่นฉีมาถึงเป่ยไห่ หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วซูถูตัดสินใจมาที่แคว้นฉีเพื่อสืบข่าว เขาปล่อยให้น่าซูดูแลสถานการณ์ฝั่งนั้น ส่วนตนปลอมตัว วเป็นบัณฑิตจงหยวน และเดินทางหลายพันลี้มาที่เมืองหลวงเป่ยฉี
หากซีเป่ยพ่ายแพ้คงไม่มีกำลังยกทัพไปทางใต้อย่างน้อยยี่สิบปี อย่างไรก็ตามเพื่อพิจารณาถึงอนาคตเป่ยฉีไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีกต่อไป
ดังนั้นเขามาที่หยุนจิงในครั้งนี้ด้วยจุดประสงค์สองประการ
หนึ่ง หาทางแก้แค้น และฆ่าชายหญิงคู่นั้นให้ตาย สอง ถ้าหากสามารถทำให้แคว้นฉีปั่นป่วนได้คงจะดีกว่ามาก พอเห็นหมิงเวย และหยางชูในวันนั้น ซูถูครุ่นคิดว่าจะฆ่าพวกเขาอย่างไร ประเ เด็นในช่วงนี้พุ่งไปยังการสืบสวนสถานการณ์ของพวกเขา
เมื่อพบว่าพวกเขากำลังแอบทำอะไรบางอย่างซูถูก็เปลี่ยนความคิด ในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าจะใช้เรื่องนี้สังหารพวกเขาอย่างไรดี แต่คำพูดของอาหว่านราวกับสาดน้ำเย็นใส่หัวของเขา เพื่อปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา
สายของเขาในแคว้นฉีเพิ่งได้รับการจัดเตรียม การทำเรื่องเหล่านี้ในเวลานี้คงเป็นวิธีที่ไม่ฉลาดนัก หากไม่มีรากฐานก็ควรรวบรวมกำลังพล และใช้ยุทธศาสตร์ที่มั่นคงในการทำสงคราม และ ะหากรีบร้อนมากเกินไปจะเป็นการทำลายไพ่ตายเพียงไม่กี่ใบของเขาเท่านั้น
ช่างเถอะ ปล่อยให้พวกเขาปักหลักไปสักครู่หนึ่งก็แล้วกัน ซูถูดับเปลวไฟแห่งความแค้น และคิดอย่างใจเย็น ไม่ว่าพวกเขาจะสู้อยู่กับผู้ใด นั่งดูเฉยๆ ดีกว่า
ตราบใดที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในราชวงศ์แคว้นฉีได้ก็มีโอกาสแก้แค้นในอนาคต ซูถูตัดสินใจ และคิดที่จะกลับไปอธิบายให้คนของตนฟัง
ผู้ใดจะรู้ว่าพอได้สติเขาก็เกิดตื่นตัวขึ้น เมื่อครู่เขาแค่จมอยู่กับความคิด และเดินออกจากสระฉางเล่อโดยไม่รู้ตัวจนไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง
ในตรอกคนเดินไม่มากนักมีเพียงแสงไฟจากบ้านเรือนเท่านั้น และตอนนี้เขาได้กลิ่นอันตราย สัญชาตญาณของหมาป่าทำให้เขาค้นพบงูพิษที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด
เขาทำตัวเงียบ และเดินต่อไปราวกับคนธรรมดา
เมื่อหันกลับมาเขาก็กลั้นลมหายใจอย่างรวดเร็ว อาศัยกิ่งไม้ที่ยื่นมาปกคลุมกระโดดขึ้นไปบนหลังคาแล้วพลิกอีกด้านหนึ่ง
จากนั้นก็เข้าไปใกล้งูพิษ ทันทีที่เขาพบงูพิษเขาก็ดึงกริชออกจากเอวแล้วแทงไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล
ในขณะนั้นจู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอื่นที่พุ่งมาจากด้านข้าง
ในระยะเวลาอันสั้น งูพิษเมื่อถูกพบเข้าให้แล้วจึงวิ่งหนีไปโดยไม่ลังเล
ซูถูตามไปทันที แต่อีกด้านหนึ่งก็ขยับตัวเช่นกัน
“ไอหยา!” เสียงร้องดังขึ้นเบาๆ ตามด้วยร่างสองร่างที่ชนเข้าด้วยกัน
ซึ่งทำให้เกิดการขัดจังหวะการไล่ล่าของพวกเขาโดยบังเอิญ และงูพิษนั้นก็ใช้โอกาสนี้หลบหนีไป
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นซูถูก็ตกตะลึง เขาหันศีรษะไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา เห็นสตรีซึ่งถูกเขาชนจนเซ และทำท่าทางเป็นศัตรูอย่างรวดเร็ว
“เป็นท่านหรือ” เขาโพล่งออกมา
อีกฝ่ายเองก็ตกใจเช่นกัน “เหตุใดจึงเป็นท่านไปได้”
ทั้งสองมองหน้ากัน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งอาหว่านก็พูดว่า “ท่านไม่ใช่บัณฑิตจากต่างเมืองหรอกหรือ เหตุใดถึงเป็นวรยุทธ์ได้”
ซูถูเพิ่งหาเสียงของตนเองเจอเขาถามนางว่า “ท่านยังไม่กลับไปหรือ”
อาหว่านไม่ได้รู้สึกถึงรังสีสังหารจากเขาจึงเก็บลูกศรเข้าแขนเสื้อไปจากนั้นลูบไหล่ที่ปวดเมื่อยพลางพูดว่า “เดิมทีเป็นเช่นนั้น แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน!”
อุบัติเหตุนั่นก็คืองูพิษสองตัวนั้น
ซูถูเงียบแล้วถามนางว่า “พวกมันโจมตีท่านหรือ”
“ใช่” อาหว่านบ่น “ข้าล่อพวกมันวนเป็นวงกลมใหญ่ก่อนจะพบสถานที่ที่สะดวกที่จะลงมือ ผู้ใดจะรู้ว่าจู่ๆ ท่านก็พุ่งออกมา เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือ”
ซูถูตอบ “ข้าเองก็เดินเล่นอยู่แถวนี้จากนั้นก็พบพวกมัน และคิดว่าพวกมันกำลังโจมตีข้า”
อาหว่านยิ้ม “อ้อ ดูไม่ออกเลยท่านเองก็เดือดร้อนเช่นกันใช่หรือไม่”
ซูถูหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญ “ชาวยุทธภพมีหรือจะไม่มีปัญหา”
อาหว่านกลอกตา และพูดว่า “พวกเราพบกันสามครั้ง ชัดเจนว่ามีวาสนาต่อกัน หากเชิญท่านมาดื่มน้ำแกงแกะด้วยกันจะได้หรือไม่”
ซูถูคิดจะปฏิเสธเขารู้ว่าอาหว่านต้องการสอบถามรายละเอียดของเขา
แต่เมื่อเปิดปากเขากลับตอบไปว่า “ได้!”
หนึ่งเค่อถัดมาทั้งสองก็กลับไปที่ร้านน้ำแกงแกะ
ตอนนี้ค่ำแล้วในร้านจึงคนน้อย อาหว่านคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดีจึงขอห้องส่วนตัวข้างหน้าต่างชั้นบน สักพักน้ำแกงแกะร้อนๆ ก็มาวางตรงหน้าพวกเขา นางตักใส่ชามให้ซูถู และนั่งลง ฝั่งตรงข้าม
ซูถูไม่ได้รับบริการจากสตรีเป็นเวลานานจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขาถามนางว่า “ท่านไม่ทานหรือ”
“เมื่อครู่ข้าทานจนอิ่มแล้ว!” อาหว่านพูด “เชิญคุณชายทานได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
ซูถูเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมา อาหว่านมองอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ท่าจับตะเกียบของคุณชายต่างจากคนทั่วไปนะ!”
………………