คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 558 น้ำแกงแกะ
ซูถูตัวแข็งค้าง การใช้ตะเกียบของเขาแน่นอนว่าทักษะคงสู้คนจงหยวนไม่ได้
ชนเผ่าทุ่งหญ้าทานด้วยมีด และมือ การทานด้วยตะเกียบเขาได้เรียนรู้หลังจากได้อำนาจของเผ่าหมาป่าหิมะมา หลังจากอาหว่านพูดเช่นนั้นนางก้มศีรษะลงแกะกระดูกแกะที่เคี่ยวจนเปี่อย ยออกมาแล้วดันไปตรงหน้าเขา
ซูถูเงียบไปครู่หนึ่งแล้วทานเนื้อแกะต่อ เมื่อทานน้ำแกงเนื้อแกะเสร็จแล้ว ซูถูก็วางตะเกียบลง และกล่าวขอบคุณนาง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าแค่ทานก็ทำให้รู้สึกสบายใจเช่นนี้ได้
นางแกะเอากระดูกออกก่อนจากนั้นก็โรยเครื่องเทศ นำอาหารทานเล่นมาให้ทานก่อนแก้เลี่ยนอันที่จริงไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเช่นนี้ อนุจวนเยวี่ยอ๋องปรนนิบัติเยวี่ยอ๋องได้อย่างเป็นธรร รมชาติเช่นนี้ ซูถูรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
เจ้าเด็กนั่น ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างไร เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นรอยยิ้มของอาหว่าน เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย การกระทำของนางเป็นไปอย่างธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่านางดูคุ้นเคยกับการทำ สิ่งต่างๆ ตามปกติพอเห็นเขาทานก็ยิ้มอย่างพอใจ
นางเป็นเพียงอนุผู้หนึ่งอีกไม่นานจวนเยวี่ยอ๋องจะต้อนรับนายหญิงซึ่งสามารถออกคำสั่งกับนางได้ เจ้านายที่นางปรนนิบัติก็เชื่อฟังคนผู้นั้นเช่นกัน
นางจะเสียใจหรือไม่…
พอเห็นเขาทานเสร็จอาหว่านก็รินน้ำชาให้เขา และถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีนามว่าอะไรหรือ พวกเรามีวาสนาได้ทานน้ำแกงเนื้อแกะด้วยกันควรจะทำความรู้จักกันดีกว่า”
ซูถูตอบ “ข้าแซ่ซู”
“อ้อ คุณชายซู!”
ซูถูมองนาง “แม่นางเล่า”
“ข้าชื่ออาหว่าน หว่านที่มาจากคำว่าเยาว์วัย”
ซูถูคิดในใจเป็นคำที่เหมาะสมกับนางดี เขาได้เรียนรู้วิธีเขียนตัวอักษรของจงหยวนกับบัณฑิตจงหยวนเรียกได้ว่าความรู้ของเขาดีเลยทีเดียว
ซูถูถอนหายใจเล็กน้อยในใจ สตรีจงหยวนให้ความสำคัญกับแซ่มากกว่าชื่อ นางบอกชื่อ แต่ไม่บอกแซ่ แสดงว่าเป็นอนุที่ฐานะต่ำมากจริงๆ
นอกจากนี้คำว่าหว่านเต็มไปด้วยการดูถูกสตรี ผู้ที่หวีผมให้ก็เป็นสาวใช้ไม่ใช่หรือ อาหว่านไม่รู้เลยว่าบุคคลตรงหน้าคิดไปไกลเสียแล้วนางถามออกไปว่า “คุณชายซูเป็นคนที่ไหนหรือ”
ซูถูตอบอย่างเป็นกันเอง “ข้าเป็นคนซี่เย่”
“อา! ซี่เย่!” อาหว่านเคาะโต๊ะเบาๆ “ไม่แปลกใจเลยที่สำเนียงของคุณชายดูแปลกไปหน่อย!”
เป็นเมืองเล็กๆ ทางซีเป่ยติดกับซีหรงไม่เพียงแต่อาศัยอยู่ในจงหยวนเท่านั้น แต่ยังมีชาวหูเหรินกับชาวซีหรงจำนวนมากอีกด้วยเป็นสถานที่ที่มีการผสมผสานรวมกันของคนหลากหลายเผ่าเป ป็นอย่างดี
ซูถูถามว่า “ข้าน้อยคิดว่าภาษาจงหยวนของตนเองได้มาตรฐานเสียอีก แม่นางรู้ได้อย่างไรหรือ”
อาหว่านยิ้ม “ท่านอาจไม่รู้ตัวการออกเสียงของท่านมีความชัดเจนเป็นพิเศษ ท่านออกเสียงค่อนข้างหนักทำให้คนฟังรู้สึกว่าท่านต้องพูดให้ชัดเจน อันที่จริงคำพูดประจำวันของพวกเราในบาง งครั้งอาจคลุมเครือ และบางเสียงถูกนำมาใช้โดยตรงแทนที่จะแยกออกมาทีละคำ”
อันที่จริงความคุ้นชินของซูถูไม่ชัดเจน ในสิบคนจะมีเก้าคนที่ไม่ได้สังเกต แต่อาหว่านเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียด ในวัยเด็กนางมีประสบการณ์ครอบครัวแตกแยก เนื่องจากมีสถานะที่พิเศษ ทำให้นางอ่อนไหวต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นเป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อติดตามหยางชูมาที่เมืองหลวงนางก็ระมัดระวังในเรื่องนี้มากขึ้น
ซูถูพยักหน้าเขายิ่งรู้สึกว่าตนเองสะเพร่ามากขึ้นเรื่อยๆ การปลอมตัวของเขาอยู่ไกลจากไร้ข้อบกพร่อง
“คุณชายซู” อาหว่านพูดอีกว่า “ในเมื่อท่านเป็นชาวยุทธภพ ท่านอย่าแทนตนเองว่าข้าน้อยเลย ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำหรอกว่าอย่างไร”
ซูถูจะพูดอะไรได้อีกเขาคำนับแล้วอธิบายว่า “หากออกเดินทางเหมาะที่จะใช้ตัวตนเช่นนี้มากกว่าแม่นางโปรดอภัยด้วย”
อาหว่านยิ้ม และถามต่อ “ข้าเห็นว่าคุณชายมีทักษะสูงไม่ทราบว่าศึกษาจากที่ใดมาหรือ”
ซูถูตอบอย่างระมัดระวัง “ตัวข้าไม่มีสำนัก เพียงแต่ชื่นชอบวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวจึงเชิญอาจารย์ชาวหูเหรินผู้หนึ่งมาสอน แต่ข้าไม่ทราบว่ามาจากสำนักใด”
อาหว่านพยักหน้า “ไม่น่าแปลกใจ ข้าเห็นว่าการลงมือของคุณชายนั้นรุนแรงไร้ความปรานี และเต็มไปด้วยความดื้อรั้นไม่เคยเห็นจากสำนักไหนมาก่อนเลย”
ทุกครั้งที่นางพูดซูถูรู้สึกเย็นวาบที่หัวใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เหมือนตัวเขาเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง อนุคนหนึ่งจากจวนเยวี่ยอ๋องเก่งกาจเช่นนี้เลยหรือ
เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “แม่นาง วันนั้นข้าเห็นท่านเข้าไปในจวนอ๋อง ท่านเป็นสมาชิกในครอบครัวจวนอ๋องหรือ”
อาหว่านตอบอย่างเป็นกันเองว่า “ข้าเป็นสาวใช้ในจวนอ๋อง”
ซูถูตกใจ “เป็นแค่สาวใช้หรือ”
อาหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วถามเขาอย่างติดตลกว่า “คุณชายไม่ได้ดูถูกข้าใช่หรือไม่”
ซูถูรีบพูดว่า “เหตุใดถึงเป็น…”
ที่แท้นางไม่ใช่อนุ แต่เป็นเพียงสาวใช้
ในจงหยวนมีมังกรซุ่มอยู่ขนาดสาวใช้ยังเก่งกาจเพียงนี้
อาหว่านตอบ “บางครั้งสาวใช้ก็มีประโยชน์กว่าองครักษ์ อย่างเช่น จะสะดวกกว่าที่จะปกป้องหวางเฟยในอนาคต”
ซูถูรู้สึกสับสน “ท่านเก่งกาจเช่นนี้ แต่ต้องมาทำงานหนักเพียงเพื่อปกป้องสมาชิกในครอบครัวที่เป็นหญิง นี่มันช่าง…”
อาหว่านไม่ใส่ใจ “มีประโยชน์ก็ดีแล้วเป็นทหารก็ทำเช่นนี้ไม่ได้ การพึ่งความสามารถของตนเอง และยืนหยัดบนโลกนี้ได้อย่างมั่นคงนับว่าดีแล้ว”
เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้วอาหว่านพูดต่อว่า “ข้าต้องกลับแล้ว วันนี้ขอบคุณคุณชายซูมากที่ช่วยเหลือ”
ซูถูส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ช่วยเหลือท่าน แต่กลับปล่อยให้มันหนีไป” เขาชะงักแล้วถามว่า “จวนอ๋องของพวกท่านอันตรายเพียงนั้นเลยหรือ ท่านเป็นเพียงสาวใช้ เหตุใดถึงตกเป็นเป้าหมายของยอ อดฝีมือด้วย”
อาหว่านลุกขึ้น “มันเป็นแค่อุบัติเหตุอีกไม่ช้าก็ถูกจัดการ คุณชายซู ข้าขอตัวก่อน”
ซูถูทำได้เพียงทำตามมารยาท “แม่นางเดินทางปลอดภัย”
อาหว่านเดินไปได้สองก้าวแล้วหันกลับมาถาม “คุณชายพักอยู่ที่ไหนหรือ ข้าจะไปส่งเป็นการขอบคุณ”
“เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องขอบคุณหรอก” ซูถูคล้อยตามเขาพูดว่า “ข้าพักที่เจ๋อกุ้ยโหลว หากแม่นางมีเรื่องอะไรมาหาข้าที่นั่นได้”
“ได้” อาหว่านคำนับแล้วเดินจากไป ซูถูนั่งต่ออีกสักครู่ก็กลับไปที่เรือสำราญ และเรียกนักดนตรีหูเหริน
“คุณชายมีอะไรหรือขอรับ”
ซูถูพูด “เจ้าไปที่เจ๋อกุ้ยโหลว และจองห้องพักให้ข้าที”
นักดนตรีหูเหรินคิดว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการอยู่บนเรือดังนั้นเขาจึงไม่สงสัยและตอบทันทีว่า “ขอรับ”
…………
อาหว่านกลับมาที่จวนอ๋อง
“พี่อาหว่าน!” เสี่ยวถงรีบออกมา “ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“ข้าจะเป็นอะไรได้” อาหว่านถอดรองเท้าแล้วนอนลงบนเตียง
เมื่อเสี่ยวถงแน่ใจว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บก็ลูบหน้าอกด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผู้ใดกำลังตามพวกเราอยู่ พี่อาหว่าน เรื่องที่ท่านทำข้างนอกอันตรายเพียงนั้นเลยหรือ”
“ยังไม่ถือว่าอันตราย” อาหว่านพูด “อาจเป็นเพราะเครือข่ายข่าวกรองของพวกเราขยายตัวเร็วเกินไปเลยดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น พอกลับไปตรวจสอบดูอีกที รู้สึกว่าช่วงนี้มีสายตาจับจ้องม มาที่จวนเยวี่ยอ๋องมากขึ้น” เรื่องพวกนี้เสี่ยวถงพูดแทรกไม่ได้
อาหว่านเป็นพวกที่นึกออกจะลงมือทำทันทีนางสวมรองเท้าอีกครั้ง และรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อตามหาอาสวน ระหว่างทางนางนึกถึงคุณชายซูผู้นั้นอีกครั้ง
คนผู้นั้นแปลกจริง! วรยุทธ์ของเขาสูงเช่นนั้นไม่รู้ว่าเชิญมาทำงานด้วยกันได้หรือไม่
……………….