คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 559 คาดเดา
เวินซิ่วอี๋ยกกาต้มน้ำขึ้น ใช้น้ำเดือดล้างถ้วยชา โรยใบชาตากแห้ง ต้มน้ำแล้วชงชาอย่างช่ำชอง และดูสง่างาม
“องค์ชาย เชิญเพคะ” นางผายมือ องค์ชายรองรู้สึกสับสน แต่ก็เอื้อมมือออกไปรับถ้วยน้ำชาตรงหน้า เขารับมาดื่มหลายครั้ง เนื่องจากมือของเขาสั่นมากเกินไปน้ำชาจึงมาไม่ถึงปากเพราะทำ หกไปเกินกว่าครึ่ง
ในที่สุดองค์ชายรองก็วางถ้วยน้ำชากลับลงบนโต๊ะ เงยศีรษะขึ้นแล้วถามว่า
“อาจารย์ ตอนนี้ข้าเป็นแค่องค์ชายที่ถูกริดรอนตำแหน่งซึ่งดีกว่าคนไร้ค่าเล็กน้อย แต่เรื่องที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องใหญ่มาก!”
องค์ชายรองไม่ใช่คนโง่ เหตุใดเขาจะไม่เข้าใจความหมายของอาจารย์หง
ก้าวเดียวถึงฟ้า หมายถึงการกบฏ!
องค์ชายรองไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดเพียงแค่ว่าจะดึงเจียงเชิ่งลงมาแล้วได้ตำแหน่งไท่จื่อแทนได้อย่างไร ตอนนี้สูญเสียอำนาจแล้ว สิ่งที่คิดตอนนี้คือจะเอาใจ จฮ่องเต้ให้เขาเปลี่ยนความคิดอย่างไร
คำพูดของอาจารย์หงทำให้เขาตกใจ และอดไม่ได้ที่จะคิดตาม
เป็นเรื่องยากมากสำหรับองค์ชายที่ปลดออกจากตำแหน่งอ๋องในการได้อำนาจกลับมาอีกครั้ง ถ้าหากเขาไปถึงตำแหน่งนั้นจริงๆ เขาคง…
หัวใจของเขาเต้นแรงจนไม่สามารถระงับความคิดหลายอย่างที่ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายได้จึงทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการซักถามเท่านั้น
อาจารย์หงยิ้มบางและถาม “องค์ชายไม่กล้าคิดหรือ”
“ข้า…” องค์ชายรองระงับอาการหัวใจเต้นเร็ว และพยายามพูดอย่างใจเย็นว่า
“มันเป็นไปไม่ได้! ถึงเสด็จพ่อจะเสด็จไปประทับนอกวัง อำนาจทหารในเมืองหลวงก็ไม่ได้อยู่ในมือข้าแล้วข้าจะทำได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นพระราชวังอี๋ชุนอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงแค่เพีย ยงวันเดียวเสด็จพ่อก็ทราบข่าวแล้ว”
เมื่อนึกถึงฮ่องเต้ องค์ชายรองก็เริ่มกลัว
อาจารย์หงกลับพูดว่า “องค์ชายทรงประเมินตนเองต่ำไปแล้วก่อนหน้านี้ท่านรวบรวมคนมีความสามารถมาไม่น้อยท่านยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพวกเขาเลย!”
“แต่ว่า…”
องค์ชายรองรู้สึกสับสนก่อนหน้านี้เขาทำความรู้จักคนมามากมาย แต่คนที่เขาเลือกมาไม่ใช่ขุนนางอายุน้อย เป็นพวกคนที่ไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของเขาได้ ฮ่องเต้ยังคงอยู่ในอำนาจ จเขาไม่ใช่รัชทายาท ขุนนางเก่าแก่พวกนั้นจะมายืนอยู่ข้างตนได้อย่างไร พูดได้ว่าเหล่าผู้อาวุโสทั้งเจ็ดในราชสำนักเขาไม่สามารถดึงมาเป็นพวกได้สักคน
อาจารย์หงกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายเชื่อใจกระหม่อมหรือไม่ อีกไม่กี่วันฝ่าบาทจะเสด็จออกจากเมืองหลวงแล้วพวกเราไม่มีเวลาพอที่จะวางแผน”
เขาชะงักไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อไปว่า “นอกจากนี้พวกเรายังได้ผลประโยชน์อยู่เหมือนเดิม ผู้ใดจะไปคิดว่าท่านจะกล้าตัดสินใจเรื่องนี้ เรียกว่าคาดไม่ถึงเลยทีเดียว!”
……………
สองสามวันต่อมาฮ่องเต้มีพระราชโองการเสด็จประพาสที่พระราชวังอี๋ชุน
ภายในวังหลัง กุ้ยเฟย และฮุ่ยเฟยเดินทางไปพร้อมกับฮ่องเต้ มีขุนนางคนสำคัญในราชสำนักติดตามเขาไปมากมาย และรับสั่งให้อันอ๋องอยู่เป็นตัวแทนว่าราชการ
เมื่อข่าวนี้กระจายออกไปก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาที่จวนเยวี่ยอ๋อง
ในวันเดียวกันนั้นเองหยางชูเรียกให้หมิงเวยไปที่เสวียนตูกวัน
ในเวลากลางคืนพวกเขาได้พบกับฟู่จินซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่หลังเขาเป็นเวลาหลายเดือน
“อาจารย์ฟู่” ตัวฝูเข้ามาต้อนรับเขานางรับเสื้อคลุมมาแขวนแล้วส่งผ้าขนหนูร้อนให้
ฟู่จินเช็ดหน้าเช็ดมือจากนั้นก็มานั่งจิบชาร้อนข้างกองไฟแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฤดูหนาวปีนี้หนาวเป็นพิเศษ ไม่แปลกใจที่ฝ่าบาทเสด็จไปประทับวังอื่นเพื่อหนีความหนาว”
หยางชูเปลี่ยนถ่านเตาอุ่นมือ ปิดอย่างระมัดระวังแล้วผลักให้หมิงเวย ปากก็เอ่ยถามไปว่า “อาจารย์ออกมาเพราะเรื่องนี้หรือ”
ฟู่จินมองไปที่เตาอุ่นมือด้วยความอิจฉาเล็กน้อย และกล่าวว่า
“สัญชาตญาณบอกข้าว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น” หยางชูเลิกคิ้ว
อาจเป็นเพราะแววตาของฟู่จินดูร้อนแรงเกินไปหมิงเวยก้มหน้ามองแล้วส่งเตาอุ่นมือให้ “อาจารย์อุ่นมือเถอะเจ้าค่ะ”
ฟู่จินยิ้มพอใจมากแล้วถามพวกเขาว่า “การที่ฝ่าบาทเสด็จออกจากวังเป็นความคิดของท่านหรือของผู้อื่น”
หยางชู และหมิงเวยมองหน้ากันและพูดว่า “ท่านน้าส่งข่าวมาบอกว่าเป็นคำแนะนำของฮุ่ยเฟย”
ฟู่จินพยักหน้า “ฝ่าบาทของพวกเราเป็นฮ่องเต้ที่มีความขยัน และกระตือรือร้น พระองค์ไม่ได้เสด็จประพาสนอกวังเป็นเวลามากกว่ายี่สิบปี จู่ๆ ก็มีความคิดนี้ขึ้นมา เรื่องนี้มันต้องมีเหต ตุผลแน่”
“อาจารย์ พวกเรายังพบเรื่องหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ” หมิงเวยเล่าเรื่องราวของเวินซิ่วอี๋ “…พวกเราจับตาดูมาทั้งคืน คุณหนูเวินผู้นั้นออกจากเรือนในวันรุ่งขึ้น ข้าคิดว่าคงวางแผนลับก กับองค์ชายรองมาทั้งคืน”
ฟู่จินประหลาดใจ “ข้าอยู่อย่างสันโดษเพียงไม่กี่เดือนก็มีคนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นแล้วหรือ”
หมิงเวยพูด “โดยพื้นฐานแล้วข้ามั่นใจว่าคุณหนูเวินผู้นี้เป็นเสวียนชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย นางเข้าวังเพื่ออยู่ข้างกายเผยกุ้ยเฟย และแอบเข้าไปในจวนอ๋องเพื่อพบองค์ชายรองเป็ นการส่วนตัว ต้องมีการวางแผนร้ายอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่ยอดฝีมือเช่นนางจะถูกองค์ชายรองเชื้อเชิญ แต่ก็ยังไม่ทราบว่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่”
การฝึกเคล็ดวิชาเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก ดังนั้นเสวียนชื่อที่เก่งกาจอย่างแท้จริงมักจะซ่อน และฝึกฝนอย่างเงียบๆ สำหรับผู้ที่ชอบเกลือกกลิ้งอยู่ในโลกมนุษย์ยากที่จะทนความเหงาได ด้
ดังนั้นเสวียนชื่อที่เป็นชนชั้นสูงเข้าถึงระดับยอดฝีมือลำดับขั้นต้นได้มากสุดเท่านั้น แต่ไม่สามารถเข้าถึงลำดับขั้นสูงสุดได้
เวินซิ่วอี๋สามารถปลอมตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากการประเมินของหมิงเวย นางรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอาจเกินกว่าลำดับขั้นต้น หากอยู่ในเสวียนตูกวันอย่างน้อยก็อยู่ในระ ะดับเดียวกับอวี้หยาง
องค์ชายรองสามารถหายอดฝีมือเช่นนี้มาทำงานให้เขาได้หรือ หมิงเวยไม่เชื่อ หากไม่ใช่เพราะนางมีเป้าหมายของตนเองก็คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะวิ่งเข้าหาเยวี่ยอ๋อง
ฟู่จินรับฟังแล้วพยักหน้า หลังจากที่หมิงเวยพูดจบเขาก็หลับตา และเคาะนิ้วกับโต๊ะเบาๆ ราวกับกำลังครุ่นคิด
ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวนเขา
ผ่านไปครู่หนึ่งฟู่จินลืมตาแล้วพูดว่า “พวกเรามาลองพิจารณากันดู หนึ่ง ฮุ่ยเฟยสนับสนุนให้ฝ่าบาทเสด็จประพาสนอกวัง สอง คุณหนูเวินที่อยู่ข้างกายฮุ่ยเฟยเป็นยอดฝีมือ สาม คุณหนูเว วินลอบพบองค์ชายรองในตอนกลางคืน”
เขาคิดพักหนึ่งแล้วพูดว่า “พวกเรามั่นใจได้หรือไม่ว่าฮ่องเต้เสด็จประพาสนอกวัง เป็นความคิดขององค์ชายรอง” หยางชูพยักหน้า
ฟู่จินถามต่อไปว่า “เช่นนั้นองค์ชายรองต้องการทำอะไรเมื่อฝ่าบาทเสด็จออกจากเมืองหลวง”
หมิงเวยพูด “ก่อนหน้านี้ฮุ่ยเฟยล้มป่วย ในที่สุดองค์ชายรองได้โอกาสออกจากจวน และทำให้ฮ่องเต้บรรเทาความโกรธลงไปไม่น้อย จากเหตุการณ์นี้จะเห็นได้ว่าฮุ่ยเฟยออกแรงเพื่อบุตรชายต้ องการให้เขาออกมาเจ้าค่ะ”
ฟู่จินพูดต่อว่า “ฝ่าบาทพาขุนนางไปกว่าครึ่งราชสำนัก แต่ให้อันอ๋องอยู่ว่าราชกิจแทนเป็นการชั่วคราว นี่ไม่ใช่เพียงบททดสอบ แต่ยังปูทางสู่การเป็นไท่จื่อ สำหรับองค์ชายรองแล้วไม ม่เป็นประโยชน์ต่อเขาแม้แต่น้อย”
หยางชูนึกออกเขาพูดด้วยจิตใจสั่นไหว “ไม่…มีประโยชน์อยู่เรื่องหนึ่ง”
“อ้อ”
หยางชูพูด “ล่อเสือออกจากถ้ำ เมืองหลวงว่างไปครึ่ง ตามตำราพิชัยสงครามสามารถโจมตีได้”
หมิงเวยไม่เข้าใจอยู่พักหนึ่ง โจมตี…ผู้ใดจะมาโจมตี หรือว่าแคว้นฉู่บุกโจมตีงั้นหรือ แต่ฟู่จินเข้าใจในทันที และปรบมือ “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! ท่านอ๋อง! เก่งมาก!”
หยางชูไหวไหล่ “ข้ายังคิดว่าอาจารย์คิดว่าข้าคิดมากไปแล้ว”
ฟู่จินยิ้ม “ข้าชอบที่ท่านอ๋องกล้าคิด! หากไม่กล้าคิดพวกเราจะมารวมกันที่นี่ทำไมกัน หากพูดถึงชื่อเสียงพวกเราไม่มีโอกาสชนะองค์ชายรอง” หมิงเวยก็คิดออกเช่นกัน
นางประหลาดใจ “พวกเขากล้าคิดงั้นหรือเจ้าคะ”
ฟู่จินพูดช้าๆ “ไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย พวกเขาเหมือนสุนัขจนตรอกพวกเราก็เป็นเช่นนั้น หลังจากเตรียมการมากมายหากสุดท้ายแล้วไม่มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นครองบัลลังก์อย่างสันติก็ต้องมี การเสียสละ”
อาจารย์หงคิดว่าความคิดนี้บ้าเกินไปไม่มีผู้ใดคิดได้ แต่เขาพลาดจุดหนึ่ง ตามวิธีปกติหยางชูไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงพร้อมที่จะดำเนินการเมื่อใดก็ได้ ด้วยเห หตุผลเดียวกันนี้จะทำกับองค์ชายรองไม่ได้อย่างนั้นหรือ