คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 564 ล่องเรือ
ขบวนเสด็จเดินทางออกจากเมืองหลวงประชาชนทุกคนในเมืองหลวงล้วนทราบดี แน่นอนว่าซูถูเองก็ได้รับรู้ข่าวด้วย
“สตรีผู้นั้นตามไปด้วยหรือ” นักดนตรีหูเหรินตอบว่าใช่
ซูถูพูดว่า “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีฮ่องเต้แคว้นฉีออกเดินทาง กองทหารรักษาพระองค์ต้องติดตามไปด้วยอย่างแน่นอนแล้วยังมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งต้องติดตามไปด้วยอีกคนที่อยู่ในเมืองหล ลวงจะว่างไปครึ่งหนึ่ง…น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเรา”
กำลังของพวกเขาน้อยเกินไป และยังไม่ได้จัดกำลังคนอีกด้วย ซูถูถอนหายใจ เขาสั่งการอีกสองสามเรื่องแล้วลุกขึ้นจากไป
นักดนตรีหูเหรินถามว่า “คุณชายจะพักที่เจ๋อกุ้ยโหลวหรือขอรับ”
ซูถูเห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนจะพูดไม่จบก็ถาม “ทำไมหรือ”
นักดนตรีหูเหรินพูดว่า “ความสัมพันธ์เบื้องหลังเจ๋อกุ้ยโหลวนั้นซับซ้อนที่นั่นอาจมีเส้นสายลับของราชสำนักแคว้นฉี คุณชายเปลี่ยนไปพักที่อื่นดีหรือไม่ขอรับ”
ซูถูตกตะลึง และส่ายหัว “ช่างเถอะ ข้าจะระวังตัว”
ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอยิ่งใหญ่เกินไปนักดนตรีหูเหรินไม่กล้าโต้เถียง “ขอรับ”
ซูถูเดินลงจากเรือ และเดินไปที่เจ๋อกุ้ยโหลวอย่างช้าๆ และหยุดลง
หากตามพฤติกรรมปกติของเขาแล้ว เขาควรจะเปลี่ยนสถานที่ทันที แต่เมื่อครู่เขาปฏิเสธโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ซูถูไม่ต้องการสำรวจเบื้องหลังแนวคิดนี้ แต่สัญชาตญาณรู้สึกถึงอันตราย
หมาป่าบนทุ่งหญ้าเป็นการดีที่สุดที่จะเชื่อสัญชาตญาณของตนเอง ซูถูตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และย้ายออกจากเจ๋อกุ้ยโหลวทันที!
เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะสำหรับรับจ่ายเงินและกำลังจะพูด เมื่อเจ้าของร้านเห็นเขาก็แย้มยิ้ม “คุณชายซู ท่านมาพอดีเลยมีคนมาหาท่านน่ะ”
ซูถูประหลาดใจ “ผู้ใดหรือ”
“แม่นางคนนั้นขอรับ” ซูถูหันศีรษะ และเห็นว่าอาหว่านยืนถือกล่องอยู่ไม่ไกล
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
………….
พอตกกลางคืน สระฉางเล่อส่งเสียงคึกคัก ซูถูนั่งอยู่บนเรือฟังเสียงกลองจากระยะไกล อาหว่านที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขากำลังชงชาอย่างชำนาญ
“คุณชายซูคิดอะไรอยู่หรือ”
ซูถูได้สติแล้วพูดว่า “ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าพระจันทร์ขาวโพลนดั่งน้ำแข็งค้าง สายลมยามเย็นที่สวยงามอ่อนโยนราวกับสายน้ำเป็นทิวทัศน์ที่งดงามจริงๆ”
อาหว่านยิ้ม และพูดว่า “คุณชายซูอารมณ์ดีอยู่หรือ แสงจันทร์วันนี้ไม่ค่อยดี มีเสียงดัง ข้าเลยรู้สึกเบื่อเล็กน้อย” พูดแล้วนางก็ร้องออกมาเสียงดังว่า “คนพายเรือ! พายออกไปไกลหน่ อยที่นี่เสียงดังเกินไป”
คนพายเรือตอบรับแล้วเรือก็เคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณเสียงอย่างรวดเร็วราวกับลูกศรที่พุ่งออกจากคันธนู
ซูถูยิ้มแล้วถามกลับว่า “พูดเช่นนี้ วันนี้แม่นางคงอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ”
อาหว่านตอบกลับว่า “อันที่จริงก็นิดหน่อย”
“ทำไมหรือ”
“มีบางเรื่องที่ไม่เป็นไปอย่างราบรื่น”
ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องให้นางตรวจสอบรายละเอียดของจางถาน แต่นางตรวจสอบไม่พบ และวันนี้ส่งคนมาจับตาดูคนขององค์ชายรองแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นมา
ซูถูคิดว่าในฐานะสาวใช้มักไม่สมหวังทุกอย่างอยู่แล้วจึงถามว่า “ในฐานะที่เป็นทาสย่อมไม่อาจทำตามใจตนเองได้ แม่นางเคยคิดที่จะไถ่ถอนตนเองหรือไม่”
อาหว่านรู้ว่าเขาเข้าใจผิด แต่ก็ไม่คิดจะอธิบายจึงตอบไปว่า “หากข้าบอกว่ามี คุณชายจะช่วยข้าหรือ”
ซูถูตอบอย่างไม่ลังเล “หากแม่นางต้องการเงินข้าสามารถควักเงินช่วยเหลือท่านได้” อาหว่านส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม
“ทำไม แม่นางไม่ต้องการหรือ”
อาหว่านพูด “จริงๆ แล้วข้าไม่ได้เป็นทาสธรรมดา แต่เป็นทาสที่ขึ้นทะเบียนจากวังหลวง”
“วัง…”
“ใช่ สมาชิกในครอบครัวนักโทษ ถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด” ในตอนที่นางพูดเรื่องนี้ สีหน้าของนางนิ่งสงบไม่หวั่นไหวอีกทั้งยังมีอารมณ์ช่วยรินชาให้เขาอีกด้วย
ซูถูตกใจ หมายความว่านางไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา แต่เป็นนางในที่ขึ้นทะเบียน สมาชิกครอบครัวนักโทษหมายความว่าทุกคนในครอบครัวเสียชีวิตหมดแล้ว…
“ข้าขออภัยด้วย” ซูถูก้มหัว “ข้าไม่มีเจตนาพูดถึงเรื่องเศร้าของแม่นาง”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เสียใจอะไรแล้ว” อาหว่านถามเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณชายซูมาที่นี่หลายวันแล้ว ท่านจะอยู่ที่เมืองหลวงนานเท่าไรหรือ เหตุใดท่านถึงไม่เช่าเรือนล่ะ ค่าใช้จ่ายสำหรับที่พัก กสูงเกินไปอีกทั้งยังเสียงดังอีกด้วย”
ซูถูพูด “เดิมทีข้าไม่ได้คิดว่าจะอยู่นานเพียงนั้น ไม่คิดว่าเมืองหลวงจะเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ อีกทั้งยังชื่นชมทิวทัศน์ยังไม่หมดเลย ข้าจึงยังพักอยู่ถึงตอนนี้”
“อ้อ คุณชายซูมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกใช่หรือไม่ ท่านมาท่องเที่ยวหรือ”
“ใช่ ซีเย่อยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก ยากที่จะเดินทางมาเที่ยวเช่นนี้จึงอยากออกไปท่องโลกกว้างบ้าง”
“จะว่าไปแล้วข้าอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับซี่เย่มาก คุณชายซูเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับที่นั่นได้หรือไม่ ข้าเองก็อยากจะเปิดโลกกว้างบ้าง”
“เช่นนั้น…”
…………
อาหว่านปฏิเสธคำแนะนำของซูถูที่จะมาส่งนาง จากนั้นก็ขึ้นรถม้าที่มารับนางกลับไป เสี่ยวถงแอบมองซูถูที่ยืนส่งอยู่ข้างทางผ่านช่องว่างของม่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่อาหว่าน ท่ านตั้งใจมาพบเขาเป็นพิเศษมีจุดประสงค์อะไรหรือ”
อาหว่านพิงหมอนนุ่มๆ แล้วพูดอย่างเกียจคร้าน “เดิมทีข้าเห็นเขามีวรยุทธ์ที่สูงจึงอยากดูว่าสามารถจ้างเขาได้หรือไม่ไม่คิดว่าจะตรวจสอบไม่พบที่มาของเขา”
“อ้อ เช่นนั้นท่านจึงมาสืบหาความจริงของเขา”
อาหว่านถอดรองเท้า และนั่งไขว่ห้าง “ใช่ ตอนนี้ข้ามั่นใจมากขึ้นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคนผู้นี้”
“มีปัญหาตรงไหนหรือ”
อาหว่านครุ่นคิดแล้วไหวไหล่ “ไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลย”
เสี่ยวถงแปลกใจ “ในเมื่อไม่มีข้อบกพร่องแล้วเป็นปัญหาตรงไหนงั้นหรือ”
อาหว่านกลอกตา “เจ้าต้องเข้าใจว่ามันเป็นสัญชาตญาณของสตรี”
เสี่ยวถงรู้สึกขบขันแล้วพูดว่า “เช่นนั้นข้าเองก็มีสัญชาตญาณด้วย”
“อ้อ”
“ข้ารู้สึกเสมอว่าพี่อาหว่านเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ! คุณชายซูผู้นี้เป็นคนมีพรสวรรค์ เป็นไปได้หรือไม่ว่า…”
นางยังไม่ทันพูดจบก็ถูกอาหว่านบีบแก้ม “เจ้าเด็กคนนี้กล้ามากนะที่มาหยอกล้อข้าเล่น!”
“ไอหยา!” เสี่ยวถงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ยอมแพ้ “พี่อาหว่านเขินอายหรือ ไม่เป็นไร เป็นสตรีก็ควรออกเรือน! หากท่านอายข้าจะช่วยบอกท่านอ๋องให้เอง!”
“หากเจ้ายังล้อข้าอีก! หากพูดอีกทีข้าจะให้เจ้าออกเรือนไปก่อน!”
“ไอหยา พี่อาหว่านยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่กล้าแล้ว!”
เสียงโหวกเหวกโวยวายหายไป สระฉางเล่อที่คึกคักก็ค่อยๆ เงียบลง
………….
ในเดือนสิบ หิมะตกหนักในเมืองหลวง หยางชูเปิดประตู ลมเย็นพัดผ่านคอทำให้เขาตัวสั่น
อาสวนพูดว่า “หิมะหนาเกินไป ท่านรอให้หิมะละลายก่อนไปดีหรือไม่ขอรับ”
หยางชูส่ายหน้า “แล้วเมื่อไรจะละลายล่ะ อย่างไรหิมะก็หยุดแล้วท้องฟ้าแจ่มใสก็ต้องเป็นวันนี้แหละ”
อาสวนไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้ดังนั้นจึงทำได้เพียงยอมรับมัน
“เช่นนั้นเราเดินทางช้าลงหน่อยหากลื่นล้มไปคงลำบาก”
“ช่างเถอะ เจ้ายังไม่แก่สักหน่อยจะพร่ำบ่นอะไรเพียงนั้นกัน!”
อาสวนแทบสำลักเขาพูดอย่างโกรธๆ ว่า “ข้าน้อยก็ไม่อยากสนใจหรอกขอรับ!”
“เดี๋ยวสิ เจ้ายังโกรธอยู่เลย อารมณ์ของเจ้าไม่ดีเท่าที่เคยเป็น หรือว่าอายุมากขึ้นเลยคิดอยากแต่งภรรยา”
อาสวนพ่ายแพ้ต่อตรรกะของเขา “ท่านพูดอะไรน่ะขอรับ สองเรื่องนี้มีความเชื่อมโยงกันตรงไหนหรือ”
หยางชูเหลือบมองเขา และพูดว่า “หยินหยางไม่สมดุล!”
“…” อาสวนพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ท่านแต่งงานให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูดกับข้าน้อยเถอะขอรับ!”
“เดี๋ยว…” สองนายบ่าวทะเลาะวิวาทพลางขี่ม้าไปที่ประตูเมือง
เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วที่ขบวนเสด็จเดินทางออกจากเมืองหลวง หยางชูถูกอันอ๋องเกาะติดจนไม่สามารถไปไหนได้ วันนี้จึงใช้โอกาสที่อันอ๋องเดินทางไปกรมพระคลัง แอบเดินทางไปยังพระราชวังน นอกเมืองหลวง
ครึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอกันเขามีเรื่องมากมายที่อยากจะบอกหมิงเวย
ทั้งสองวิ่งไปได้ไม่ไกล แต่แล้วจู่ๆ อาสวนก็เห็นอะไรบางอย่าง “ท่านอ๋อง ดูนั่นขอรับ ใช่ใต้เท้าเจี่ยงใช่หรือไม่”