คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 567 หนาแน่น
หยางชูอยู่ที่พระราชวังนอกเมืองหลวงสามวันก็เดินทางกลับ และเมื่อเขามาถึงเมืองหลวงก็ได้รับข่าวจากหลิวกงกง
“ในวังมีคนตายงั้นหรือ”
วันนี้หยางชูยังคงมากับอันอ๋อง ช่วงพักกลางวันก็ไปเดินเล่นที่สวนหลวงแสร้งทำเป็นพบกับหลิวกงกงโดยบังเอิญ หลิวกงกงให้ขันที่น้อยข้างกายเดินออกไป และยืนพูดคุยกับเขาอยู่ที่ ศาลาชมวิว
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงพูด “ปกติไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนตายในวัง เพียงแต่ก่อนท่านอ๋องเสด็จไปพระราชวังนอกเมืองหลวงได้ส่งข้อความบอกว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในวังให้รายงาน มา บ่าวจึงเก็บมารายงานกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
หยางชูยิ้ม “รบกวนกงกงแล้ว แต่ไม่รู้ว่าผู้ใดตายใช่หรือไม่”
หลิวกงกงพูด “เป็นขันทีชราที่ทำหน้าที่ส่งดอกราตรีพ่ะย่ะค่ะ สาเหตุการตายคือพลัดตกลงไปในทะเลสาบ”
“แน่ใจนะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
หลิวกงกงพูด “ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาถูกผลักลงไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ขันทีชราผู้นี้ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนัน แต่ไม่รู้เหตุใดเขาถึงไปที่ทะเลสาบตอนกลางดึก และช ช่วงเวลาที่พบศพก็ลอยขึ้นมาแล้ว”
หยางชูพูด “หากบอกเป็นอุบัติเหตุก็ไม่สามารถบอกว่าเป็นการฆาตกรรมได้ แต่หากบอกว่ามีคนฆ่าก็ไม่มีหลักฐานใช่หรือไม่” หลิวกงกงตอบรับ
“ได้ ข้ารู้แล้ว ขอบคุณกงกงที่มาบอก” หลิวกงกงยิ้ม และคำนับเขา
………….
คดีเล็กๆ เช่นนี้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ฐานะของผู้ตายไม่นับว่าสูง เริ่มที่คดีของผู้ตรวจการมีชื่อเสียงมากที่สุดแล้ว การเกิดคดีไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึง
ในเมืองหลวงขนาดใหญ่มีคนฐานะเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตทุกวัน แต่คดีเหล่านี้ถูกคัดออก และวางไว้บนโต๊ะของหยางชู
เงื่อนไขการคัดกรองง่ายมากคือเกี่ยวข้องกับวัง อย่างเช่นกองทหารรักษาพระองค์ที่มีหน้าที่อารักขา ขันทีนางในที่ปฏิบัติหน้าที่ในวัง และผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับวังด้วยเหตุผลต่าง งๆ เช่น การจัดซื้อ
ภายในหออวี้เป่า ฟู่จินอ่านข้อมูลทีละอย่างเมื่ออ่านจบเขาก็ถอนหายใจ
หยางชูรีบถาม “อาจารย์ มีปัญหาอะไรหรือ”
สายตาของฟู่จินจับจ้องมาที่เขาแล้วตอบว่า “กระหม่อมแค่ถอนหายใจท่านอ๋องทรงมีระเบียบมากขึ้นเรื่อยๆ”
เมื่อได้กลิ่นบางอย่างผิดปกติจึงรีบจัดการกับคดีเหล่านี้ ฟู่จินยอมรับว่าเขาไม่สามารถทำได้ดีเท่านี้ พอมองคนที่ตนเลือกที่โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ฟู่จินยิ่งรู้สึกปลื้มใจ และภูมิใจ การตัดสินใจของเขาไม่ผิดอย่างแน่นอน
หยางชูพอได้รับคำชมก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “อาจารย์ไม่คิดว่าข้าคิดมากไปหรือ”
ฟู่จินดึงสติกลับมา และจดจ่อกับคดีที่อยู่ตรงหน้า “มีปัญหาหรือไม่ เปรียบเทียบสักหน่อยก็รู้แล้ว” เขาชี้ไปที่เอกสาร “แม้แต่คดีเมื่อปีก่อนท่านอ๋องยังหามาได้ เห็นได้ชัดว่ามีข้อสร รุปในใจแล้ว”
ปีก่อน อุบัติเหตุเช่นนี้ไม่ได้มีมากมายถึงเพียงนี้ เดือนนี้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
หยางชูถามเขา “เช่นนั้น อาจารย์คิดว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหนกัน ท่านคิดว่าเป็นฝีมือขององค์ชายรองหรือไม่”
“ในสถานการณ์นี้ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา” ฟู่จินพูด “เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ขบวนเสด็จเดินทางออกจากเมืองหลวง เขาคิดจะทำอะไรก็มีเวลาไม่มาก”
ไม่รอให้เขาพูดอะไรฟู่จินถามทันทีว่า “แล้วเรื่องย้ายคนล่ะ เมื่อคนเหล่านี้ตายไป หน้าที่ของคนเหล่านี้ก็จะถูกแทนที่ท่านอ๋องเข้าใจสถานการณ์เหล่านี้หรือไม่”
หยางชูตอบ “ข้าคิดหาวิธีนำข้อมูลส่วนบุคคลมาได้แล้ว อาจารย์โปรดรอสักครู่”
อาสวนส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ทันที ฟู่จินไม่พูดอะไรอีกเขาก้มหน้าอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ บันทึกสิบหน้านี้เขาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าคิดทบทวนอยู่หลายรอบ
จนกระทั่งอ่านจนจำได้ขึ้นใจเขาถึงวางลงแล้วเรียกให้หยางชูโน้มตัวเข้ามาหา
“ท่านอ๋องดูนี่ เมื่อผู้ตรวจการหลู่เวยเสียชีวิตได้เปลี่ยนย้ายเป็นอีกคนหนึ่งมา
ทำหน้าที่แทน”
หยางชูตอบว่า “คนผู้นี้พวกเราตรวจสอบแล้วตอนนี้ไม่พบสิ่งใดที่น่าสงสัย
แต่พวกเรากำลังสั่งให้คนจับตาดูเขา”
นิ้วของฟู่จินเลื่อนไปที่รายการถัดไป “ในความคิดของข้าเรื่องนี้ควรให้ความสนใจ แล้วยังอันนี้อีกหากผู้ตรวจการอีกคนถูกย้ายไปแทนที่หลู่เวย แล้วผู้ใดจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งเดิมข ของเขาล่ะ เป็นผู้ช่วยผู้บังคับบัญชากองทหารของเขาซึ่งตำแหน่งเดิมของเขามีความสำคัญมากเช่นกัน สถานที่ที่เขารับผิดชอบคือประตูหย่งเล่อ”
หยางชูร้องออกมา “ข้าละเลยเรื่องนี้ไป!”
ฟู่จินพูดต่อไปว่า “แล้วยังขันทีชราที่ส่งดอกราตรี…”
เขาพูดอย่างละเอียดถี่ถ้วนซึ่งหยางชูตั้งใจฟังอย่างจริงจัง ทำความเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน
เมื่อพูดเรื่องนี้จบฟู่จินก็พูดว่า “ท่านอ๋อง ตอนนี้ตำแหน่งสำคัญในวังถูกแทรกซึม กระหม่อมคิดว่าตราบใดที่หมากที่สำคัญที่สุดได้ตำแหน่ง องค์ชายรองจะเคลื่อนไหวทันที”
หยางชูครุ่นคิด “อำนาจทหารหรือ”
“อืม” เขาชี้ “น้องเขยขององค์ชายรองคนหนึ่งอยู่ในกองทหารรักษาพระองค์ไม่ใช่หรือ จับตาดูเขาไว้” ไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้หยางชูได้ให้ความสนใจกับมันแล้ว
ฟู่จินพูดว่า “การเตรียมตัวของอีกฝ่ายใกล้จะเสร็จแล้ว และสิ่งต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากท่านอ๋องคิดจะปกป้องอันอ๋องช่วงนี้อยู่กับเขาเหมือนเงาตามตัวไว้จะดีที่สุด”
หยางชูพยักหน้าตอบรับ “ได้”
……………
จู่ๆ อันอ๋องก็พบว่าหลานชายคนโตของเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ต้องตามลากเขาเข้าวังอยู่ทุกวัน แต่ช่วงนี้ไม่จำเป็นต้องเรียกเขา เมื่อถึงเวลาก็ปรากฏตัวให้เห็นแล้ว
แม้แต่ตอนที่เขาไปที่ท้องพระโรงเพื่อเรียนรู้งานหยางชูก็ไปกับเขาด้วย นั่นทำให้อันอ๋องรู้สึกประหลาดใจ
“ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไร”
หยางชูเหลือบมองเขาอย่างเกียจคร้าน “ทำไมหรือ”
“ตามเปิ่นหวางไปทุกที่ไม่ได้ยินเจ้าบ่ายเบี่ยงเลย”
หยางชูนั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านแล้วตอบว่า “ท่านคิดว่าข้ามีความสุขนัก หรือ ตอนนี้การหาคนไปเที่ยวสนุกด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย ออกไปเที่ยวเล่นอย่างตื่นตระหนกสู้มาติดตามท่านดี ๆ ไม่ดีกว่าหรือ จะได้มีคนคุยด้วย”
อันอ๋องหัวเราะแล้วทำหน้าจริงจัง “เจ้าตามข้ามา อย่างน้อยก็ดูเหมือนคนทำเรื่องสำคัญ เช่นนี้จะได้ไม่โดนเสด็จพ่อด่าว่าเกียจคร้านใช่หรือไม่”
หยางชูตอบอืม แต่ในใจกลับคิดว่าข้าไม่เอ้อระเหยลอยชายเขาก็โกรธอยู่แล้ว!
อันอ๋องไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็กวักมือเรียกเขาให้เข้ามา “เจ้าช่วยข้าดูหน่อย ฎีกาฉบับนี้มีปัญหาอะไรกันแน่ จางเซียงบอกว่าต้องตีกลับ แต่ข้าไม่คิดว่ามีอะไรผิดป ปกติเลย!”
หยางชูโบกมือ “นี่เป็นงานของท่าน อย่าลากข้าไปด้วยเลยท่านคิดว่าข้าอ่านแล้วไม่ปวดหัวหรือ”
อันอ๋องกลับพูดว่า “แต่เจ้าหัวดีกว่าข้า! สองหัวดีกว่าหัวเดียว อีกสักครู่จางเซียงจะกลับมาดูข้า หากข้าตอบไม่ได้จะทำอย่างไร ถึงตอนนั้นต้องมาอยู่ฟังเขาบ่น เจ้าคงไม่อยากให้เป็น นอย่างนั้นใช่หรือไม่”
หยางชูทนไม่ไหว “ท่านแค่ให้ข้ามาเป็นเพื่อนไม่ได้ให้ข้ามาช่วยท่าน อีกอย่างฎีกาไม่เหมาะที่ข้าจะอ่าน! นี่เป็นความลับท่านเข้าใจหรือไม่”
อันอ๋องไม่เห็นด้วย “ข้าอยู่ด้วย เจ้าดูได้! คิดเสียว่าดูแทนข้าไม่ได้หรือ” แล้วโน้มน้าวเขาอีกครั้ง “เร็วเข้า กลับไปอันอ๋องเฟยต้องพูดพล่ามแน่เลย เจ้าช่วยข้าผ่านการทดสอบ ข้า าจะช่วยพูดกับเสด็จพ่อให้เจ้าได้แต่งงานเร็วขึ้น ว่าอย่างไร”
หยางชูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตกลงอย่างไม่เต็มใจ “เอาเถอะ! ท่านอย่าให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไปล่ะโดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าให้จางเซียงรู้”
อันอ๋องพูด “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ผู้ที่ทดสอบข้าคือเขา ข้าต้องสารภาพหรืออย่างไร วางใจเถอะน่า!”