คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 570 โอกาส
เมืองหลวงมีหิมะตกมาหลายวันแล้ว ในทุกๆ วันที่อันอ๋องตื่นเช้าก็จะเห็นว่ามีหิมะขวางถนนทำให้ไม่สามารถเดินทางไปที่พระราชวังได้ อย่างไรก็ตามความเป็นจริงช่างโหดร้าย ทุกคนในเมืองหลว วงเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีทุกวันที่หิมะตกก็จะมีคนไปกวาดหิมะตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะเส้นทางสู่พระราชวังจะเป็นสถานที่แรก เขาหมดสิ้นหนทางจึงต้องเดินหาวไปที่พระราชวัง โชคดีที่มีหยา างชูอยู่ด้วยเลยทำให้อันอ๋องรู้สึกสบายใจเล็กน้อย
……………
กัวสวี่ออกจากจวนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ฮ่องเต้เสด็จไปยังพระราชวังนอกเมืองหลวง ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งเจ็ดมีสามคนที่เดินทางไปด้วยทำให้ความรับผิดชอบของเขาหนักขึ้นไปอีก
แต่ผู้อาวุโสกัวสวี่นั้นตรงกันข้ามกับอันอ๋อง เขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องหนักเลยสักนิด แต่เห็นว่าเรื่องยิ่งเยอะยิ่งดีจะได้อาศัยช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสทั้งสามไม่อยู่ รับช่วงต ต่องานเพิ่มเติมให้งานเหล่านี้เป็นต้นทุนในอนาคต!
วันนี้ไม่มีประชุมตอนเช้า แต่เป็นเวรของกัวสวี่ที่ต้องไปที่ทำการเพื่อจัดการงานของวันนี้ให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินทางเข้าวัง
ทหารเฝ้าประตูหย่งเล่อในวันนี้เพิ่งได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บังคับบัญชากองทหารได้ไม่นาน เขาสอบถามอย่างละเอียดซึ่งกัวสวี่รออยู่ครู่หนึ่งถึงได้เข้าวัง กัวสวี่รู้สึกเสมอว่ามีบางอ อย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไร
ในขณะที่เดินทางไปยังท้องพระโรงเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ เดินไปสักพักจู่ๆ เขาก็หยุดลงแล้วถามหลานชายว่า “เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าวันนี้ทหารเฝ้าเขตพระราชฐานน้อยมาก”
ผู้เป็นหลานชายลูบหัว “ดูเหมือน…ระหว่างทางไม่ได้สังเกตขอรับ”
กัวสวี่พูด “เจ้าไปถามหน่อยว่าเกิดเรื่องอะไรหรือไม่”
“ขอรับ”
ไม่นานผู้เป็นหลานชายก็กลับมา “ท่านอาหก ได้ยินว่าช่วงนี้หิมะตกหนัก กระท่อมในเขตพระราชฐานทางทิศใต้ทรุดลงไปมาก ในที่ว่าการมีคนไม่พอทหารเฝ้ายามจึงถูกเรียกไปช่วยเหลือเป็นการชั วคราวขอรับ”
กัวสวี่ร้องอ้อ เรื่องของเขตพระราชฐานทางทิศใต้เขารู้ดี แต่เรื่องนี้ไม่อยู่ในส่วนของเขา แต่สัญชาตญาณของเขายังไม่ค่อยดีนักตลอดทางจนถึงท้องพระโรง เขาได้แต่คิดในใจถึงสาเหตุ ว่าเหตุใดถึงรู้สึกไม่ดีกัน
หลังจากที่ได้พบอันอ๋อง และได้พูดคุยสั้นๆ เกี่ยวกับงานราชการของวันนี้ เขาก็เบนสายตาไปทางหยางชู หยางชูเข้าใจเป็นอย่างดีจึงหันไปบอกอันอ๋องว่าจะออกไปชมหิมะด้านนอกสักหน่อย
ไม่นานกัวสวี่ก็เดินตามออกมา เขาหันไปมองรอบๆ แล้วถามเสียงเบา “ท่านอ๋องรู้สึกหรือไม่ว่าเขตพระราชฐานในวันนี้ดูไม่ค่อยปกติ”
หยางชูพยักหน้า “คนน้อยไปหน่อย”
กัวสวี่พูด “วันนี้เป็นโอกาสที่ดี”
ทั้งสองมองหน้ากันเป็นที่เข้าใจกันดีไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
เมื่อพบว่าสถานการณ์ขององค์ชายรองดูไม่ปลอดภัยหยางชูก็หาทางแจ้งให้กัวสวี่ทราบอย่างลับๆ กัวสวี่มีแผนการอันแยบยลอยู่ในท้องมากมายขนาดนี้มีหรือจะไม่เข้าใจ
เขาเรียกหลานชายมาก่อนกล่าว “เจ้าไปที่ว่าการไปบอกกับใต้เท้าเจี่ยงว่าหิมะตกหนักเกินไปอาจเกิดอุบัติเหตุได้ให้เขาเตรียมตัวไว้”
ผู้เป็นหลานชายงง และถามว่า “ท่านอาหก เรื่องนี้ไม่อยู่ในส่วนของท่านไม่ใช่หรือ”
กัวสวี่ตำหนิ “ข้าให้เจ้าไปส่งข่าวไม่ต้องพูดมาก”
“อ้อ…”
“จำไว้ว่าห้ามตกหล่นแม้แต่คำเดียว”
“ทราบแล้วขอรับ” ผู้เป็นหลานชายทวนประโยคนี้หลายครั้งในใจแล้วรีบออกจากวัง
กัวสวี่มองไปยังหยางชูแล้วถามเสียงเบา “ท่านอ๋องจะหาสถานที่พักผ่อนหรือไม่”
หยางชูส่ายหน้า “อันอ๋องอยู่ที่นี่ข้าไปไหนไม่ได้”
กัวสวี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อันอ๋องมีคนห้อมล้อมมากมาย ขาดท่านผู้หนึ่งคงไม่เป็นไร” หยางชูยังคงส่ายหน้า
กัวสวี่ถอนหายใจ “ช่างเถอะ กระหม่อมไปทำงานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เขายกมือคำนับแล้วกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ หยางชูยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งเขากระทืบเท้าที่แข็งของตนเองแล้วเดินกลับเข้าห้องไป
ผู้อาวุโสกัวสวี่ผู้นี้มีความซื่อสัตย์น้อยกว่าอาจารย์ฟู่ ตามความคิดของเขา การตามใจองค์ชายรองคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การเสียอันอ๋องไปคงดีกว่าให้มีชีวิตอยู่เพราะจะไม่ปล่อยให้ พวกเขาเดือดร้อนในภายหลัง
หยางชูรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เขาจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น
อันอ๋องเห็นหยางชูเข้ามาก็รีบขอความช่วยเหลือจากเขา “เร็วเข้า ช่วยข้าดูฎีกาฉบับนี้เร็วว่าควรอนุมัติดีหรือไม่”
หยางชูลูบหน้าผากเขารับมาพลางพูดว่า “ข้าช่วยท่านแค่ชั่วคราวหากเป็นเช่นนี้ในอนาคตท่านจะทำอย่างไรกัน”
อันอ๋องถอนหายใจ “ข้าเองก็กังวลเหมือนกัน! บอกตามตรงว่าข้าไม่มีความสนใจที่จะเป็นฮ่องเต้เลยไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ใหญ่กับพี่รองถึงต้องทะเลาะกันเช่นนี้ด้วย”
หยางชูจ้องมองเขา “เหตุใดท่านถึงไม่สนใจเล่า ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้พูดหรือว่าผู้อื่นไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา แต่หลังจากนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เป็นเช่นนี้ไม่ดีหรือ”
“แต่ข้าไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้ดี” อันอ๋องพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ก่อนหน้านี้ข้าฟังเจ้า ตั้งใจเรียนกับอาจารย์กว่าจะทำความเข้าใจได้ไม่ง่ายเลยข้าเคยคิดว่าตนเองค่อนข้างมีพรสวรรค์ แต่ผลลัพธ์เล่า”
เขาพลิกฎีกาบนโต๊ะ “เจ้าดูสิ มีผู้อาวุโสหลายท่านมาสอนข้า แต่ข้ามักจะงงงวยเมื่อเห็นฎีกาเหล่านี้ ข้าไม่รู้ว่ามาตรการที่พวกเขาพูดถึงนั้นดีหรือไม่ดี ในนั้นมีความหมายอะไรซ่อน นอยู่แค่มองข้าก็ปวดหัวแทบระเบิดเพราะเจอปัญหาหนักยากจะจัดการแก้ไขได้ แต่เจ้าน่ะเมื่อได้ฟังก็สามารถพูดอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ข้าทวนสิ่งที่เจ้าพูดมาให้เหล่าผู้อาวุโสฟังพวกเ เขาก็พูดสรรเสริญข้า…”
อันอ๋องพูด “เหตุใดเจ้าไม่เป็นน้องชายของข้านะ หากเป็นเช่นนั้นจะได้มอบหน้าที่ให้แก่เจ้ามันจะดีแค่ไหนกัน ข้าเหมาะที่จะเป็นเสียนอ๋องกว่าเยอะ”
หยางชูอยู่ในอารมณ์ซับซ้อนเขาพึมพำว่า “เป็นความผิดของข้าเองที่กล้า…”
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!” อันอ๋องไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เขาพูดความรู้สึกออกมาจนหมด “ข้าไม่ได้เป็นคนฉลาดอะไร ตั้งแต่เด็กแล้วเมื่อเทียบกับพี่ใหญ่ และพี่รอง เรื่องพวกนี้ข้า ารู้อยู่แก่ใจดี”
ไม่ หยางชูพูดในใจท่านไม่ได้แย่เลยสักนิด
หมิงเวยเคยบอกกับเขาว่าในประวัติศาสตร์ของอันอ๋อง หลังจากที่ซิ่นอ๋องขึ้นครองราชย์เขาได้หลบหนีออกจากเมืองหลวง และต้องยกธงขึ้นก่อกบฏเพื่อเอาชีวิตรอด
ซิ่นอ๋องประพฤติในทางที่ผิดกำจัดผู้เห็นต่าง ก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นทำให้ผู้คนแตกตื่น เมื่ออันอ๋องต่อสู้มาจนถึงเมืองหลวง และได้สังหารซิ่นอ๋ องลงตนเองก็ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้
แม้ภายหลังเขาจะทำตัวเหลวไหล แต่ในช่วงสองปีแรกตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ เขาทำได้ดี และดีกว่าซิ่นอ๋องมาก เห็นได้ชัดว่าเขามีศักยภาพในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเขาถูกบีบให้ต้องแสดงมัน ออกมา
ตอนนี้ดีขึ้นแล้วซิ่นอ๋องถูกปลดออกจากตำแหน่งอ๋องทำให้เขารับตำแหน่งโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลยไม่มีแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเอง นอกจากนี้พอมีคนอยู่ข้างกายเลยยิ่งรู้สึกว่าตนเ เองใช้ไม่ได้
หยางชูไม่รู้ว่าควรคิดอย่างไร เดิมทีเขามีความคาดหวังหนึ่งหรือสองอย่าง รู้สึกว่าบางทีเขาอาจไม่ต้องไปถึงจุดนั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าอันอ๋องที่เป็นเช่นนี้จะไม่สามารถแบกรับบ้านเมือ องได้
“ช่างเถอะ” เขาคิดเป็นเช่นนี้ก็ดีจะได้เดินไปให้สุดทางเลย สำหรับเขาแล้วอำนาจไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ลุ่มหลงอย่างแน่นอน แต่ไม่อาจเรียกได้ว่าเกลียดตลอดชีวิตที่เหลือควรหาอะไร ทำอยู่เสมอ
“มาๆ รีบมาช่วยข้าเร็ว” อันอ๋องดึงเขา “ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร เหตุใดผู้อาวุโสกัวสวี่ถึงบอกว่าแรงจูงใจของคนผู้นั้นไม่บริสุทธิ์กัน”
หยางชูเรียกกำลังใจ และช่วยเขาอ่านฎีกา “ท่านต้องแบ่งทำความเข้าใจ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแค่ทำความเข้าใจกับมันก็พอแล้วปล่อยให้พวกเขาเป็นคนจัดการ นี่เป็นการตัดสินใจในทิศทาง ทั่วไปจำเป็นต้องเรียกคนมาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องนี้…”