คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 576 เคลื่อนทัพ
ตี๋ฝานคุยกับทหารเฝ้าค่ายหลังจากนั้นไม่นานแม่ทัพรุ่นเยาว์ก็วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นเขาก็หัวเราะเสียงดัง “พี่ตี๋ฝาน ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่กัน เมื่อครู่ข้านึกว่าตัวเองได้ยินผิด หิมะตกหนักเช่นนี้แทนที่ท่านจะไปกอดภรรยาที่เรือน มาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ”
ตี๋ฝานยิ้มเก้อแล้วหันกลับมา “แน่นอนว่ามาหาที่หลบภัยกับท่าน! เฮ้อ ข้าถูกภรรยาไล่ออกมานางบอกว่าข้ากลับบ้านก็รู้ว่าต้องดื่มสุรา แต่ก็คิดไม่ออกว่าข้าไม่ดื่มแล้วจะทำอะไร! นางไม่ให้ข้าดื่มข้าไม่รู้จะทำอย่างไรเลยมาดื่มกับพวกท่าน”
แม่ทัพหนุ่มเหลือบมองฟู่จินที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงยิ้ม “พวกสตรีก็เป็นเช่นนี้ไม่คิดถึงความลำบากของพวกเราที่ต้องไปทำงานนอกบ้าน ท่านวิ่งฝ่าลมหนาวมาไกลเช่นนี้ มา น้องชายจะชวนท่านดื่มเอง!”
พูดจบก็พยักหน้าให้ฟู่จิน “ภรรยาท่านให้คนตามมาด้วยหรือ ช่างเถอะ เข้ามาด้วยกัน”
แม่ทัพหนุ่มพาตี๋ฝาน และฟู่จินเข้าไปในค่าย ในกองทหารรักษาพระองค์ตำแหน่งของเขาอยู่ในตำแหน่งระดับกลางมีกระโจมเป็นของตนเองซึ่งด้านในมีทหารกำยำสองนายซุกตัวผิงไฟอยู่
ชายหนุ่มเดินเข้าไปเตะแล้วดุเสียงกลั้วหัวเราะ “พวกเจ้าสองคนมาถูอะไรถ่านของข้าอีกไม่เห็นหรือว่ามีแขกมา รีบไปนำอาหารมาเร็ว” พูดแล้วก็ขยิบตา “วันนี้ไม่มีหน้าที่พวกเจ้าไปเอาเพิ่มมาอีกกาก็ได้” หมายถึงไปเอาเครื่องดื่มมาให้พวกเขา
ทหารที่ไม่ได้กลิ่นสุรามาหลายวันตาเป็นประกายแล้ววิ่งไปทั้งเสียงหัวเราะ
ทันทีที่พวกเขาเดินจากไปชายหนุ่มก็ถามเสียงต่ำว่า “พี่ตี๋ฝาน ท่านมาทำอะไรที่นี่ในวันที่หิมะตกหนักมีเรื่องสำคัญหรือ”
ตี๋ฝานพยักหน้าแล้วหยิบป้ายข้างเอวขึ้น ชายหนุ่มตกตะลึง “ใต้เท้าเจี่ยงงั้นหรือ”
“อืม…” เขาชี้ไปที่ฟู่จิน “คนผู้นี้คืออาจารย์ของใต้เท้าเจี่ยง อาจารย์ฟู่ ฟู่จิน”
ชื่อเสียงของฟู่จินนั้นมีประโยชน์อย่างมากบวกกับป้ายของเจี่ยงเหวินเฟิงทำให้ชายหนุ่มคำนับเขาด้วยความเคารพแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าน้อยปิดหูปิดตาจึงเรียกท่านว่าบ่าวรับใช้หวังว่าท่านจะไม่โกรธเคืองนะขอรับ”
ฟู่จินยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพเป็นคนฉลาดข้าจะโกรธเคืองไปทำไมกัน”
ตี๋ฝานแนะนำเขาให้ฟู่จิน “เขาเป็นสหายของข้าขอรับ นามหนีจุ้น พวกเราเคยเดินทางไปทำคดีที่ตงหนิงกับใต้เท้าเจี่ยง”
เจี่ยงชิงเทียนมีบุคลิกที่ไม่ธรรมดาไม่มีผู้ใดที่เคยร่วมงานกับเขาที่ไม่ชื่นชมเขา ตี๋ฝานพูดเช่นนี้แสดงว่าหนีจุ้นผู้นี้เป็นพวกเดียวกัน และสามารถเชื่อใจได้
หนีจุ้นถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ ท่านฝ่าหิมะมาเช่นนี้คงเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก”
ตี๋ฝานพยักหน้า “พวกเราเป็นสหายกันมาหลายปีตอนนี้ข้าจะไม่ปิดบังท่าน ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ที่สั่นคลอนราชสำนัก…”
ยิ่งหนีจุ้นฟังมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นเท่านั้น เขาหันไปมองฟู่จินและเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเพื่อยืนยันเรื่องนี้เขาก็ถามว่า “ดังนั้นพวกท่านจึงมาขอความช่วยเหลืองั้นหรือ”
“ใช่ ทางด้านค่ายเสวียนอู่ได้เคลื่อนไหวแล้วพวกเราไม่มีเวลามาก”
“ไม่แปลกใจ” หนีจุ้นพึมพำ “วันนี้ค่ายเสวียนอู่เงียบขนาดนั้นไม่มีเสียงสักแอะเลย”
เขาพูดทันที “ได้ พวกท่านไปพบผู้บัญชาการกับข้า”
“เดี๋ยวก่อน” ฟู่จินพูด
หนีจุ้นไม่เข้าใจ “อาจารย์ฟู่มีเรื่องอะไรจะสั่งการหรือขอรับ”
ฟู่จินถาม “ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าผู้บัญชาการของท่านจะรับฟัง”
“นั่น…” หนีจุ้นพูด “คงต้องลองดูก่อน”
“แม้จะสามารถโน้มน้าวใจได้ต้องใช้เวลานานเพียงใดกัน” หนีจุ้นไม่แน่ใจเลย
ฟู่จินพูด “ข้าทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในค่ายจูเชว่ก่อนที่จะมาที่นี่ บอกตามตรงผู้บัญชาการของพวกท่านเป็นคนขี้กลัวไม่แสวงหาความดีความชอบ หวังแต่เพียงไม่มีความผิดก็ดีแล้ว ในเวลานี้ไม่มีคำสั่งท่านคิดว่าเขาจะเคลื่อนทัพหรือ”
หนีจุ้นเงียบ
“เวลานั้นคงไม่ทันเสียแล้ว” ฟู่จินพูด “แต่หากออกทัพเดี๋ยวนี้ยังคงตามทัน”
หนีจุ้นลำบากใจ “ไม่มีคำสั่งจากผู้บัญชาการพวกเราไม่สามารถออกทัพได้! ”
ฟู่จินเหลือบมองตี๋ฝาน
ตี๋ฝานเข้าใจความหมายของเขาแล้วพูดเสียงเบา “เหล่าอวี๋กับเสี่ยวช่ายแล้วก็ท่านสนิทกัน โน้มน้าวไม่จำเป็นต้องใช้เวลา ท่านบอกให้พวกเขาไปที่กระโจมผู้บัญชาการ มัด และปิดปากเขาแล้วบอกให้คนเฝ้าให้ดี จากนั้นก็ออกมาอ้างว่าผู้บัญชาการมีคำสั่งให้ทุกคนรวมตัวมุ่งหน้าไปที่พระราชวังเดี๋ยวนี้!”
หนีจุ้นตกใจ “ท่านคิดอะไรไม่เข้าท่านี่เป็นการละเมิดกฎทหารนะ!”
ตี๋ฝานไม่เห็นด้วย “ด้วยความผิดนี้เทียบได้กับฝ่าบาทหรือ ท่านต้องเข้าใจว่าพวกเขากำลังก่อกบฏ! ในสถานการณ์เร่งด่วนเรายึดตามกฎไม่ได้ พวกท่านต้องตัดสินใจเพื่อปกป้องฝ่าบาท รอให้ฝ่าบาทเสด็จกลับจากประพาสนอกเมืองหลวงก็จะได้รางวัลความดีความชอบ!”
“นั่น…” หนีจุ้นลังเล
“เร็วเข้า!” ตี๋ฝานเร่งเร้า “พวกเราสนิทกันหากท่านไม่เชื่อข้าก็ควรเชื่อใจใต้เท้าเจี่ยงไม่ใช่หรือ”
หนีจุ้นไม่มีเวลาคิดเขากัดฟันแล้วตัดสินใจ “ได้! ข้าเชื่อท่านแล้วก็เชื่อใต้เท้าเจี่ยงด้วย! การจงรักภักดีต่อฝ่าบาทเป็นหน้าที่ของพวกเรา หน้าที่อันดับแรกของกองทหารรักษาพระองค์คือปกป้องความปลอดภัยของฝ่าบาท ในเมื่อฝ่าบาทถูกคุกคามพวกเราต้องออกโรง!”
ตี๋ฝานพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เร็วเข้า! ความคล่องแคล่วรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำสงคราม เรื่องนี้ต้องรีบจัดการ หากช้าจะเต็มไปด้วยช่องโหว่ อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาตอบโต้”
“ได้! พวกท่านมากับข้า!”
……………
“ใต้เท้าเจี่ยง ท่านเรียกพวกเรามาที่นี่หมายความว่าอย่างไร” ทุกคนในห้องแย่งกันพูด เจี่ยงเหวินเฟิงกวาดสายตามองทหารเฝ้าด้านนอกเข้าใจดี พวกคนใช้แรงงานสวมเสื้อกันหิมะเอามีดเหน็บเอว และเข้าล้อมรอบห้องพิจารณาคดีในที่ว่าการทันที
ทุกคนตกตะลึงส่วนพวกจินตนาการล้ำเลิศเกิดความคิดมากมายขึ้นในใจเสียแล้ว เจี่ยงเหวินเฟิงผู้นี้จงใจหลอกลวงพวกเขา และจับพวกเขาเป็นตัวประกันหรือ
เจี่ยงเหวินเฟิงซึ่งถูกจ้องมองด้วยสายตาหลายสิบคู่ยกมือคำนับพวกเขา และกล่าวอย่างสงบว่า “ทุกท่านอย่ากังวล นี่ไม่ใช่การพุ่งเป้ามาที่พวกท่าน แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ผนังมีหู”
“หมายความว่าอย่างไร”
“ใช่ ท่านจะบอกอะไรกันแน่”
เจี่ยงเหวินเฟิงกวาดสายตามองพวกเขาทีละคนแล้วถามขึ้นอย่างช้าๆ “ท่านทั้งหลายในช่วงวิกฤติข้าขอบังอาจถามว่าในหมู่พวกท่านมีผู้ใดเกี่ยวข้องกับองค์ชายรองหรือไม่”
คำถามนี้ทำให้ทุกคนสับสน แต่ก็มีบางคนที่แววตาเป็นประกายวาบจริงๆ
เมื่อไม่รู้เจตนาของเขาที่ถามคำถามนี้จึงไม่มีผู้ใดตอบ
เจี่ยงเหวินเฟิงพูดต่อว่า “ทุกท่านไม่ต้องกังวลไป ที่ข้าถามคำถามนี้ไม่ได้คิดจะชำระบัญชี พวกท่านมาถึงที่นี่ได้หมายความว่ายังไม่ได้รับข่าวซึ่งหมายความว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับองค์ชายรอง” ดวงตาหลายคู่นั้นหรี่ลงอย่างสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก็มีข้อสงสัยมากขึ้น
“ใต้เท้าเจี่ยง จู่ๆ ท่านพูดเช่นนี้ หรือว่าองค์ชายรอง…”
เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้า “ตอนนี้องค์ชายรองออกจากจวน และเข้าวังไปแล้ว”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที องค์ชายรองถูกกักบริเวณ และฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้วจะมีคำสั่งเรียกเข้าวังได้อย่างไร นั่นหมายความว่าเขาเข้าวังไปเพื่อ…
“เรื่องใหญ่เช่นนี้ต้องเกิดการนองเลือดแน่ และเพื่อให้ทุกท่านผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย ข้าจะพาพวกท่านไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย ตอนนี้เข้าใจแล้วหรือไม่”
…………….